“ปล้อน” บอกที่บ้านว่าไปลองรถต่างจังหวัด 3 วัน แต่จริงๆแล้วแค่ 2 วัน อาศัยเวลาว่างทำ “แกงเทครัว” อยู่แถวเมืองทอง เช้าขึ้นก็ไปเดินงาน Motor Expo สนใจมอเตอร์ไซค์อินเดียคือ BAJAJ Dominar 400 เห็นว่ามีถึง 3 หัวเทียนต่อสูบ !! ชอบที่เขาทำเหนือกว่าชาวบ้านที่เล่นกันสูงสุดคแค่ 2 หัวเทียนต่อสูบเท่านั้น
การทำงานของระบบ 3 หัวเทียน
เมื่อมองจากภายนอก เครื่องบล็อคนี้ปักหัวเทียนทำมุมเฉียงเข้าไปยังห้องเผาไหม้ ตัวที่หนึ่งโผล่งเขี้ยวกลางห้องเผาไหม้ อีกสองตัวที่เหลือวางทะแยงกันต่ำลงมาด้านล่างของห้องเผาไหม้ ควบคุมการจุดระเบิดโดย ECU ที่สั่งการให้ปล่อยประกายสปาร์คหลังจากตัวแรกในเสี้ยวมิลลิวินาที (ในการทำงานโรงงาน BAJAJ กำหนดองศาการจุดระเบิดของหัวเทียนตัวแรกไว้ที่ 15 องศาก่อนศูนย์ตายบน TCD : Top Center Dead) โดยประมวลข้อมูลจากตำแหน่งการเปิดของปีกผีเสื้อ รอบเครื่อง โหลดเครื่อง
ข้อดีของเครื่อง 3 หัวเทียนต่อสูบ : สตาร์ทเครื่องง่ายขึ้น การสั่นลดลง ส่งเสียงน้อยลง ลดมลพิษ ประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงขึ้น ได้กำลังสูงขึ้น โอกาสเกิดเขม่าที่หัวเทียนลดลง เผาไหม้รวดเร็วกว่าเครื่อง 2 และ 1 หัวเทียน 27% และ 50% ตามลำดับ
ข้อด้อยของมัน : ต้นทุนสูงขึ้น ออกแบบซับซ้อน ยุ่งยาก ถ้า ECU เสียหายอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาได้ ต้องการการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (ใช้ของเหลว) ถ้าระบบระบายความร้อนชำรุดอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ เครื่องยนต์มีน้ำหนักมากกว่าแบบ 2 และ 1 หัวเทียน
ผลการทดสอบที่เมืองนอก
อัตราการบริโภคน้ำมันเทียบกับโหลดที่กระทำต่อเครื่อง จากรูปจะเห็นว่าที่โหลดต่ำ น้อยกว่า 1.4 kg ลงไปเครื่อง 3 หัวเทียนบริโภคน้อยกว่าแบบ 2 และ 1 ตามลำดับ ครั้นมาโหลดกลางดันกลับมาสูสี และพ่ายแพ้เมื่อโหลดเข้าใกล้ 2.1 kg มาตีคืนประหยัดกว่าอีกครั้งเมื่อค่าเข้าใกล้ 2.8 kg
ประสิทธิภาพเชิงปริมาตร (Volumetric efficiency ประสิทธิภาพของกระบวนการนำไอดีเข้า) เทียบกับโหลดต่างๆ จะเห็นว่าเครื่อง 3 หัวเทียนนั้น “เสียท่า” แก่แบบอื่นที่โหลดต่ำกว่าประมาณ 1 kg ลงมา แต่ก็มาเอาคืนคือมีประสิทธิภาพเชิงปริมาตรสูงกว่าตั้งแต่โหลดที่สูงกว่า 1 kg ขึ้นไป
ค่าไฮโดรคาร์บอนที่ไม่ถูกเผาไหม้ (Unburnt Hydrocarbon) ประเด็นนี้เครื่อง 3 หัวเทียนเหนือกว่าทุกย่านโหลด รองลงมาคือเครื่องสองหัวเทียนและหนึ่งหัวเทียนตามลำดับ แสดงถึงการเผาไหม้ที่รวดเร็วและสมบูรณ์กว่านั่นเอง
เจอน้องๆในวงการเขาบอกว่าเจ้า BAJAJ Dominar 400 ตัวที่ปล้อนหมายปองนี้ มากับเครื่อง 373 ซีซี. 39.4 แรงม้าที่ 9,500 rpm. แรงบิด 35 นิวตัน–เมตร ที่ 7,000 rpm.ใส่ไปสุดจริงที่ 165 กม./ชม. บริโภคประมาณ 32.56 กม./ลิตร ที่ความเร็วช่วง 100–110 กม./ชม. ชิ้นส่วนอุปกรณ์ติดรถมามีคุณภาพสมราคา เก็บงานประกอบมาดี แต่น้ำหนักรถมากไปหน่อย เสียงเครื่องยนต์และโซ่ค่อนข้างดัง
“ปล้อน” คงต้องเม้มเงินเมียอีกหลายเดือนกว่าจะซื้อมันมาขี่ได้ ตอนนี้เขาอยากกินโรตี “ส่ายนม” เหลือเกิน ว่าแล้วก็ขับ TOYOTA หน้าแหลมหายแว๊ปไปต่อหน้าต่อตาพรรคพวก ….
