สิ่งที่ “ปล้อน” เฝ้ารอ ??!!
ปล้อนนั้นบ้าคลั่ง สนใจเรื่องการนำปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยี ‘มอเตอร์ไซค์ไร้คนขับ’ มาตลอด สมัยที่ยังไม่มีบิ๊กไบค์ขี่ เขามักจะไปนั่งกิน “บิ๊กไบท์” หน้าเซเว่นเป็นประจำ จนได้แฟนเป็นพนักงานขาย สิ่งที่เขาไม่มั่นใจคือมันจะใช้งานได้ปลอดภัย วางใจได้แค่ไหน เพราะขนาดรถยนต์ไร้คนขับก็ยังพลาด ชน เจ็บตาย กันหลายรายแล้วในการนำมาวิ่งใช้งานจริง !! อุปสรรคสำคัญอยู่ที่ “ระบบควบคุมสมดุลย์” ขณะขับขี่ ซึ่งต่างค่ายก็ต่างวิธีกันไป การติดตั้งระบบ LIDAR ตรวจจับสภาพแวดล้อมขณะขับขี่ ซึ่งเมื่อนำมาติดตั้งบนมอเตอร์ไซค์ก็ต้องนำมาติดในตำแหน่งสูง ไว้หลังรถ มีน้ำหนักถ่วงท้าย จุดศูนย์ถ่วง CG. สูง การทรงตัว ควบคุมรถยากขึ้นไปอีก ทำให้คงต้องรออีกหลายสิบปีที่จะมีการนำมาวิ่งจริง ที่เป็นไปได้มากสุดคงเป็นแค่ “ตัวช่วย” ในการขับขี่ โดยนำ AI ระดับสูงเข้ามาใช้ให้มากขึ้น
AI ในค่ายมอเตอร์ไซค์ที่น่ารู้
KAWASAKI
ซุ่มพัฒนาระบบมาระนะหนึ่ง มีข้อมูลออกมาน้อยสุดเทียบกับค่ายญี่ปุ่นด้วยกัน แน่นอนว่าระดับ KAWASAKI ย่อมต้องมีนวัตกรรมที่แปลกล้ำหน้าออกมาอยู่แล้ว งานนี้รู้สึกจะเน้นไปใน AI ที่ระบบที่ “มีความรู้สึก-Emotion” หรือ Kanjo ในภาษาญึ่ปุ่น แม้จะเป็นปัญญาประดิษฐ์ แต่ก็สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับผู้ขับขี่ได้ ฟังเสียงคำสั่งจากเจ้าของ ส่งเสียงโต้ตอบแบบ Chat สั้นๆได้ ตอนนี้ยังเป็นแบบคนกับรถ M2V (Man To Vehicle) แต่อีกไม่นาน KAWASAKI จะพัฒนาให้รถมันติดต่อสื่อสารระหว่างกันรู้เรื่อง เป็นV2V หรือ Vehicle To Vehicle ) แนว AI Motive ที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่
BMW
กับวิสัยทัศน์ร้อยปีข้างหน้า ‘Next 100’ ในโครงการ ‘C1’ มอเตอร์ไซค์ไร้คนขับ ที่พัฒนา AI software เซ็นเซอร์ GPS และเทคโนโลยีควบคุมสมดุลย์การขับขี่ ที่ได้นำมาโชว์ในรถต้นแบบ ใช้การควบคุมผ่านระบบวิทยุ มีกล่องรับสัญญาณวิทยุอยู่ด้านหลัง มีการพัฒนา ‘แว่นวิเศษ’ ที่ใช้สวมขณะขับขี่ ทำงานเชื่อมกับระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ ประเมินสภาพเส้นทางและสภาพแวดล้อม ดิสเพลย์ผลต่างๆผ่านแว่นที่ว่านี้ โดย AI ที่นำมาใช้ยังเป็นแค่ระดับประมาณ 2-3 เพียงแค่ช่วยตัดสินใจ สั่งการควบคุมมอเตอร์ไซค์เมื่อเห็นว่ามีโอกาสเกิดอันตราย มีระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ป้องกันการล้ม ขณะขับขี่และจอด จากการสาธิตโดยนำ BMW R 1200 GS ไร้คนขับ มันสามารถ ออกตัว ใช้ความเร็ว เลี้ยว เร่ง ลดความเร็ว หยุดรถ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ BMW ยังสนใจที่จะสร้างสกูตเตอร์ไร้คนขับ ‘Concept Link’ ออกมาคู่กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไร้คนขับออกมาเช่นกัน
HONDA
คือค่ายญี่ปุ่นที่พัฒนามอเตอร์ไซค์โลก AI ได้ค่อนข้างล้ำหน้า เน้นระบบควบคุมสมดุลย์ที่ความเร็วต่ำและขณะจอดนิ่ง โดยไม่ใช้ระบบไจโรสโคป ที่อาศัยแรงเฉื่อยของล้อหมุน เพื่อช่วยรักษาระดับทิศทางของแกนหมุนอีกต่อไป โดยเลือกใช้ระบบควบคุม ปรับมุมตะเกียบหน้าที่ทำกับฐานล้อเพื่อรักษาสมดุลย์การขับขี่ HONDA ได้สาธิตการเข้าจอดด้วยตัวมันเอง มันสามารถเลี้ยงตัวรถไม่ให้เอียงล้มขณะมีผู้สาธิตนั่งเฉยๆอยู่บนรถ โดยรถมันขยับแฮนด์ไปมาช่วยทรงตัว แล้วมันยังปรับมุมเอียงตะเกียบหน้าให้ยืดออกไปด้านหน้า หรือหดมุมลงมาด้านหลังอัตโนมัติเพื่อปรับการถ่ายเทน้ำหนักไม่ให้ล้ม ถ้า HONDA นำระบบนี้มาประยุกต์ใช้ จะช่วยได้มากในการการคลานเลื้อยเลาะไปตามช่องว่างบนถนน ผ่านฝูงรถต่างๆรอบทิศ จอดติดไฟแดงแบบไม่ต้องเหยียดเท้าพยุง สะดวก มีความสุขขึ้นมากทีเดียว
YAMAHA
ไปคนละแนวกับเพื่อนร่วมชาติ มุ่งไปที่ระบบ ‘Motoroid’ ปล่อยข่าว มีการสาธิตการทำงานต่อเนื่องมาหลายปี จดจำหน้าเจ้าของได้ ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู่ขี่ได้ เข้าจอดเองได้ ปลดขาตั้งเอง วิ่งมาหาเจ้าของได้ เป็น “Motobot” ราวสุนัขหุ่นยนต์ซิ่งแสนรู้ ซึ่ง YAMAHA ตอนนี้ก็สามารถพัฒนาให้ขับแข่งกับมนุษย์ในสนามแข่งขันระดับโลกได้ หาญถึงสามารถประกบ “เดอะด๊อกเตอร์ : Valentino Rossi” ตำนานนักบิดอิตาเลี่ยน แชมป์โลก Moto GP 9 สมัย โดยให้ Rossi ขับ YAMAHA YZF-R1M ตัวแข่งวัดฝีมือกับคันที่ใช้ AI ขับขี่ ผลคือเจ้าหุ่นนี้ก็สามารถขี่เข้าโค้งด้วยความเร็ว 62 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำความเร็วต่อรอบเฉือนพี่ดอกเตอร์ได้แบบงงกันทั้งโลกไปแล้ว !!!
Next decade “Autonomous Motorcycle”
วงการสองล้อต่างก็มุ่งพัฒนาระบบ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสภาพเส้นทางและสิ่งแวดล้อม เสริมความปลอดภัยเป็นหลัก ช่วยรักษาสมดุลย์ในการขับขี่ ปฏิสัมพันธ์การผู้ขับ อำนวยความสะดวกในการรับรถ-ส่งเข้าที่จอด สื่อสารระหว่างมันกับเจ้าของ และมันกับรถคันอื่น ให้มันควบคุมการขับขี่ ทรงตัว เลี้ยงตัว ได้ดีขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับหมากกันน็อคที่นำระบบ AR (Augmented Reality), Virtual Reality(VR) และ Mixed Reality(MR) เป็นดิสเพลย์เสมือนจริง 3 มิติ ผ่านกล้องและระบบประมวลผล ข้อมูลที่ถูกนำไปประมวลจะถูกนำมาแสดงต่อหน้าเราทั้งข้อมูลจราจร มุมมองด้านข้าง ด้านหลัง บนแว่นและหมวกกันน็อคอัจฉริยะที่ตอนนี้ทำขายมานานแล้ว แต่ยังคงเป็นเทคโนโลยีขั้นต้น
เรากำลังเข้าสู่ยุค “Human & Machine Learning” ที่ยานพาหนะทั้งหลายรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งตำแหน่ง คาดคะเนทิศทาง ความเร็ว สามารถวิเคราะห์สถานะการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ มีการอินเตอร์เฟสแสดงสิ่งต่างๆ ให้ทางเลือกแก่เรา มอเตอร์ไซค์ยุคนั้น จะสามารถสั่งการผ่านการสัมผัสบนอากาศผ่านหมวกกันน๊อคอัจฉริยะ มันคือบิ๊กไบค์ที่ “ปล้อน ศิษย์บอย” รอคอย เขาหวังจะนำไปทำรายการ “แดกไป ดื่มไป” ในอนาคต ….