หลังจากที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ทางค่าย Aston Martin ได้เปิดตัวรถแข่งสำเร็จรูป Aston Martin Vantage ในคลาส GT3 อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย มาในครั้งนี้…ค่ายผู้ดีสยายปีก วางกำหนดการรุกหนักในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคิวของตัวแข่งในรุ่น GT4 ที่จะยังคงใช้พื้นฐานจาก Aston Martin Vantage ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ พร้อมการอัพเกรด เพื่อเรียกสมรรถนะ พร้อมขีดจำกัดในการขับขี่ที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น
Aston Martin Vantage GT4 เป็นตัวแข่งที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแผนก Aston Martin Racing (AMR) ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการอัพเกรดจากตัวแข่งที่ใช้ในฤดูกาลก่อน โดยไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่การปรับปรุงเรื่องแอโร่ไดนามิคส์ ควบคู่กับกับโคงสร้างตัวถังที่มีการปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ รวมถึงระบบระบายความร้อน เพื่อให้รถสามาถใช้ความเร็วต่อเนื่องในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้ข้อบังคับของกติกาการแข่งขันในรุ่น GT4 ซึ่งตัวรถ จะต้องใช้โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงระบบกลไลที่ออกแบบมาจากโรงงานมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับรถที่เป็นรุ่นโปรดักชั่นสำหรับทำตลาดทั่วไป
แม้ว่าภาพลักษณ์โดยรวมของ Aston Martin Vantage GT4 จะไม่สุดเท่ารุ่นพี่ในคลาส GT3 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า แต่หากเทียบกับเวอร์ชั่นสแตนดาร์ดของ Aston Martin Vantage ถือว่าตัวรถได้รับการอัพเกรดความดุดันเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องภาพลักษณ์ที่มาพร้อมสีตัวถัง British Racing Green พร้อมด้วยการติดตั้งชุดสเกิร์ตหน้า รวมถึงหางหลังแบบ Swan Neck ที่ช่วยเพิ่มแรงกดในด้านท้ายที่ย่านความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว่ากันว่า…ชิ้นส่วนที่ได้รับการพัฒนาใหม่ สำหรับรถแข่ง Aston Martin Vantage GT4 เวอร์ชั่นปี 2024 ช่วยสร้างแรงกดให้กับตัวรถได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดการหน่วงจากกระแสลมในขณะวิ่งทางตรง นั่นจึงทำให้ตัวรถ สามารถเข้าโค้งได้เร็ว และทำความเร็วในทางตรงได้สูงกว่าเวอร์ชั่นที่ใช้แข่งขันในฤดูกาลก่อน
สิ่งที่ทำให้ Aston Martin Vantage GT4 ต่างจากรุ่นสแตนดาร์ด ไล่มาตั้งแต่ด้านหน้าก็คือ ฝากระโปรง มีการเจาะรูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน พร้อมลดน้ำหนักด้วยการใช้วัสดุที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ (เส้นใย Flax ผสมโครงสร้างที่ทำจาก Cork) ช่องกระจังหน้า ถูกขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรับให้สามารถรับลมเข้าไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ รวมถึงชุดเบรก ซึ่งออกแบบให้มีช่องดักลมเป่าคาลิเปอร์จากด้านหน้า เพื่อลดกาการเฟดของชุดเบรกในขณะแข่งขัน ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการติดตั้งโรลเคจเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถังที่ทำจากอลูมิเนียม บริเวณแผงหน้าปัดและคอนโซลหน้า ถูกแทนที่ด้วยเซ็ตหน้าจอแสดงผลคู่ ที่ฝั่งอยู่ในกรอบคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมด้วยแผงสวิตช์สำหรับควบคุมระบบต่างๆ โดยสิ่งที่าดไม่ได้สำหรับตัวแข่ง Aston Martin Vantage GT4 ก็คือ เซ็ตพวงมาลัยจาก Racetech ดีไซน์เดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน Formula 1
ด้านขุมพลังของ Aston Martin Vantage GT4
เป็นเครื่องยนต์ V8 พิกัด 4.0 ลิตร Bi-Turbo จากค่าย AMG โดยในส่วนของระบบควบคุม จะใช้เซ็ตกล่อง ECU จาก Bosch Motorsport ที่สามารถเลือกปรับระดับพละกำลังได้ (โดยสแตนดาร์ดจะถูกปรับไว้ที่ 469 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 640 นิวตัน-เมตร ตามกติกาการแข่งขัน ซี่งน้อยกว่าเวอร์ชั่นสแตนดาร์ดที่เปิดตัวไปล่าสุด ที่มีกำลังมากถึง 656 แรงม้า พร้อมแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร) ส่วนระบบส่งกำลัง จากสแตนดาร์ดที่มาในรูปแบบ 8 สปีด ถูกปรับให้พร้อมใช้งานในอัตราทดที่เหมาะสมกับการแข่งขัน โดย Aston Martin Vantage GT4 ลดช่วงให้เหลือเพียง 6 สปีด (งดการใช้เกียร์ Overdrive ในตำแหน่ง 7 และ 8 พร้อมตัดฟังค์ชั่นการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ) อันการพัฒนาร่วมกันของ ZF และ AMR
ชุดช่วงล่างของ Aston Martin Vantage GT4
ได้รับการอัพเกรดด้วยชุดโช้กอัพจาก KW ที่สามารถปรับการทำงานได้แบบ 2 Ways ควบคู่ไปกับการใช้ชุดเบ้าโช้กที่สามารถเลือกปรับแคมเบอร์ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ในส่วนของชุดล้อ จากสแตนดาร์ดที่มาในขนาด 21 นิ้ว ถูกลดลงเหลือขนาด 18 นิ้ว ใน Aston Martin Vantage GT4 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของการแข่งขัน GT4
Aston Martin Vantage GT3 2024 รถซิ่งผู้ดีในลุคดุดัน พร้อมสานฝันคนรักความเร็วในเวทีระดับโลก