Home » 8 BigBike น่าจับตาในปี 2021 มาแน่…แค่อดใจรออีกนิด

8 BigBike น่าจับตาในปี 2021 มาแน่…แค่อดใจรออีกนิด

by Admin clubza.tv

แม้ว่าในปีที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงต้นปีแบบนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะวงการยานยนต์ที่ดูจะชะลอตัวอย่างหนักหน่วง รถใหม่ๆ เปิดตัวกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด กำลังซื้อของผู้ใช้ในหลายๆ กลุ่มก็หายไป แต่ก็ใช่ว่าจะเงียบซะทีเดียว โดยในวงการบิ๊กไบค์ปีนี้ มีหลายๆ รุ่นที่ดูน่าสนใจ ซึ่งทางสื่อชั้นนำอย่าง Motorcycle ได้คาดการณ์ 8 รุ่น โดนใจ มาเรียกน้ำย่อยชาวไบค์เกอร์กันแล้ว

KTM 890 Adventure R (เคทีเอ็ม 890 แอดเวนเจอร์ อาร์)

– เป็นที่ทราบกันดีว่าแบรนด์ KTM นั้น กำลังกลับมาในบ้านเรา ซึ่งความน่าสนใจของการกลับมาทำตลาดในครั้งนี้ คือ เรื่องของค่าตัวที่ดูจะไม่โอเวอร์เหมือนครั้งก่อนๆ อย่างน้อยก็พอที่จะทำให้ไบค์เกอร์โดยเฉพาะสายลุย สายโหดใจแกว่งกันได้บ้าง โดยรุ่นที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งของการกลับมาในปี 2021 ก็คือ KTM 890 Adventure R หลังจากที่รุ่นน้องอย่าง KTM 790 Adventure R ครองความเป็นจ้าวแห่งสายลุยมิดเดิ้ลไซส์มาอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า หากลองเทียบกับตระกูลอื่นๆ ตัว 890 นั้น แม้จะขยับความจุขึ้นมาอีกเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีสมรรนะสูงขึ้นจนสามารถก้าวสู่ความเป็นระดับท็อปคลาสได้แบบแบบสบายๆ อีกทั้งยังน่าจะเป็นมิตรสำหรับการเดินทางในรูปแบบออฟโร๊ด ด้วยแรงบิดในรอบต่ำที่สูงขึ้น ช่วยให้การผ่านทุกอุปสรรคทำได้ง่ายกว่าที่เคยเป็น

Aprilia Tuareg 660 (อะพริเลีย ทัวเร็ก 660)

– เรียกได้ว่า เป็นยุคทองของมอเตอร์ไซค์ในพิกัดหกแรงครึ่งก็เป็นได้ โดยเฉพาะสำหรับค่ายอินดี้จากแดนมักกะโรนีอย่าง Aprilia ที่มาที…ก็ขนกันมาแบบยกแผง หลังจากที่ล่าสุดได้เผยโฉมพร้อมสเปคเนคเก็ตไบค์ Aprillia Tuono 660  ไปแบบสดๆ ร้อนๆ ยังไม่ทันไรก็มีภาพหลุดการวิ่งทดสอบของ Aprilia Tuareg 660 ที่มาในรูปแบบทัวริ่งออกมาให้แฟนๆ ได้ลุ้นกันอีก แม้จะยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่สิ่งที่คาดเดาได้ไม่ยากก็คือ เครื่องยนต์ที่ใช้ คงไม่หนีจากบล็อค 2 สูบเรียง 660 ซีซี. ที่ประจำการอยู่ใน Tuono และ RS 660 โดยอาจมีการปรับรุปแบบของการปลดปล่อยพละกำลัง เพื่อเน้นเรื่องของแรงบิดในรอบต่ำให้สูงมากขึ้น แน่นอนว่าการมาของ Aprilia Tuareg 660 ก็น่าจะทำให้การต่อกรของมอเตอณืไซค์สายลุยในคลาสนี้ เป็นไปอย่างสนุกแน่นอน งานนี้ Yamaha Tenere 700 คงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

Ducati Monster (ดูคาติ มอนสเตอร์)

เผยโฉมในโลกโซเชียลในช่วงปลายปีก่อน และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในบิ๊กไบค์ที่มาแรงในปี 2021 ด้วยดีไซน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากรูปแบบโครงซี่ Trellis มาเป็นเฟรมอะลูมิเนียม รวมถึงซับเฟรมโพลิเมอร์ไฟเบอร์กล๊าส ที่มีน้ำหนักเบา และให้สมรรถนะในการขับขี่ที่สูงกว่า ผสานกับความเร้าใจของขุมพลังในรูปแบบ L-Twin ที่คุ้นเคย โดยมาในพิกัด 937 ซีซี. ให้กำลัง 111 แรงม้า โดยสิ่งที่โดดเด่นสุดๆ สำหรับการกลับมาของ Ducati Monster ในเจนเนอเรชั่นนี้ก็คือ เรื่องของน้ำหนักที่เบาลงกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนถึง 18 กก. !!! (166 กก. ไม่รวมของเหลว ซึ่งยังคงหนักกว่า KTM 890 Duke R อยู่ประมาณ 3 กก.) นอกจากนี้ในด้านออพชั่นต่างๆ ยังคงจัดเต็มด้วยโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด มีควิกชิฟเตอร์แบบ Up-Down พร้อมระบบความปลอดภัยที่มี Cornering ABS มาให้ใช้งาน โดยสะแสดงผลและควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว

Triumph Trident 660 (ไทรอัมพ์ ไทรเด้นท์ 660)

-อาจไม่เร้า แต่ว้าววว ! ใจมาก เพราะหลายๆ คนคงไม่คิดว่ามอเตอร์ไซค์แบรนด์เนมอย่าง Triumph จะลงมาเล่นตลาดให้คนรักการขี่บิ๊กไบค์ได้เข้าถึงความบันเทิงได้แบบไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋า (มากนัก) โดย Triumph Trident 660 เปิดตัวในไทย ชนิดที่เลยเอาคู่แข่งตายกันทั้งตลาด ด้วยค่าตัวเพียง 309,000 บาท ซึ่งดูว้าวกว่ารถแบรนด์ญี่ปุ่นในระดับเดียวกันหลายๆ ค่ายในประเทศไทย จุดเด่นของ Triumph Trident 660 ไม่ได้อยู่ที่การขายแบรนด์หรือความเป็นไทรอัมพ์เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมสไตล์และเครื่องเคียงที่ดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังในรูปแบบ 3 สูบ ที่ให้กำลังถึง 81 แรงม้า จับคู่กับวัสดุที่ใช้ซึ่งเป็นเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดให้แบบเต็มๆ ABS, Traction Control มาครบ ตามแบบฉบับความเป็นมอเตอร์ไซค์สายยุโรป แว่วมาว่า Triumph Trident 660 จะมีการส่งมอบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง เราจัดรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันแน่นอน

BMW S1000R (บีเอ็มดับบลิว เอส 1000 อาร์)

เนคฯ รุ่นใหญ่ค่ายใบพัดเตรียมกลับมาเขย่าวงการอีกครั้ง หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นถึงจุดพีคแล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่ จนคู่แข่งแอบแซงกันไปหลายค่าย โดยการกลับมาครั้งนี้ โครงสร้างและดีไซน์ในภาพรวม เสมือนเป็นการจับสปอร์ตร่วมตระกูลอย่าง BMW S1000RR มาถอดแฟริ่ง ซึ่งข้อดีก็คือ หากคาดหวังในเรื่องของสมรรถนะในระดับสูง เนคเก็ตไบค์คันนี้ มีให้คุณได้สัมผัสอย่างแน่นอน เช่นเดียวกัน BMW ยังคงเน้นในเรื่องความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ จัดเต็มระบบความปลอดภัยด้วยชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ระดับชั้นนำ เช่น IMU ประมวลผลแบบ 6 แกน เจนเนอเรชั่นใหม่ พร้อมน้ำหนักที่เบาลงกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนถึง 6.5 กก. โดยเรื่องพละกำลังนั้น อาจะไม่ได้สุดโต่งเหมือนกับเนคเก็ตไบค์สายแรงรุ่นอื่นๆ แต่เน้นพลังที่สามารถใช้งานได้จริงที่ 165 แรงม้า ที่ 11,000 รอบ/นาที จากเครื่องยนต์ในพิกัด 999 ซีซี.

Ducati Mulitstrada V4 (ดูคาติ มัลติสตราด้า วีโฟร์)

-ถ้าจะนิยมควำว่า “ทัวริ่งที่ซิ่งที่สุดในสามโลก” คงไม่มีมอเตอรืไซค์คันไหนที่เหมาะไปกว่า Ducati ในตระกูล Mulitstrada เพราะนอกจากจะเป็นรถในตระกูลที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางโดยเฉพาะแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นความโดดเด่นของ Multi ก็คือ เรื่องของพละกำลัง ที่เนคเก็ตไบค์ หรือสปอร์ตบางคันยังต้องอาจ ยิ่งกับเจนเนอเรชั่นล่าสุดอย่าง Ducati Mulitstrada V4 ต้องบอกว่า ความธรรมดาไม่เคยมีอยู่ในสารบบแน่นอน เพราะขุมพลังบล็อคนี้ ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะเป็นทุนเดิม ถอดแบบมาจากสปอร์ตในค่ายอย่างตระกูล Panigale V4 แม้เครือ่งยนต์ที่มาในชื่อใหม่อย่าง Granturismo 1158 V-four จะถูกลดทอนกำลังลงมาให้เหลือเพียง 170 แรงม้า แต่นั่นก็เพียงพอที่จะส่งให้ Ducati Mulitstrada V4 เป็นทัวริ่งไบค์ที่แรงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่าเครื่องยนต์ V-Twin 1260 VVT บล็อคเดิมอีกด้วย

Triumph Speed Triple 1200 RS (ไทรอัมพ์ สปีด ทริปเปิ้ล 1200 อาร์เอส)

-รุ่นนี้ในบ้านเราอาจจะไม่อินสักเท่าไหร่ เพราะไม่ทำตลาดมากว่า 10 ปีแล้ว ด้วยค่าตัวที่เข้าถึงได้ยาก และต้องคนที่มีความเข้าใจหรือชอบจริงๆ เท่านั้นถึงจะ “กล้า” จ่าย แต่ก็เป็นอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจ แน่นอนว่าหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Mission Impossible ก็คงจะพอจำกันได้ โดยในต่างแดนจะมีการเปิดตัวในช่วงเที่ยงของวันที่ 26 มกราคม 2564 ที่ประเทศอังกฤษ แม้จะยังไม่มีรายละเอียดเผยออกมามากนัก แต่คาดว่า Triumph Speed Triple 1200 RS จะมาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ 3 สูบ 1,160 ซีซี. ขับเคลื่อนด้วยเพลาบนสวิงอาร์มหลังแบบ Single Side พร้อมจัดเต็มด้วยเครื่องเคียงแบรนด์เนมตามสูตร ไม่อยากพูดเยอะ…รอชมดีกว่า

BMW M1000RR (บีเอ็มดับบลิว เอ็ม 1000 ดับเบิ้ลอาร์)

-ตัวเด็ดแห่งปี หลายคนคงพอเคยเห็นหน้าเห็นตากันมาบ้างแล้ว ลองจินตนาการดูครับว่า สำหรับแบรนด์ BMW รถที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งสมรรถนะ แน่นอนว่าต้องเป็น M อย่างไม่ต้องสงสัย การมาของ M1000RR ก็มาพร้อมจุดประสงค์อันเดียวกันนั้น หรือพูดง่ายๆ ว่านี่คือ M เวอร์ชั่น 2 ล้อ นั่นเอง ความพิเศษของ BMW M1000RR นอกจากจะได้รับการอัพเกรดพละกำลังให้สูงขึ้นเป็น 212 แรงม้า แล้ว ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับท็อปคลาสมากมา เช่น แฟริ่งคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมจับคู่กับวิงเล็ตที่ช่วยสร้างแรงกดในย่านความเร็วสูง (16.2 กก. ที่ความเร็ว 187 กม./ชม.), ชุดท่อไอเสียจาก Akrapovic, คาลิเปอร์เบรก Monobloc ซึ่งดูจากโหงวเฮ้งแล้ว มีความใกล้เคียงกับตัวแข่ง SuperStock ของทาง BMW เลยทีเดียว โดย BMW M1000RR จะทำออกมาทั้งสิ้น 500 คัน และจำหน่ายในราคา 30,000 ยูโร เชื่อว่าเมื่อถึงกำหนดส่งมอบ…บ้านเราคงจะมีให้ยลโฉมกันอย่างแน่นอน

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Motorcycle


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy