เมื่อ Autonomous Car “เฟอะฟะ”
Cr-ภาพ-www.goodnewsfinland.com
วันนี้จะขอติดตามวงการ “รถไร้คนขับ Autonomous Cars” ที่ออกข่าวมาเป็นระยะ ว่าชนคนเสียชีวิตขณะเดินข้ามถนน ชนกับรถอื่นด้วยกัน วิ่งเฟอะฟะ การทำงานยังเป็นระดับชั้นประถม ทั้งนี้จึงมีการกลับมาปรับปรุง ระบบ AI ของมันเป็นการใหญ่ อุบัติเหตุเหล่านี้กระทบภาพลักษณ์ไปยัง TESLA, Waymo(ค่าย Google), Alphabet(ค่าย GM), Drive.ai หรือ Aptiv (ค่าย Uber) ไปตามๆกัน !!
เรื่องดังกล่าวมีการเพ่งเล็ง วิเคราะห์ไปที่ระบบแผงเซ็นเซอร์ จำนวนและตำแหน่งติดตั้งของมัน ว่าสามารถกวาดสแกนได้ครบทุกเหลี่ยมมุมหรือไม่ มีประสิทธิภาพแค่ไหน ?? มีนักจิตวิทยาออกมาให้ความคิดเห็นกับเขาด้วย ว่าเป็นเรื่อง ‘ทฤษฎีทางจิต’ คือตอนจะข้ามถนนคนเรามักจะมองไปที่ตาคนขับก่อนว่าเขาเห็นเราไหม ถ้าใช่ก็รู้สึกมั่นใจว่าปลอดภัยในการข้ามถนน ถ้าไม่ใช่ก็จะไม่ค่อยอยากข้าม และคนเรามักจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำอย่างไรเพราะเราคิดว่าถ้าเราเป็นเขาก็จะทำอย่างนั้น มันเป็นการคาดเดาพฤติกรรมคนอื่นโดยใช้ประสบการณ์ของตัวเราเอง นักจิตวิทยาผู้นี้กล่าวว่าครั้นพอมาเจอรถไร้คนขับเราเลยไม่รู้จะสบตาสื่อสัญญาณกับใคร ??
ทางออกขั้นต้น
Cr-ภาพ-www.goodnewsfinland.com
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน คือติดตั้งสัญญาณไฟ LED ไว้ทั้งสี่ด้านของรถ ให้เปล่งข้อความ message บนจอไฟ LED สองสีเห็นชัด ตัวโตอ่านง่ายเพื่อสื่อสารให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบ เช่นถ้าเห็นคนจะข้ามถนนแล้วรถมันตัดสินใจหยุดรถให้ข้ามก็จะปล่อย “Waiting for you “ ออกมาว่ากรูเห็นมรึงแล้วนะจะ ข้ามได้ ส่วนถ้ามันไม่สบอารมณ์ให้ข้ามก็จะปล่อยตัวหนังสือ “Going now/Don’t cross” ออกมาเตือนให้คนทราบ ว่าจงอย่าข้าม …
ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ที่ต้องปรับปรุง
วงการ Autonomous Cars ขณะนี้จึงแก้ไข ปรับปรุงระบบเซ็นเซ่อร์ กล้อง LIDAR, REDAR มาใช้แบบหมุนรอบตัวเองติดตั้งบนหลังคารถ รวมทั้งระบบประมวลข้อมูล AI ที่ใช้สังเกตุการณ์ ประมวลข้อมูล วิเคราะห์นำทาง ให้คำแนะนำ ตัดสินใจ ควบคุมสั่งการ แก้ปัญหา ที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงขึ้น เพื่อให้ระบบของมันตัดสินใจถูกต้องในเสี้ยววินาที
การแบ่งชนชั้นของ AI ในรถไร้คนขับ
“ปล้อน” ตาลีตาเหลือก วิ่งพรวดมากับชุดผ้าขาวม้า ทำ PowerPoint มาให้ เพื่อแสดงให้เห็นระดับของ AI ที่วงการนำมาใช้ ดังนี้คร๊าบ…
บทบาทของคน กับ AI
การสื่อสารควบคุมสั่งการระหว่างเรากับ AI ดูเหมือนจะมีให้ต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป ว่าบทบาทที่เหมาะสมจะจำกัดอยู่ประมาณใด มันควรตัดสินใจ-สั่งการเมื่อใดอย่างไร เพราะในความไม่สมบูรณ์แบบมันก็มีจุดดีคือไม่ได้ประมาทเหมือนคนเรา เช่นขับไปโทรไป ไลน์ไป เมาแล้วขับ หัวร้อนอาละวาด หนทางหนึ่งที่น่าจะสามารถลดอุบัติเหตุคือควบคุมให้ใช้ความเร็วที่ต่ำลง หรืออนุญาตให้ใช้ในย่านที่จำกัด วิ่งรับส่งในบางพื้นที่ เปิดบริการเฉพาะเวลากลางวัน สภาพอากาศดีจำกัดความเร็วของมัน เป็นเรื่องที่พวกเขากำลังพิจารณา เพื่อปรับปรุง แก้ไข …ส่วนบ้านเรายังอีกนานกว่าจะได้ใช้รถพวกนี้ อุปสรรค ปัญหา คืออะไร กำลังให้ “ปล้อน” ช่วยหาข้อมูลอยู่คร๊าบ….
