Omoda C5 EV ครอสโอเวอร์พลังไฟฟ้า ผลิตผลภายใต้แบรนด์ Chery Group ที่จะกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญของรถในกลุ่ม B-Segment SUV คลาสที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด และเป็นหนึ่งในไม่กี่เซ็กเม้นท์ในประเทศไทย ที่มีรถให้เลือกใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์สันดาปล้วน, ไฮบริด หรือแม้แต่ EV ซึ่งแน่นอนว่า Omoda C5 EV จะกลายมาเป็นเสี้ยนหนามโดยตรงของทั้ง BYD Atto 3, MG ZS EV รวมถึงรถ EV B-Segment ในกลุ่มอื่นๆ เช่น Ora Good Cat, BYD Dolphin และ MG4 Electric ด้วยเช่นกัน
Omoda C5 EV น้องใหม่ที่จะมาเขย่าให้วงการ B-Segment SUV คึกคักอีกครั้ง
รหัส C ใน Omoda C5 EV นั้น หมายถึงความเป็นรถในตระกูล Crossover ที่เน้นอรรถประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย รองรับทั้งกับการใช้งานในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว ควบคุมได้ง่าย รวมถึงการเดินทางไกลๆ หรือใช้งานในสภาพเส้นทางที่สมบุกสมบันมากกว่ารถในสไตล์ซีดาน หรือแฮทช์แบคทั่วๆ ไป โดย Omoda C5 EV มาพร้อมระยะต่ำสุดจากพื้น 165 มม. ซึ่งหากเทียบกับรถ EV เซ็กเม้นท์เดียวกันที่ทำตลาดในประเทศไทย ก็คงจะเป็นรองเพียงแค่ BYD Atto 3 ซึ่งสูงกว่า 10 มม. ในส่วนของระยะฐานล้อของ Omoda C5 EV อยู่ที่ 2,630 มม. วัดกันด้วยความยาว อาจเป็นรองคู่แข่งหลายๆ รุ่นในรูปแบบเดียวกัน แต่หากสิ่งที่ได้มานั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องความคล่องตัวในการใช้งาน (ไว้พูดถึงในพาร์ทการขับขี่) ซึ่งดูแล้ว…เป็นวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนารถรุ่นนี้ขึ้นมา
เทียบ Omoda C5 EV กับรถในรูปแบบเดียวกัน
| รายละเอียด | Omoda C5 EV | BYD Atto 3 | MG ZS EV | Ora Good Cat |
| มิติตัวถัง | 1,824 x 4,400 x 1,588 มม. | 1,875 x 4,455 x 1,615 มม. | 1,809 x 4,323 x 1,649 มม. | 1,825 x 4,235 x 1,596 มม. |
| ระยะฐานล้อ | 2,630 มม. | 2,720 มม. | 2,585 มม. | 2,650 มม. |
| ระยะจากพื้น | 165 มม. | 175 มม. | 161 มม. | 145 มม. |
| ล้อ – ยาง | 215/55 R18 | 215/55 R18 | 215/50 R17 | 215/50 R18 |
Omoda C5 EV มาพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า (มากที่สุดเทียบเท่ากับ BYD Atto 3) แต่มีแรงบิดที่เหนือกว่า คือ 340 นิวตัน-เมตร (เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในคลาส) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่เคลมเอาไว้แบบถ่อมตัว คือ 7.8 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 61 kWh ที่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีการเคลมระยะทางการวิ่งที่แน่ชัดออกมา แต่ในข้อมูลเบื้องต้นที่คาดการณ์จากรถที่เป็น Pre Production (อยู่ระหว่างการพัฒนาซอฟท์แวร์ก่อนที่จะขายขจริงในประเทศไทย) คือ ราว 460 กม. (NEDC) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 15.5 kW ต่อ 100 กม. จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Omoda C5 EV คงหนีไม่พ้นเรื่องความสามารถในการชาร์จ ซึ่งรองรับการชาร์จด้วยไฟกระแสสลับสูงสุด 11 kW และรองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรงสูงสุดที่ 110 kW อีกทั้งยังสามารถปล่อยไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอก ผ่านฟังค์ชั่น V2L ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 3.3 kW
เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 7.8 วินาที แต่จากที่ทดลอง คือ ดูทรงดีได้มากกว่านั้น
ระดับสมรรถนะของ Omoda C5 EV กับรถในรูปแบบเดียวกัน
| รายละเอียด | Omoda C5 EV | BYD Atto 3 | MG ZS EV | Ora Good Cat GT | Ora Good Cat |
| แรงม้า | 204 | 204 | 177 | 171 | 143 |
| แรงบิด | 340 | 310 | 280 | 250 | 210 |
| อัตราเร่ง 0-100 | 7.8 | 7.3 | 8.5 | 8.5 | 9.2 |
แบตเตอรี่ 61 kWh รองรับความเร็วสูงสุดในการชาร์จ 110 kW
ความสามารถรองรับการชาร์จ Omoda C5 EV กับรถในรูปแบบเดียวกัน
| รายละเอียด | Omoda C5 EV | BYD Atto 3 | MG ZS EV | Ora Good Cat |
| ขนาดแบตเตอรี่ | 61 | 60.4 | 50.3 | 57.7 |
| ระยะการเดินทาง | 460 NEDC | 420 WLTP | 403 NEDC | 480 NEDC |
| รองรับ AC Charge | 11 kW | 7.0 kW | 7.4 kW | 6.6 kW |
| เวลาชาร์จ AC 0-100% | 6 ชั่วโมง | 8.30 ชั่วโมง | 7 ชั่วโมง | 9.30 ชั่วโมง |
| รองรับ DC Charge | 110 kW | 80 kW | 94 kW | 60 kW |
| เวลาชาร์จ DC 10-80% | 32 นาที | 45 นาที | 34 นาที | 53 นาที |
จุดเด่นของรถ EV แบรนด์จากประเทศจีน แทบจะทุกรุ่น คงหนีไม่พ้นการให้ระบบความปลอดภัยทั้งขั้นพื้นฐาน รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัยขั้นสูงมาให้แบบครบครัน ซึ่งก็เช่นเดียวกับ Omoda C5 EV ที่จัดเต็มมาให้ทุกฟังค์ชั่น แต่สิ่งที่โดดเด่นมากกว่านั้น เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Omoda C5 EV ก็คือ การตกแต่งและเลือกใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม แบบไม่ต้องอาศัยความรู้สึก “ชอบส่วนบุคคล” เป็นตัวตัดสิน วัสดุที่เลือกใช้ให้ความรู้สึกหรูหรา ดูแพง ไม่ว่าจะเป็นหนังซอฟท์ทัชที่บุบริเวณแผงประตู หน้าปัด รวมถึงคอนโซล วางสลับอยู่กับลายไม้สีเข้มเงา ที่โดยส่วนใหญ่เรามักจะเจออยู่ในรถระดับพรีเมี่ยมเท่านั้น การจัดวางฟังค์ชั่นต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในหน้าจอ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยตามสไตล์รถ EV ยุคใหม่ โดยการสัมผัสหน้าจอของ Omoda C5 EV ณ เวลานี้ ยังรู้สึกหน่วงๆ อยู่เล็กน้อย (ด้วยความเป็นรถ Pre Production) แต่ฟังค์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ถือว่าอยู่ในจุดที่เข้าถึงการควบคุมได้ไม่ยากจนเกินไป ด้านชุดเครื่องเสียงจาก Sony มาในรูปแบบ 8 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงในระดับที่น่าประทับใจ และพร้อมรองรับลูกเล่นและการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น Apple Carplay และ Android Auto
Omoda C5 EV มาพร้อมกระจกบานหน้า และกระจกข้างคู่หน้าแบบ Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารได้อีกระดับ ส่วนกระจกในห้องโดยสารตอนหลัง ถูกปรับสีให้เข้มขึ้นเล็กน้อย ในลักษณะที่เรียกว่า Privacy Glass ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แต่อย่างไรก็ตาม การนั่งในจุดนี้ อาจไม่ใช่คุณสมบัติเด่นของ Omoda C5 EV ด้วยความที่พนักพิงค่อนข้างจะตั้งชัน (ไม่สามารถปรับเอนได้) และเบาะรองน่องนั้นค่อนข้างจะสั้นไปสักหน่อย (ผู้ทดลองนั่งไม่ได้ขายาว ยังรู้สึกว่าสั้น) แต่หากการนั่งในพื้นที่ขับขี่ หรือผู้โดยสารในด้านหน้า ถือว่าให้ความสะดวก และสามารถเซ็ตระยะการขับขี่ได้อย่างเหมาะสม ด้วยพวงมาลัยที่สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง และสามารถปรับเบาะด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง สำหรับผู้ขับขี่ และ 4 ทิศทาง สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ในส่วนของฝาท้ายเป็นแบบเปิด-ปิด ด้วยกลไกไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชั่น Hand Free ด้วยการพกกุญแจแล้วเดินเข้าหาท้ายรถ ก่อนที่จะถอยออกมาเล้กน้อยประมาณ 1-2 ก้าว เพื่อให้พ้นระยะการเปิด ฝาท้ายจะเปิดขึ่นมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้ โดยเฉพาะเมื่อต้องถือสัมภาระเต็มสองมือ
เป็นหนึ่งในสีที่ให้ภาพลักษณ์ที่ดี แต่เสียดายที่มีข่าวแว่วมาว่า…ไม่ขายสีนี้
โหมดการขับขี่ของ Omoda C5 EV สามารถปรับได้ 3 รูปแบบ ซึ่งให้ระดับความเร็วของการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป ความน่าสนใจ “ที่แท้จริง” ของตัวรถอยู่ที่ “ฟีลลิ่งการขับขี่” ทั้งในเรื่องอัตราเร่ง ที่สามารถสร้างความเร็วและตอบสนองได้อย่างดุดัน โดยอัตราเร่งที่เคลมไว้ในระดับ 7.8 วินาที นั้น หากวัดกันด้วยเครื่องมือ VBox จริงๆ แล้ว ดูน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านั้นพอสมควร เรียกได้ว่ามาท้าชิงตัวเลย 7.3 วินาที ของ BYD Atto 3 ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ Omoda C5 EV แม้ว่าจะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% แต่ยังให้ฟีลลิ่งในการเบรกที่เป็นธรรมชาติ คือ ใช้แรงในการแตะเบรกเท่าไหร่ ตัวรถก็พร้อมที่จะตอบสนองในการลดความเร็วในอัตราเดียวกับแรงเบรกที่ส่งลงไปอย่างนุ่มนวล โดยไม่มีอาการติดขัด หรือแบ่งจังหวะการเปลี่ยนแรงในการเบรกให้รำคาญใจ
การเข้าโค้งในหลากหลายรูปแบบเส้นทาง พื้นผิว ถือว่าทำได้ดี สำหรับ “คนชอบขับ” ดูจะถูกใจได้ไม่ยาก
สิ่งที่ต้องแลกมาจากความเฟิร์มของช่วงล่าง คือ แรงสะท้าน อาการสะเทือนเข้ามาในห้องโดยสาร ยามที่ผ่านอุปสรรค
ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของ Omoda C5 EV คือ
การเซ็ตช่วงล่างที่มีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว โดยเน้นความเป็นสปอร์ตเพื่อตอบโจทย์สำหรับ “สายขับ” เป็นหลัก ซึ่งตัวช่วงล่างนั้น ออกแบบมาให้มีความเฟิร์ม สามารถตอบสนองได้อย่างเที่ยงตรง ในขณะที่ต้องผ่านโค้งรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเข้าสลาลอม เลนเชนจ์ ด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้มาก แต่หากในทางตรงข้ามกัน สำหรับคนที่ชอบความนุ่มสบาย การนั่งโดยสารในพื้นที่ตอนหลัง อาจรู้สึกถึงอาการสะท้านเข้ามาในรถมากกว่าปกติ (เมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกันที่ทำตลาด ณ ปัจจุบัน) นอกจากนี้…อีกสิ่งหนึ่งที่อดพูดถึงไม่ได้ คือ คุณสมบัติในการจัดการพละกำลังของระบบขับเคลื่อน โดยในเส้นทางที่ใช่ทดสอบในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นลักษณะการเข้าโค้งในพื้นที่เปียก โดยปกติแล้ว หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า เมื่อมีการเดินคันเร่งในโค้งที่เปียกลื่น มักจะพบอาการ Understeer (หน้าดื้อหรือแหกโค้ง) แต่สำหรับ Omoda C5 EV ตัวรถถือว่าเก็บอาการ และส่งถ่ายแรงตามสภาพแทร็กชั่นได้อย่างน่าประทับใจ ถึงจะเข้าแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกเหวอหรือไปต่อไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน การเร่งในพื้นลื่นสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า อีกอาการหนึ่งที่เรามักจะพบ คือ อาการ Torque Steer (ฉกหรือดึงซ้าย-ขวา ตามระดับแรงยึดเกาะที่ต่างกันไป) แต่สำหรับใน Omoda C5 EV เราแทบไม่พบอาการนี้ ตัวรถสามารถแต่งอาการเพื่อให้ล้อทั้ง 2 ข้าง สามารถหมุนไปพร้อมๆ กันได้อย่างสมดุล ซึ่งช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับการขับขี่ได้อีกระดับ
เจอถนนเปียกลื่นแบบนี้ ยังคงเก็บอาการได้ดี ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้ไม่น้อย
หลังจากที่ได้ลองแล้ว พูดได้เลยว่า Omoda C5 EV หากวัดกันในเรื่องคุณสมบัตและฟีลลิ่งการขับขี่ ดูจะเป็นคู่แข่งที่ “น่ากลัว” ของรถในกลุ่มที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดที่สุดในประเทศไทย แต่หากทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องอยู่ที่การวางระดับราคา พร้อมสร้างความเชื่อมั่นของ Chery Group ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่า…หากทำได้ทั้ง 2 อย่าง Omoda C5 EV จะเป็นรถในรูปกลุ่ม B-Segment SUV ที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
