Home » Skill Driving Experience จัดเต็มเทคนิคการขับขี่ ขั้น Advance ดึงศักยภาพในตัวคุณออกมาอีกขั้น !

Skill Driving Experience จัดเต็มเทคนิคการขับขี่ ขั้น Advance ดึงศักยภาพในตัวคุณออกมาอีกขั้น !

by Admin clubza.tv
Skill Driving Experience จัดเต็มเทคนิคการขับขี่

บ่อยครั้งที่เราขับรถด้วยความเคยชิน แบบที่ไม่เคยรู้หรือเข้าใจหลักการที่แท้จริงมาก่อนว่า การขับรถด้วยเทคนิคที่ถูกต้องนั้น สามารถช่วยพัฒนาการขับขี่ของเราออกมาได้เพิ่มขึ้นอีกระดับ ซึ่งสิ่งที่จะช่วยดึงศักยภาพในการขับขี่ของเราออกมา คงหนีไม่พ้น การได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่อย่างถูกต้อง อันนำมาซึ่งการขับขี่อย่างปลอดภัย ทั้งกับตัวเองและผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งหัวในสำคัญที่ทาง สื่อสากล เล็งเห็นมาโดยตลอด จนเกิดเป็นกิจกรรม Skill Driving Experience ขับเป็น…ขับปลอดภัย เพื่อให้คนทั่วไปได้มาเรียนรู้เทคนิคการขับขี่อย่างถูกต้อง

Skill Driving Experience ระดับ Advance Course

คุณชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ Skill Driving Experience ขับเป็น…ขับปลอดภัย

สำหรับคอร์สล่าสุดที่ #ทีมขับซ่า ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับ สื่อสากล ก็คือ Skill Driving Experience ระดับ Advance Course เป็นการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่และควบคุมรถขั้นสูง ซึ่งจะมีเรื่องของความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการควบคุมรถยนต์ที่เหนือกว่าการขับขี่ขั้นพื้นฐานทั่วๆ ไป โดยในขั้นตอนการอบรม จะแบ่งออกเป็น 6 สถานี ซึ่งจะต้องใช้เทคนิคในการควบคุมรถที่แตกต่างกันออกไป เราไปลองไล่ดูกันในแต่ละสเต็ปว่า สำหรับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม Skill Driving Experience ในครั้งนี้ จะได้เทคนิคดีๆ อะรไรที่สามารถนำไปใช้พัฒนาทักษะ รวมถึงแก้สถานการณ์หากต้องเจอในชีวิตจริงได้บ้าง ?

Double Lane Change การหักหลบสิ่งกีดขวางในความเร็วสูง

Double Lane Change การหักหลบสิ่งกีดขวางในความเร็วสูง

เริ่มต้นกันด้วยสเตชั่นจำลองการหักหลบสิ่งกีดขวางที่ความเร็วสูง เสมือนว่ากำลังขับรถอยู่เพลินๆ แล้วมีสิ่งกีดขวางหล่นลงมาจากรถคันหน้า หรือมีสัตว์เลี้ยงข้ามถนนในระยะกระชั้นชิด หลักการสำคัญที่ช่วยลดโอกาสการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คือ การมองไกลๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งหากมองว่ามีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เราควรจะเลือกที่จะถอยห่างออกมาอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การหักหลบอย่างปลอดภัย แม้ว่าจะอยู่ในระยะที่ค่อนข้างกระชั้นชิด แต่สิ่งหนึ่งที่ควรตระหนัก คือ การค่อยๆ หักพวงมาลัยอย่างสมูท เพื่อให้สามารถควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย โดยที่รถไม่เสียอาการ โดยในขั้นตอนต่อไป หากต้องมีการเบรกเพื่อหยุดรถในระยะทางที่สั้นที่สุด เราควรจะใช้น้ำหนักลงไปที่แป้นเบรกอย่างเต็ม่ที่ ในขณะที่ล้อหน้าอยู่ในตำแหน่งตรง เพื่อให้รถสามารถสร้างแรงเบรกในระดับสูงสุด โดยที่ไม่ผ่อนแรงเบรกก่อนที่รถจะหยุด แต่หากมาด้วยความเร็วที่สูงเกินไป จนมีโอกาสที่จะไม่สามารถหยุดได้ทัน ก็มีความจำเป็นจะต้องหักหลบอีกครั้ง ในขณะที่กำลังกดเบรกอยู่ ซึ่งรถที่มีระบบเบรก ABS จะช่วยให้การควบคุมทิศทางทำได้อย่างแม่นยำ

Oversteer การแก้ไขสถานการณ์เมื่อรถเกิดอาการท้ายสไลด์

Oversteer การแก้ไขสถานการณ์เมื่อรถเกิดอาการท้ายสไลด์

สำหรับรถที่ไปในยุคปัจจุบัน ที่โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า อาจพบอาการนี้ได้ยาก (โดยส่วนใหญ่อาการที่พบ คือ Understeer) แต่ก็มีให้เห็นบ้างในบางสถานการณ์ โดยอาการ Oversteer ถือเป็นอาการที่แก้ค่อนข้างยาก และต้องใช้ประสบการณ์ในระดับสูง ซึ่งหลักการสำคัณเมื่อตัวรถมีอาการ คือ การแก้ด้วยการเค้าเตอร์หรือหมุนพวงมาลัยสวนทิศทางที่ท้ายกำลังออก แต่ช่วงเวลาและองศาการเค้าเตอร์พวงมาลัยนั้น จะต้องมีความเหมาะสมกับองศาของการ Oversteer เนื่องจากหากสวนพวงมาลัยช้าเกินไป (หรือเดินคันเร่งมากเกินไป) ท้ายจะออกจนรถเกิดการหมุน แต่หากสวนพวงมาลัยเร็วเกินไป (หรือใช้คันเร่งน้อยไป) รถอาจจะเลี้ยวไปในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางที่เราจะไป ดังนั้น…ความยากในการแก้หรือรักษาอาการ Oversteer อย่างสมูท (ที่เรียกว่า Drift) อยู่ที่ความพอดีในการใช้พวงมาลัย และการเดินคันเร่งอย่างสมดุลกันนั้นเอง

Gymkhana เทคนิคการควบคุมรถ ในย่านความเร็วต่ำ – ปานกลาง

Gymkhana เทคนิคการควบคุมรถ ในย่านความเร็วต่ำ – ปานกลาง

Gymkhana ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ซึ่งเป็นที่นิยมมากทั้งในประเทศไทย รวมถึงในต่างประเทศ โดยหลักการสำคัญของรูปแบบการแข่งขัน Gymkhana คือ เทคนิคการควบคุมรถที่ความเร็วต่ำ – ความเร็วปานกลาง ผู้ขับขี่จะต้องใช้ทักษะการควบคุมเพื่อให้ผ่านเส้นทางที่กำหนดได้เร็วที่สุด โดยรักษาอาการของตัวรถให้มีเสถียรภาพมากที่สุด ด้วยความเร็วที่สูงที่สุด เพื่อให้สามารถทำเวลาได้ดี (หากใช้ความเร็วสูงเกินไปจนรถเสียอาการ อาจจะส่งผลให้การทำเวลาในรอบนั้นแย่ลง) ซึ่งนอกจากจะต้องใช้ทักษะการควบคุมรถที่ดีแล้ว ยังต้องรู้จักควบคุมจิตใจ มีสมาธิกับเส้นทางที่จะต้องขับผ่านอย่างเต็มที่อีกด้วย

Time Session / Ideal Line การวิเคราะห์เส้นทางในรูปแบบ Mini Circuit

Time Session / Ideal Line การวิเคราะห์เส้นทางในรูปแบบ Mini Circuit

สำหรับสเตชั่นนี้…โดยหลักการแล้ว ถือว่ามีความคล้ายคลึงกับสเตชั่น Gymkhana คือ การขับผ่านเส้นทางที่กำหนดด้วยเวลาที่น้ำที่สุด แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ รูปแบบของแทร็กที่เป็นการจำลองการขับขี่ในรูปแบบ Circuit ซึ่งใช้ความเร็วสูงกว่า ดังนั้นเทคนิคในการควบคุมรถ อาจมีความแตกต่งกันบ้างเล็กน้อย แต่ไฮไลท์ที่กิจกรรม Skill Driving Experience ลงลึกในรายละเอียดไปมากกว่านั้น นั่นคือ การเซ็ตรถในคอนดิชั่นที่ไม่ปกติ ซึ่งเป็นการฝึกให้ผู้ขับขี่ได้จับอาการที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านแต่ละโค้งได้อย่างปลอดภัยและทำเวลาได้ดีที่สุด บางโค้งต้องฝืนใจยอมลดความเร็วในการเข้า เพื่อให้สามารถไหลผ่านโค้งต่อไปได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เพราะหากใช้ความเร็วมากเกินไปจนรถเกิดอาการดื้อโค้ง อาจทำให้ความเร็วในการวิ่งผ่านโค้งอื่นๆ เสียไปด้วย

Braking in the corner สาดโค้งมาเต็มๆ แล้วกดเบรกให้มิด

Braking in the corner สาดโค้งมาเต็มๆ แล้วกดเบรกให้มิด

เคยไหม…กับการวิ่งมาเร็วๆ ในโค้ง แล้วต้องเจอสิ่งไม่คาดฝัน ? ในสถานการณ์เหล่านี้ เราเชื่อว่าหลายคนเคยเจอ แต่เชื่อว่าน้อยคนนัก ที่จะรู้วิธีการรับมืออย่างถูกต้อง หลักการที่สำคัญที่สุด ในการหยุดรถได้อย่างรวดเร็วในโค้ง โดยที่ไม่เสียทิศทางในการควบคุม คือ การใช้เบรกให้เต็มประสิทธิภาพ (เหยียบเบรกให้สุดจน ABS ทำงาน โดยไม่คายเบรกก่อนที่รถจะหยุด เช่นเดียวกับที่ทำในสเตชั่นแรก) ส่วนการควบคุมพวงมาลัย ในช่วงแรกที่เริ่มเบรก รถอาจเสียอาการไปบ้างจากแรงเฉื่อย การรีบหักเลี้ยวในขณะที่รถยังมีความเร็วสูงมากอยู่นั้น อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นจึงควรใช้เบรกอย่างเต็มที่ในองศาพวงมาลัยเดิม จนกระทั่งเมื่อรถเริ่มลดความเร็วลงมา จึงค่อยๆ เพิ่มองศาพวงมาลัยเพิ่มเพื่อบังคับทิศทางตามที่ต้องการ โดยสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ การมองไปยังจุดที่ปลอดภัย ตามหลักการที่เราเคยได้ยินมาเสมอ “ตามองทางไหน…รถไปทางนั้น” ซึ่งเป็นการตอบสนองของร่างกายโดยอัตโนมัติ

J-Turn ลองใช้เทคนิคการกลับรถในพื้นที่แคบ แบบที่ในสถานการณ์ทั่วไปไม่สามารถลองได้

J-Turn ลองใช้เทคนิคการกลับรถในพื้นที่แคบ แบบที่ในสถานการณ์ทั่วไปไม่สามารถลองได้

ถือเป็นเมนูขนมหวานสำหรับผู้ที่ “อยากลอง” ใช้เทคนิคการขับรถขั้นสูง ซึ่งโดยปกติแล้ว เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถทดลองได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป สำหรับ J-Turn เป็นเทคนิคการกลับรถในพื้นที่แคบ ที่ได้รับความนิยมในประเทศฝั่งสแกนดิเนเวีย (พื้นน้ำแข็ง) หลักการทำนั้นไม่ยาก (แต่อาจจะยาก และต้องการการฝึกฝนในระดับสูง…ถ้าจะทำให้เป๊ะ) เป็นการทำให้รถเริ่มเสียบาลานซ์โดยการโยกรถไปในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางที่ต้องการจะเลี้ยวเล็กน้อย ก่อนที่จะหักพวงมาลัยไปในทิศทางที่จะเลี้ยวแบบเต็มรอบ ซึ่งหากความเร็วที่ใช้ องศาพวงมาลัยที่หมุน ทำได้พอดี ก็จะยิ่งทำให้การกลับรถในรูปแบบ J-Turn ทำได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น

ทั้งหมดนี้…ถือเป็นเทคนิคการขับขี่ขั้นสูงอย่างปลอดภัยที่ #ทีมขับซ่า มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะ โดยสำหรับบุคคลทั่วไป สามารถเข้าร่วมกิจกรรม Skill Driving Experience ได้เช่นกัน โดยสามารถติดตามรายละเอียด พร้อมสมัครเข้าร่วมได้ที่เว็บไซท์ Skill Driving Experience ขับเป็น…ขับปลอดภัย


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy