หลังจากที่ในช่วงปลายเดือนก่อน ค่าย Nissan ได้ปล่อยทีเซอร์ของ Nissan Z Nismo ออกมาเรียกน้ำย่อย หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้เวลาที่สาวกของสปอร์ตในตำนาน เจ้าของฉายา “สาวทันสมัย” จะได้สัมผัสตัวเป็นๆ ของเวอร์ชั่นแรง ที่ได้รับการอัพเกรดความเร้าใจจากสำนักแต่งคู่บารมีอย่าง Nismo โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามา นอกจากเรื่องพละกำลังที่สูงขึ้น Nissan Z Nismo ยังมีการอัพเกรดประสิทธิภาพในเรื่องแอโร่ไดนามิคส์ รวมถึงยังมีการเพิ่มลูกเล่น เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มันส์ถึงอารมณ์ในยามวาดลวดลายในสนามได้อีกด้วย
Nissan Z Nismo เวอร์ชั่นแรงเพื่อวาดลวดลายในแทร็กโดยเฉพาะ
อย่างที่รู้กันดีว่า Nissan Z เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน มาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ V6 พิกัด 3.0 ลิตร พ่วงด้วยระบบอัดอากาศ Twin Turbo ซึ่งสามารถเรียกกำลังออกมาให้ใช้งานได้ถึง 400 แรงม้า แต่สำหรับใน Nissan Z Nismo ทีมวิศวกรของ Nismo ได้ดึงเอาศักยภาพของขุมพลังบล็อคนี้ออกมาใช้อีกระดับ โดยเป็นการปรับแต่เพียงเล็กน้อย ด้วยการเพิ่มแรงดันบูสต์ของชุดเทอร์โบ พร้อทปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อน จนส่งผลให้ Nissan Z Nismo มีกำลังเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นสแตนดา์ดอีก 20 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดที่เพิ่มขึ้น 46 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้ Nissan Z Nismo มีกำลังรวมอยู่ที่ 420 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร มาให้ใช้แบบยาวๆ ตั้งแต่ 2,000-5,200 รอบ/นาที
Nissan Z Nismo มาพร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ได้รับการปรับเซ็ตอัตราทดมาเป็นพิเศษจากทาง Nismo เพื่อให้การตอบสนองเป็นไปอย่างจัดจ้าน ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว (น่าเสียดายที่ไม่มีเวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดาให้เลือก) โดยสิ่งที่สำนักแต่งคู่บารมีแอบใส่เข้าไปให้ Nissan Z Nismo เหนือกว่ารุ่นสแตนดาร์ด ก็คือ โหมดการขับขี่ Sport + ยกระดับการลากรอบเครื่องยนต์ได้สูงมากขึ้น ภายในห้องโดยสารของ Nissan Z Nismo ถูกปรับให้สามารถกระตุ่นอารมณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างน่าสนใจด้วยชุดเบาะแบบ Bucket Seat จาก Recaro สีดำ-แดง ซึ่งเข้ากับธีมการแสดงผลบนหน้าปัดที่มีการเพิ่มลูกเล่นพิเศษเพื่อบ่งบอกความเป็นเวอร์ชั่น Nismo โดยเฉพาะ
ในส่วนภานยอกของ Nissan Z Nismo ยังมีการอัพเกรดชิ้นส่วนแอโร่ไดนามิคส์เพื่อสร้าง Downforce เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการยึดเกาะของตัวรถให้สูงขึ้น โดยสิ่งที่แตกตางจากเวอร์ชั่นสแตนดาร์ดอย่าวชัดเจน คือ การเปลี่ยนมาใช้กระจังหน้าแบบ Grand-Nose (หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ G-Nose ใน Nissan Fairlady 240ZG) ลดเหลี่ยมสันของช่องรับลมด้านหน้า พร้อมขยายออกด้านข้างอีกประมาณ 1 นิ้ว เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรับลม เช่นเดียวกับการปรับองประกอบอื่นๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ด้วยการออกแบบช่องรับลมต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับอุปกรณ์ที่มีโอกาสจะเกิดความร้อนสะสม หากต้องวิ่งทำความเร็วเป็นระยะเวลานาน, การเพิ่มลิ้นหน้า พร้อมด้วยคานาร์ดที่ออกแบบมาให้กลมกลืนกับชุดสเกิร์ตข้าง กันชน และดิฟฟิวเซอร์ท้าย ซึ่งองประกอบของ Nissan Z Nismoโดยส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Nissan GT-R โดยตัวรถจะมีให้เลือกทั้งสิ้น 5 สี คือ สีแดง Passion Red TriCoat, สีเงิน Brilliant Silver, สีดำ Black Diamond Pearl, สีขาว Everest White Pearl TriCoat รวมถึงสีเทา Stealth Gray ที่จะมีเฉพาะในเวอร์ชั่น Nismo เท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว Nissan Z Nismo ยังเปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอย Forged ที่ผลิตโดยแบรนด์ระดับเวอลด์คลาสอย่าง Rays Engineering ที่มาในขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Dunlop SP Sport Maxx GT600s แบบเดียวกับที่ประจำการใน Nissan GT-R โดยมาในขนาด 285/35 R19 สำหรับล้อคู่หลัง พร้อมกันนี้ Nissan Z Nismo ยังได้รับการอัพเกรดระบบรองรับเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะที่ดีมากขึ้น เริ่มตั้งแต่มีการปรับขนาดของเหล็กกันโคลง รวมถึงเพิ่มค่า K ของสปริงใหม่ ให้มีค่าการรับน้ำหนักที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับกันเปลี่ยนชุดบู๊ชช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวต่างๆ เพื่อลดการให้ตัวเวลาที่เจอแรงกระทำจากภายนอก เพื่อให้ Nissan Z Nismo มีความกระชับมากที่สุด โดยทางค่ายเคลมว่า สปอร์ตรุ่นพิเศษนี้ สามารถลดการให้ตัวเมื่อเทียบกับรุ่นสแตนดาร์ดได้อีก 2.5% ซึ่งช่วยให้การบังคับควบคุม ทำได้อย่างกระชับ มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
