MG เผยภาพรถต้นแบบ MG Cyberster Concept ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Shanghai Auto Show ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-28 เมษายนนี้ โดย Cyberster Concept มาในสไตล์สปอร์ตโร๊ดสเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการออกแบบที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ MG มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะห่างหายไปจากการทำรถสไตล์นี้ในระยะหลัง ด้วยทิศทางการทำตลาดที่เปลี่ยนไป
การกลับมาของ MG Cyberster Concept ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีว่าทางค่ายพร้อมที่จะกลับมาสู่แนวทางที่เคยได้การยกย่องในอดีต โดยเป็นการนำเอากลิ่นอายอันคลาสสิคของสปอร์ตโร๊ดสเตอร์ระดับตำนานอย่าง MGB มาต่อยอดในแนวทางที่ผสานระหว่างอารมณ์ความคลาสสิคและฟังค์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายฝากระโปรงที่มีความโค้งมน จับคู่กับไฟหน้า Magic Eye ที่แฝงความล้ำสมัย ซึ่งจะติดขึ้นมาในทันทีที่พร้อมเดินทาง โดยสิ่งหนึ่งที่ยังคงถูกเน้นย้ำใน MG Cyberster Concept ก็คือ เรื่องของแอโร่ไดนามิคส์ สังเกตได้จากการออกแบบช่องลมด้านหน้าให้มีขนาดใหญ่ รวมถึงช่องลมที่ข้างแก้ม เพื่อการรระบายความร้อนให้กับชุดเบรก
ในส่วนของกระจกบังลมหน้าของ MG Cyberster Concept ออกแบบมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป พร้อมเน้นเส้นกรอบที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกในสไตล์มินิมอล ก่อนจะเติมลูกเล่นด้วยสเกิร์ตข้าง รวมถึงเส้นสายในรูปแบบ LED ที่ต่อเนื่องมาจากกันชนหน้า ยาวมาที่ประตู ก่อนจะไปบรรจบกับเส้นไฟที่กันชนท้าย พร้อมไฟท้ายที่ถ่ายทอดกลิ่นอายในสไตลือังกฤษด้วยเส้นสายของธง Union Jack พร้อมโลโก้ MG โดยที่ด้านล่างนั้นเป็น Diffuser ขนาดใหญ่ ช่วยจัดระเบียบการไหลของกระแสลมให้มีประสิธิภาพมากขึ้น ปิดท้ายด้วยล้อขนาดบิ๊กไซส์ โอบรัดด้วยยาง Michelin
Carl Gotham ผู้อำนวยการของ SAIC Design Advanced London กล่าวว่า “Cyberster Concept คือ อนาคตที่สืบทอดมาจากอดีตอันรุ่นเรืองของแบรนด์ MG สิ่งที่ใส่เข้าไป ให้กลิ่นอายของแบรนด์ในยุคดั้งเดิมได้แบบชัดเจนที่สุด ซึ่งจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการออกแบบที่ทันสมัยที่ผสาน DNA ดั้งเดิมของ MG ไว้ ช่วยส่งให้ Cyberster Concept กลายเป็นแนวคิดที่น่าตื่นเต้นอย่างมิอาจปฏิเสธได้” โดยสเป็คคร่าวงๆ ของ MG Cyberster Concept คือ เป็นสปอร์ตโร๊ดสเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ที่สามารถทำระยะทางได้ถึง 800 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยพร้อมระเบิดพลังจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที และเป็นรถที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Carscoop
