ถ้าพูดถึงเรื่องราวของปิคอัพสายลุย ดินแดนหนึ่งที่เรียกว่าเป็น “ผู้นำเทรนด์” คงหนีไม่พ้นแดนออสซี่ที่มักจะได้สัมผัสปิคอัพเวอร์ชั่นลุยแบบสุดโต่งก่อนใคร เช่นเดียวกับในครั้งนี้ หลังจากที่เปิดตัว Mazda BT-50 เป็นที่แรกของโลกไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน มาในครั้งนี้ มาสด้า ออสเตรเลีย ออกเวอร์ชั่นพิเศษในชื่อ Mazda BT-50 Thunder เอาใจคอ Off Road แม้ล่าสุดค่ายต่างๆ ในบ้านเราได้ออกรุ่นแต่งพิเศษสำหรับสายลุยออกมาหลายรุ่น เช่น Ford Ranger FX4 Max หรือ Nissan Navara Pro 4X แต่พอเจอ BT-50 (ในเมืองนอกยกให้เป็นคู่แข่งโดยตรงของ Nissan Navara N-Trek Warrior และ Toyota Hilux Rugged X) เวอร์ชั่นนี้แล้ว…ทำเอาใจแกว่งได้เหมือนกันนะ
Mazda BT-50 Thunder
Mazda BT-50 Thunder เป็นการนำ BT-50 รุ่น Double Cab ขับเคลื่อนสี่ล้อ (เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร) มาต่อยอด โดยจะเริ่มขายในออสเตรเลียเดือนเมษายน เป็นต้นไป ด้านราคาถูกตั้งเอาไว้ที่ 65,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (1.57 ล้านบาท) สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ 68,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (1.64 ล้านบาท) สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ โดยสิ่งที่แต่งเติมเข้ามา สำหรับ Mazda BT-50 Thunder ส่วนใหญ่จะเป็นตัวช่วยสำหรับการขับขี่ในรูปแบบ Off Road ไม่ว่าจะเป็น กันชนหน้าดีไซน์บึกบึน พร้อมแถบไฟสปอตไลท์ LED เส้นคู่ที่กันชนหน้า, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์และสีสันที่ดุดัน, โป่งซุ้มล้อด้านข้าง ที่ออกแบบมาให้รับกับชุดบันไดข้าง, โรลบาร์เหล็กที่กระบะท้าย และจุดยึดวินซ์ไฟฟ้าที่อยู่เหนือครอบแคร้งกันกระแทก ซึ่งทาง มาสด้า ออสเตรเลีย ให้ข้อมูลมาว่า ชุดเแต่งทั้งหมด มีมูลค่ากว่า 13,000 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (309,xxx บาท)
ในส่วนของระบบขับเคลื่อน ยังคงมาในรูปแบบเดียวกับ Mazda BT-50 รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร โดยรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะให้อัตราสิ้นเปลืองที่ 7.7 ลิตร ต่อ 100 กม. (13 กม./ลิตร) และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 8.0 ลิตร ต่อ 100 กม. (12.5 กม./ลิตร) มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่รองรับทั้ง 4 Hi และ 4 Lo ร่วมกับระบบ Diff Lock ที่เปิด – ปิดได้
Mazda BT-50 Thunder มีให้เลือกถึง 7 สี ซึ่งประกอบไปด้วย Ice White, True Black Mica, Ingot Silver Metallic, Concrete Grey Mica, Gun Blue Mica, Rock Grey Mica และ Red Volcano Mica ซึ่งแน่นอนว่า…เมษาฯ นี้ ออฟโร๊ดเดอร์ชาวออสซี่ ได้เห็นเวอร์ชั่นสำหรับสายลุยแน่นอน
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Carscoop
