ค่ายม้าลำพอง Ferrari เติมไลน์อัพรถในกลุ่มที่เรียกว่า Icona เป็นรุ่นที่ 3 ต่อจาก Ferrari Monza SP1 และ Monza SP 2 ซึ่งแน่นอนว่า จุดเด่นของรถในตระกูล Icona Series ก็คือ การผลมผสานกลิ่นอายและแรงบันดาลใจระหว่าง Ferrari คลาสสิค เข้ากับรถยุคใหม่ที่มีการใส่รายละเอียด และแนวคิดอันทันสมัยเข้าไปมากขึ้น โดยซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดในตระกูล Icona จากค่ายม้าลำพองคันนี้ มาในชื่อ Ferrari Daytona SP3
Ferrari Daytona SP3 ทายาทลำดับที่ 3 ในตระกูล Icona Series
Ferrari Daytona SP3 เปิดตัวในงาน Ferrari Finali Mondiali 2021
ที่สนาม Mugello Circuit ประเทศอิตาลี ซึ่งในงานเป็นเสมือนการพาย้อนอดีตเพื่อรำลึกถึง Ferrari ระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็น 330 P3/4, 350 Can-Am, 512 S, ตัวแข่งของ Ferrari ในยุคต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ 2 จุดเริ่มต้นของรถในตระกูล Icona ซึ่งก็คือ Ferrari Monza SP1และ SP2 นั่นเอง โดยสำหรับ Ferrari Daytona SP3 จัดว่าเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง และเป็นรถที่ออกแบบแอโร่ไดนามิคส์ได้ดีที่สุด เท่าที่ Ferrari เคยสร้างมา โดยไม่ต้องมีการปรับชิ้นส่วนเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากนี้แล้ว Ferrari Daytona SP3 ยังเป็นรถที่ทรงพลัง และระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกแบบช่องรับลมให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งแม้แต่ที่บานประตูแบบปีกนก ก็ยังออกแบบให้มีช่องเพื่อรับลมเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำที่ติดตั้งไว้ด้านข้างด้วย
การออกแบบของ Ferrari Daytona SP3
ที่ดูจะโดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้นในด้านท้าย ที่เหมือนมีครีบเรียงซ้อนกันหลายชั้น คาดด้วยไฟท้ายที่ถูกวางในแนวนอน โดยวางอยู่ใต้ชุดสปอยเลอร์ ถัดลงมาตรงกลางเป็นที่อยู่ของชุดท่อไอเสียที่ถูกห้อมล้อมด้วยชิ้นส่วนคาร์บอน ซึ่งทำหน้าที่เป็นดิฟฟิวเซอร์คอยจัดเรียงทิศทางการไหลของลมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการออกแบบภายนอกของ Ferrari Daytona SP3 ส่งผลโดยตรงต่อดีไซน์ภายในห้องโดยสาร เช่น ตำแหน่งการวางของกระจกบังลม รวมถึงชุดเบาะที่ถูกติดตั้งโดยยึดเป็นส่วนหนึ่งกับโครงสร้างของตัวรถ พร้อมออกแบบชุดคันเร่งให้สามารถปรับให้สามารถเลื่อนเข้า – ออกได้ ตามสรีระของผู้ขับขี่ และด้วยแนวคิด Ferrari Human-Machine Interface ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและใช้งานฟังค์ชั่นต่างๆ ได้ถึง 80% โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
Ferrari Daytona SP3
มาพร้อมขุมพลัง V12 ซึ่งหยิบยืมมาจาก 812 Competizione โดยการกลับมาครั้งนี้ ได้รับการอัพเกรดระบบระบายความร้อนทั้งหมด รวมถึงลดน้ำหนักและเพิ่มความทนทานให้กับชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชุดก้านสูบที่ทำจากไทเทเนียม จับคู่กับชุดสลักลูกสูบที่ผ่านกรรมวิธีการเคลือบ Diamond Like Carbon รวมถึงปรับบาลานซ์ของเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักให้เบาลงอีก 3% นั้นส่งให้เครื่องยนต์ในรหัส F140HC ของ Ferrari Daytona SP3 สามารถทำกำลังได้ถึง 828 แรงม้า และแรงบิด 697 นิวตัน-เมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. สามารถทำได้ใน 2.86 วินาที และเพิ่มเป็น 7.4 วินาที ที่ความเร็ว 200 กม./ชม. และที่สำคัญ คือ ด้วยการออกแบบระบบการระบายไอเสียที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ Ferrari Daytona SP3 ปล่อยมลพิษได้ต่ำลงกว่า 812 Competizione ได้ถึง 30% เลยทีเดียว
ในส่วนโครงสร้างตัวถังของ Ferrari Daytona SP3 มาในรูปแบบการขึ้นรูปด้วยการผสานระหว่างวัสดุคอมโพสิตหลายชนิด รวมถึงคาร์บอนไฟเบอร์และเคฟลาร์ ส่วนชุดยางนั้น เป็นสเป็คพิเศษที่ทางค่ายมอบหมายให้ทาง Pirelli คิดสูตรยางขึ้นมาเพื่อ Ferrari Daytona SP3 เท่านั้น เพื่อให้สามารถสร้างประสิทธืภาพในการยึดเกาะที่ดีทั้งบนถนนเปียกและแห้ง นอกจากนี้…นี่ยังเป็นรุ่นแรกของ Ferrari เครื่องยนต์ V12 ที่มาพร้อมระบบ Dynamic Enhancer ซึ่งจะช่วยรีดขีดจำกัดของตัวรถออกมา ในแบบที่ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถ Ferrari Daytona SP3 ได้ง่ายมากขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Motor 1, Carscoop
