BMW Motorrad เปิดตัว BMW M1000 XR มอเตอร์ไซค์สไตล์สปอร์ตทัวริ่ง ที่ได้รับการยกระดับสมรรถนะสู่ความเป็นสองล้อในตระกูล M Bike ซึ่งนอกจากการอัพขุมพลังให้มีแรงม้าที่สูงถึง 210 ตัวแล้ว ยังมีกรอัพเกรดรายละเอียดอื่นๆ เพื่อให้ BMW M1000 XR มีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเร้าใจในสนาม รวมถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
BMW M1000 XR สองล้อรุ่นล่าสุดในอนุกรม M Bike
BMW M1000 XR
ถือเป็น 2 ล้อ รุ่นที่ 3 ในอนุกรม M Bike ที่ได้รับการเผยโฉมรถต้นแบบไม่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหัวใจหลักที่ได้รับการอัพเกรด คงหนีไม่พ้นการได้ขุมพลังจากสปอร์ต BMW S1000 RR มาประจำการ แน่นอนว่า แรงม้าที่ทำได้ คือ 201 ตัว กับแรงบิด 112 นิวตัน-เมตร ซึ่งเครื่องยนต์บล้อคนี้ สามารถใช้ลากรอบได้สูงสุดถึง 14,600 รอบ/นาที โดยจะทำงานร่วมกับระบบ BMW ShiftCam ที่จะปรับองศาการปิด – เปิดวาล์ว ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงรอบ ตัววาล์วทำจากไทเทเนียม เพื่อความทนทานและเสถียรภาพในการหมุนที่รอบสูง ชุดท่อไอเสียทำจากไทเทเนียมให้สุ้มเสียที่ดุดัน พร้อมประสิทธิภาพการระบายไอเสียที่ดีมากขึ้น ด้านแอโร่ไดนามิคส์มีการเพิ่ม Winglet ช่วยสร้างแรงกดในย่านความเร็วสูง โดยที่ความเร็ว 220 กม./ชม. จะช่วยเพิ่มแรงกดได้ถึง 11.3 กก.
อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ใน 7.4 วินาที เร็วกว่ารุ่นสแตนดาร์ด 1.3 วิ. !!!
BMW M1000 XR
มาพร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 รูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงระบบช่วยออกตัว Lauunch Assist ด้านระบบส่งกำลังมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จับคู่ BMW Shift Assistant Pro สามารถชิฟท์เกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์หรือถอนคันเร่ง BMW M1000 XR ทำอัตราเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ภายใน 7.4 วินาที ซึ่งเร็วกว่า BMW S1000 XR ถึง 1.3 วินาที ส่วนอัตราเร่งจากช่วงความเร็ว 100 – 140 กม./ชม. นั้น ทำได้เร็วกว่าเดิมถึง 1.1 วินาที โดยตัวรถจะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อผ่าน OBD เพื่อเก็บข้อมูลในขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบ Hill Start Control Pro ซึ่งช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันทำได้ง่ายมากขึ้น
หน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ OBD สำหรับเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การขับขี่
สีสันในสไตล์ Tri Color ตัดกับชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ เอกลักษณ์ของสองล้อตระกูล M
ล้อคาร์บอน กับน้ำหนักที่เบาลง 1.5 กก. มีมาให้เลือกเป็นออพชั่น
นอกจากนี้ BMW M1000 XR ยังมาพร้อมเทคโนโลยี่ช่วยการขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบกันสะเทือนที่ปรับการทำงานด้วยไฟฟ้า Dynamic Damping Control, เซ็ตเบรคคู่หน้าที่มาพร้อมคาลิเปอร์ 4 POT และจานขนาด 320 มม. ล้อที่ใช้ทำจากอลูุมิเนียมผ่านกรรมวิธี Forged ซึ่งให้น้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงเหนือกว่าล้อทั่วๆ ไป (มีล้อ M Carbon ที่เบาลงอีก 1.5 กก. เป็นออพชั่นเสริม) ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มาเป็นแบบลิเธียม ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงได้เช่นกัน
นอกจากการเปิดตัว BMW M1000 XR ในครั้งนี้ ทางค่าย BMW Motorrad ก้ได้ฤกษ์ปรับโฉมของรุ่นที่ใช้เป็นพื้นฐานอย่าง BMW S1000 XR อีกด้วย โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือ การยกระดับพละกำลังให้สูงขึ้น จากเดิมที่มีแรงม้าอยู่ที่ 170 ตัว พร้อมกับแรงบิดในระดับ 114 นิวตัน-เมตร ถูกปรับให้เป็น 175 แรงม้า จากการปรับท่อทางเดินไอดีให้อากาศสามารถไหลผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงปรับโปรแกรมการสั่งจ่ายเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดที่ความแม่นยำมากขึ้น อันเป็นผลให้ตัวรถ BMW S1000 XR รุ่นปี 2024 มีกำลังเพิ่มขึ้นอีก 5 แรงม้า
นอกจากการอัพเกรดความเร้าใจแล้ว BMW S1000 XR รุ่นปี 2024 ยังรวมไปถึงการปรับดีไซน์เพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยมากขึ้น โดยตัวรถมาใน 3 สี ให้เลือก ซึ่งรวมไปถึงสีไฮไลท์อย่าง Blackstorm Metallic 2 และ Gravity Blue Metallic เซ็ตเบาะนั่งของ BMW S1000 XR รุ่นปี 2024 มีการปรับตำแหน่งใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางไกลๆ ได้แบบสบายๆ พร้อมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น สปอตไลท์ Headlight Pro, กุญแจ Keyless Ride รวมถึงช่องชาร์จ USB นอกจากนี้ BMW S1000 XR รุ่นปี 2024 ยังได้รับการอัพเกรดความจุของแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ปลอกแฮนด์ที่ออกแบบมาใหม่, เซ็ตโช้กไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่และประสิทธิภาพสูงขึ้น
