Home » BMW i Vision DEE และ Neue Klasse Platform คอนเซ็ปท์ และ โครงสร้างใหม่ มีอะไรให้ว้าว ?

BMW i Vision DEE และ Neue Klasse Platform คอนเซ็ปท์ และ โครงสร้างใหม่ มีอะไรให้ว้าว ?

by Admin clubza.tv
BMW i Vision DEE และ Neue Klasse Platform

BMW ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ทุ่มทุนให้กับการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยเมื่อช่วงกลางปีก่อน ค่ายใบพัดฟ้าขาวได้แง่้มข้อมูลออกมาว่า กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มโครงสร้างใหม่ภายใช้ชื่อ Neue Klasse Platform สำหรับรถ EV ขนาดคอมแพค ซึ่งถูกคาดหมายว่าอาจจะเป็น Series 3 หรือ X3 ที่ถึงรอบการเปลี่ยนโฉมในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า

BMW i Vision DEE รถต้นแบบที่ปูทางสู่ Neue Klasse Platform

มาในวันนี้ ภาพของ Neue Klasse Platform มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อทางค่าย BMW เปิดตัวรถต้นแบบ BMW i Vision DEE ในงาน Consumer Electronics Show หรือ CES 2023 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยการเผยโฉมคอนเซ็ปท์คาร์ในครั้งนี้ นับเป็นการแสดงให้เห็นแนวทางในการพัฒนาหลายๆ อย่างภายใต้คอนเซ็ปท์ Digital Emotional Experience (ที่มาของอักษรย่อ DEE ใน BMW i Vision DEE) เน้นความเรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริง ซึ่งทาง BMW อ้างว่า ผลงานการออกแบบที่ล้ำสมัยของพวกเขา กับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการยานยนต์ สามารถที่จะมีอายุลากยาวถึง 10 ปี โดยที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนโฉม พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพตัวรถให้ดีมากยิ่งขึ้น และตัดองประกอบที่ฟุ้งเฟ้อหรือเกินความจำเป็นออกไป

Neue Klasse Platform โครงสร้างใหม่สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ

สิ่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุดอย่างหนึงใน คงหนีไม่พ้น BMW i Vision DEE การเป็นรถที่มาพร้อมโครงสร้าง ซึ่งหลังจากที่มีข่าวความเคลื่อนไหวในการพัมนาออกมาเมื่อช่วงกลางปีก่อน ในที่สุด BMW นำโดย Oliver Zipse ก็ออกมายืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า Neue Klasse Platform พร้อมที่จะออกมารันวงการในช่วงปี 2025 ซึ่งนั่นเป็นเวลาที่ BMW Series 3 รุ่นปัจจุบัน ใกล้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนโฉม (ตัวถัง G20 เปิดตัวในปี 2018 และ LCI ไปเมื่อกลางปีก่อน) โดยแนวทางหนึ่งที่ BMW จะยังคงไว้ คือ การพัฒนารถยนต์ในรูปแบบซีดานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะหลัง รถยนต์ในสไตล์ครอสโอเวอร์หรือ SUV จะได้รับความนิยมมากกว่า โดย 2 รุ่น ที่จะมีการเปิดตัวบนโครงสร้าง Neue Klasse Platform คือ BMW i3 และ BMW iX3 เจนเนอเรชั่นต่อไป

กระจังหน้าไตคู่ พร้อมไฟหน้าแบบ 2 ดวง

Hofmeister Kink ที่ขอบประตูหลัง ยังคงอยู่

ลุคที่ล้ำสมัย ในเอกลักษณ์ที่ยังคงอยู่

BMW i Vision DEE เป็นรถที่ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปท์มินิมอลลิสต์ เสมือนการนำกล่อง 3 ใบ มาประกบเข้าด้วยกัน โดยสิ่งหนึ่งที่ BMW ยังคงไว้ คือ เอกลักษณ์ประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นกระจังหน้าแบบไตคู่, ไฟหน้าดีไซน์คู่ (รวมอยู่ในส่วนเดียวกับกระจังหน้า) รวมถึงเส้นสายซิกเนเจอร์ Hofmeister Kink บริเวณเสา C Pillar ซึ่งชวนให้นึกถึง BMW i Vision Circular ที่เผยโฉมเมื่อปลายปี 2021 โดย ประโยชน์ที่ชัดเจนจากแพลตฟอร์ม Neue Klasse ก็คือ การยืดระยะฐานล้อให้ได้ยาวที่สุด เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ตามแบบฉบับของรถ EV ยุคใหม่ ซึ่งด้วยระยะพื้นที่ยาวมากขึ้น ทำให้สามารถใส่แบตเตอรี่แพคที่ประกอบไปด้วยเซลแบตเตอรี่รูปทรงกลม ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแบตเตอรี่ EV ทั่วไปราว 20% สามารถรองรับการเดินทางได้ในระดับ 1,000 กม. ต่อชาร์จ ซึ่งมากกว่ารถ EV ทั่วไปที่ใช้แบตเตอรี่ความจุเท่าๆ กันถึง 30% อีกทั้งยังชาร์จได้เร็วขึ้น 30% (ชาร์จ 1 นาที วิ่งได้ 48 กม.) ด้วย

Head Up Display ยาวเต็มประจกหน้า สามารถเลือกแสดงผลได้ในรูปแบบที่ต้องการ

หน้าจอที่หายไป กับการมาของ Head Up Display บิ๊กไซส์

สิ่งหนึ่งที่หลายคนกำลังว้าวกับการออกแบบรถยนต์ในยุคปัจจุบัน คือ การออกแบบอินเตอร์เฟสการแสดงผลภายในห้องโดยสาร หลายๆ ค่ายเน้นการพัฒนาระบบการแสดงผล หน้าจอทั้งในส่วนของหน้าแสดงผลการขับขี่ รวมถึงหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ แต่ BMW กลับไม่ทำแบบนั้นใน BMW i Vision DEE ด้วยเหตุผลที่ Oliver Zipse ให้ไว้ว่า ไม่ต้องการให้สีสันและลูกเล่นของหน้าจอเหล่านั้น มาเป็นตัวดึงดูดความสนใจหรือดึงสมาธิไปจากผู้ขับขี่ แทนที่จะโฟกัสกับเส้นทางหรือสิ่งที่จะต้องเจอ นอกจากนี้ บรรดาปุ่ม, สวิตช์ควบคุมต่างๆ ถูกตัดออกไปทั้งหมด เช่นเดียวกับปุ่ม iDrive ที่สาวก Bimmer คุ้นเคย แต่สิ่งที่จะเข้ามาแทนที่ คือ BMW Mixed Reality Slider ที่ใช้เซ็นเซอร์แบบสัมผัสบริเวณคอนโซลในการควบคุมแทน ส่วนหน้าจอที่หายไปนั้น จะถูกแทนที่ด้วยการแสดงผลในรูปแบบ Head Up Display ที่ยาวครอบคลุมแนวกระจกบังลมหน้าตั้งแต่ขวาจรดซ้าย ซึ่งสามารถปรับการแสดงผลได้ถึง 5 รูปแบบ ควบคุมผ่านฟังค์ชั่นที่เรียกว่า Phygital บนพวงมาลัย หลังจากใช้งานหน้าจอ Head Up Display เป็นที่เรียบร้อย สามารถสั่งให้หรี่หรือปิดการแสดงผลในกรณีที่ไม่ต้องการให้เกิดการรบกวนสายตาได้เช่นกัน โดยหน้าจอนี้ จะถูกติดตั้งในรถ EV ที่จะเปิดตัวบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Neue Klasse ในปี 2025

E Ink ขั้นแอดวานซ์ กับการใข้ ePaper ถึง 240 แผ่น รอบคัน

เทคโนโลยี E Ink ที่ล้ำไปอีกขั้น

ในงาน CES ปีก่อน BMW สร้างความประหลาดในด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี E Ink ให้รถเปลี่ยนสีตามอารมณ์หรือรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งในเวลานั้นจะแสดงผลในรูปแบบสีขาว ดำ และเทา แต่สำหรับ BMW i Vision DEE ที่ออกมาให้หลังจากนั้นเพียง 1 ปี มาพร้อมความล้ำกว่าหลายช่วงตัว ด้วยรูปแบบการแสดงผลบนส่วนต่างๆ ของตัวถังได้มากถึง 32 สี ซึ่งสามารถแยกส่วนการแสดงสีสันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง ฝาประโปรง หรือแม้แต่ล้อ โดยเทคโนโลยี E Ink ของ BMW i Vision DEE ใช้เทคโนโลยี ePaper มากถึง 240 แผ่น จนสามารถสร้างรูปแบบการแสดงผลที่หลากหลายได้อย่างไมีมีที่สิ้นสุด ซึ่งก็เป็นหนึ่งในกิมมิคที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากในอนาคตจะมีการนำมาใช้จริงกับรถในเครืออย่าง Mini

แผนก M ไม่เคยอยู่นิ่ง

นอกจากฝั่ง Mass Production ที่กำลังพัฒนารถ EV รุ่นใหม่บน Neue Klasse Platform อย่างเข้มข้นแล้ว ฝั่ง Performance อย่าง BMW M ก็ไม่เคยอยู่เฉยเช่นกัน โดยควมเคลื่อนไหวล่าสุดของแผนก คือ การซุ่มพัฒนารถยนต์พลังไฟฟ้าสมรรถนะสูงบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ความโดดเด่นอยู่ที่การติดตั้งมอเตอร์ 4 ตัว ที่ให้กำลังขับเคลื่อนอิสระในแต่ละล้อ โดบถุกคาดหมายว่า นี่อาจเป็นรถสมรรถนะสูงที่ใช้แบตเตอรี่ EV ในรูปแบบ Solid State นำร่องก่อนที่จะพัฒนาสู่การเป็นชิ้นส่วนหลักในรูปแบบ Mass Production

Debrecent Plant ประเทศฮังการี บ้านหลังแรกของ Neue Klasse Platform

Neue Klasse Platform เจอกันที่ฮังการี

รถที่ใช้ Neue Klasse Platform คันแรก จะถูกผลิตที่แพล้นท์แห่งใหม่ใน Debrecent ประเทศฮังการี ช่วงปี 2025 ก่อนที่จะขยายฐานการผลิตกลับสู่มิวนิคในอีก 1  ปี ให้หลัง ส่วนแพล้นท์ Spartanburg เซาท์ แคโรไลน่า ทางฝั่งอเมริกา จะรับหน้าที่ผลิตรถ SUV พลังไฟฟ้าอย่างน้อย 6 รุ่น ภายในปี 2030


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy