Home » 246 ซีซี. อัพ กับคำว่า “บิ๊กไบค์” ลดโอกาสหูเช็ดพื้นบนถนนได้จริงหรือ ?

246 ซีซี. อัพ กับคำว่า “บิ๊กไบค์” ลดโอกาสหูเช็ดพื้นบนถนนได้จริงหรือ ?

by Admin clubza.tv

มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ทำให้สายบิดต้องทำความเข้าใจกันอีกระลอก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่ถึงเดือน มีการกำหนดกฏหมายให้ผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ขนาด 400 ซีซี. หรือสองล้อที่มีกำลังมากกว่า 44 แรงม้า ต้องทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ เพื่อแยกประเภทให้ชัดเจน ระหว่างใบขับขี่สำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วไป และใบขับขี่สำหรับรถบิ๊กไบค์ ซึ่งมีสมรรถนะที่สูง และน้ำหนักตัวรถที่มากกว่า ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการควบคุมที่สูงขึ้น เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ

ใหญ่ หรือ แรงแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่าประสบการณืและวิสัยทัศที่ดีดีในการขับขี่

ซึ่งข้อมูลที่ออกมา ณ เวลานั้น กำหนดเงื่อนไขของผู้ที่จะทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ ว่าจะต้องอายุครบ 18 ปี บริบูรณ์ มีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี รวมถึงต้องเข้ารับการอบรมณ์ตามหลักสูตรที่กำหนด ซึ่งสำหรับผู้ที่มีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ตลอดชีพอยู่แล้ว สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ทันที (หรือเข้ารับการอบรมเพิ่มเติมได้ตามความสมัครใจ) แต่จนแล้วจนรอด…ความชัดเจนตรงจุดนี้ยังไม่เป็นที่ปรากฏชัดมากนัก ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันยังคงนิ่ง และมีข่าวคราวการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอันที่จริงแล้ว จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยมากแล้ว…ไม่ได้เกิดจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่าเป็น “บิ๊กไบค์” ที่มีขนาดความจุเครื่องยนต์ตั้งแต่ 400 ซีซี. หรือมีกำลังมากกว่า 44 แรงม้า ขึ้นไปโดยตรง แต่กลับเกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดความจุระหว่าง 250 – 390 ซีซี. จนทำให้นักวิชาการต้องขุดประเด็นนี้ขึ้นมา เพื่อให้รัฐบาลพิจารณากันอีกครั้ง

โดยประเด็นดังกล่าว เป็นโต้แย้งให้การพิจารณานิยามคำว่า บิ๊กไบค์ ใหม่ ตามสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มากจะเกิดกับผู้ใช้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 20 ปี รวมถึงเกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดความจุ 250 – 390 ซีซี. มากที่สุด จนเป็นที่มาของการทำจดหมายเสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม เพื่อปรับระเบียบเพิ่มความปลอดภัยในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไทย โดยมีสาระดังนี้

อยากแรง…เชิญในสนาม

  1. กำหนด บิ๊กไบค์ ขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 246 ซีซี. ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยถนอมชีวิตผู้ขับขี่เพิ่มเกือบ 2 เท่า
  2. กำหนดอายุผู้ซื้อหรือผู้ขอทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ ที่อายุ 21 ปีขึ้นไป รวมทั้งกำหนดโทษ หากการอบรมและทดสอบการขับ ไม่ได้มาตรฐาน
  3. ปรับปรุงการจำแนกประเภทของรถเครื่องขนาดเบา (L category) ตามเกณฑ์สากล (UNECE – WP.29) ให้มีประเภทรถ L1e ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. เพื่อจัดระบบความปลอดภัยตามกฎหมาย
  4. ปรับปรุงแก้ไขระบบใบอนุญาตขับขี่รถ จยย. เป็นระบบลำดับขั้น (Graduate Driver Licensing – GDL) และควบคุมดูแล ไม่ให้อนุญาตหรือผ่อนผันใดๆ เกี่ยวกับกฎกระทรวง พ.ศ. 2548 ที่จำกัดให้เด็กอายุ 15-17 ปี ขออนุญาตและขับขี่รถ จยย. ได้ไม่เกิน 110 ซีซี.

ยิ่งเลอะ…ยิ่งเยอะประสบการณ์ สำคัญ คือ ต้องเลอะให้ถูกที่

ด้วยข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่อาจเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากไม่มีข้อกฏหมายที่รุนแรงเพียงพอ สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีใบขับขี่ประเภทที่ถูกต้อง ผู้ขับขี่เหล่านั้น…ก็ยังคงอาศัยช่องว่างในการใช้งานได้อย่างที่เคยเป็น โดยเฉพาะบรรดานักบิดอายุน้อยที่ยังขาดวิสัยทัศน์ในการควบคุมรถที่มีสมรรถนะสูง ยังขาดความยับยั้งชั่งใจได้อย่างที่ควรจะเป็น อันเป็นมูลเหตุที่นำมาซึ่งความสูญเสีย และที่สำคัญ คือ หลายๆ คนไม่มีแม้แต่ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยซ้ำ ต่อให้ควบคุมอายุ ปรับขนาดความจุของรถที่เรียกว่า บิ๊กไบค์ ที่ต่ำลง ก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์จากตรงนี้เท่าใดนัก หรือต่อให้จำกัดอายุผู้ซื้อไม่ต่ำกว่า 21 ปี คิดจริงหรือ…ว่าเด็กอายุน้อยกว่านั้น จะซื้อบิ๊กไบค์มาขี่เองได้จริงๆ ?

การได้เรียนรู้วิธีการขับขี่ที่ถูกต้อง คือ การสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการขับขี่บิ๊กไบค์

หัวใจสำคัญที่จะทำให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของทักษะและประสบการณ์ในการขับขี่ อันส่งผลโดยตรงส่งผลต่อวิสัยทัศน์ในการควบคุม ซึ่งหากผู้ขับขี่มีสิ่งเหล่านี้อยู่กับตัว ต่อให้ไม่ต้องมีเรื่องของใบขับขี่มาเป็นตัวบังคับ ก็ยังสามารถขี่ได้อย่างปลอดภัย สิ่งเหล่านี้สร้างได้จากประสบการณ์ในการขับขี่ รวมถึงความรู้จากสถาบันต่างๆ ที่ถ่ายทอดวิธีการในการขับขี่ รวมถึงวิธีการฝึกหัดอย่างถูกต้อง แต่หากคุณเป็นคนที่ใช้ขับขี่อย่างขาดสติ คิดว่าขี่มอเตอร์ไซค์ยังไงก็ต้องได้ไปก่อน จังหวะห้าบาทสิบบาทต้องมุดซ้าย แทรกขวา ต่อให้มีใบขับขี่มาตั้งแต่ 5 ขวบ เชื่อว่า…ก็คงไม่ช่วยอะไรเช่นกัน เพราะงั้นบอกเลย…มันไม่ได้ขึ้นกับอายุ หรือ ซีซี. จะซี้…ไม่ซี้ มีแค่เรื่อง “ความห้าว” ล้วนๆ

 

………………
ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ ที่นี่


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy