เทรนด์ของรถ EV ณ ปัจจุบัน ถือว่ามาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ด้วยความที่เป็นโค้งสุดท้ายของมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ช่วยให้คนที่กำลังมองหารถ EV มาใช้งานสักคัน สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ด้วยระดับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ หันมาใส่ใจกับพลังงานทางเลือก ที่ดูจะ “เห็นอนาคต” ที่ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือใช้งานในชีวิตประจำวันได้อีกไม่น้อย
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ หันมาให้ความสนใจรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากันมากขึ้น คงหนีไม่พ้นเรื่องสมรรถนะและความสนุกในการขับขี่ โดยหากพูดถึงในหัวข้อนี้ รถ EV รุ่นหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น Sport Hatchback RWD อย่าง MG 4 Electric ซึ่งถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหนึ่งเดียวในงบ “ต่ำล้าน” ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง ที่มีจุดเด่นในเรื่องความสนุกในการขับขี่ ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ใช้ในบ้านเราเท่านั้น ที่ให้การยอมรับว่า นี่คือ รถ EV ที่ขับสนุกที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แต่หาก MG 4 Electric ยังเป็นรถที่ได้การยอมรับจากกลุ่มผู้ใช้ทั่วโลกอีกด้วย การันตีได้จากรางวัล Car Of The Year 2023 ในคลาส Compact Segment ทั้งจากประเทศอังกฤษ และเยอรมนี อีกทั้งยังเป็นรถที่สามารถทำยอดขายสะสมในปี 2023 ได้ถึง 57,000 คันทั่วโลก (มกราคม – สิงหาคม 2023)
แค่คำว่า ขับเคลื่อนล้อหลัง อาจเป็นแค่คุณสมบัติที่สามารถพบเจอได้ง่ายๆ สำหรับนักเล่นรถยนต์ในยุค Old School แต่สำหรับ MG 4 Electric ไม่ใช่เพียงแค่รถ EV ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ล้อคู่หลังเท่านั้น แต่นี่ยังเป็นรถที่ได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มล่าสุด Nebula Pure Electric ที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มดั้งเดิมที่ใช้ร่วมกับรถในรูปแบบอื่นๆ ดังนั้นการออกแบบจุดยึดต่างๆ จุดรับน้ำหนัก พื้นที่สำหรับวางแพคแบตเตอรี่ จึงถูกกำหนดไว้อย่างเหมาะสม เพื่อที่จะส่งให้ MG 4 Electric เป็นรถที่มีสมรรถนะในระดับที่ดี และสามารถกระตุ้นความรู้สึกของผู้ขับขี่ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักหน้า : หลัง ระดับอุดมคติ ที่ 50:50
MG 4 Electric ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อคู่หลัง
โดยมีกำลังสูงสุดให้ใช้ถึง 170 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่พร้อมจะพาผู้ขับขี่พุ่งทะยานได้ในทันทีที่แตะคันเร่ง รองรับการหมุนด้วยรอบสูงสุด 16,500 รอบต่อนาที ซึ่งมอเตอร์ชุดดังกล่าวจับคู่อยู่กับแบตเตอรี่แบบ One Pack ที่มีความหนาเพียง 110 มม. และออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับโครงสร้างตัวถัง โดยมาในความจุ 51 kWh ที่ได้รับการพัฒนาระบบระบายความร้อนมาอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบ Liquid Cooling system รองรับการเดินทางต่อชาร์จ 425 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับเคลื่อนถึง 5 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SNOW, ECO, NORMAL, SPORT และ CUSTOM ที่ผู้ขับขี่ สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่น น้ำหนักพวงมาลัย, การตอบสนองของคันเร่ง รวมถึงการตอบสนองของแป้นเบรก เพื่อให้ตรงกับสไตล์การขับขี่ของตัวเองมากที่สุด
โดย MG 4 Electric สามารถทำอัตราเร่งในแต่ละช่วงความเร็วได้ดังนี้
ในส่วนของชุดแพคแบตเตอรี่ ที่มีการระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งให้เสถียรภาพในการทำงานเหนือกว่าแบตเตอรี่ของรถ EV ทั่วไป แล้ว MG 4 Electric ยังโดดเด่นด้วยระบบ Battery Management System ที่ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพสูงขึ้น ส่งผลให้สามารถรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง (DC Quick Charge) สูงสุด 88 kW สามารถชาร์จจาก 10 – 80% ได้ในเวลาเพียง 35 นาที และยังรองรับฟังค์ชั่น V2L ที่สามารภปล่อยกระแสไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้สูงสุด 2.2 kW ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ซึ่งด้วยขนาดของแบตเตอรี่และมอเตอร์ที่เล็กลง แต่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร เพื่อให้ทุกการเดินทาง เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกขั้น
นอกจากระดับพละกำลังที่จัดจ้าน อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งให้ MG 4 Electric เป็นรถ EV ที่ขับสนุก จนได้การยอมรับจากทั่วโลกก็คือ การเลือกจับคู่กับเซ็ตช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพสูง โดยในด้านหน้ามาพร้อมชุดช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนในด้านหลังเป็นแบบ 5 Links ที่มีจุดเด่นทั้งในเรื่องความนุ่มนวล การดูดวับแรงสั่นสะเทือน รวมถึงยังให้ประสิทธิภารยึดเกาะได้อย่างโดดเด่น ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงต้องยกเครดิตให้กับการออกแบบแพลตฟอร์ที่พัฒนามาเพื่อการเป็นรถ EV โดยเฉพาะ ทำให้สามารถวางตำแหน่งของแบตเตอรี่ได้อย่างเหมาะสม ส่งให้ MG 4 Electric เป็นรถแฮทช์แบคที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยให้รถสามารถทรงตัวได้ดี และมีความคล่องตัวสูงจากการออกแบบระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า – หลัง ที่สั้น สามารถคอนโทรลได้อย่างมั่นในแม้ในพื้นที่จำกัด
ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วง “กำไร” ของคนที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐทั้งส่วนลดภาษีและเงินอุดหนุน ที่ส่งให้ราคาของรถ EV ที่เข้าเงื่อนไข ปรับลงกว่า 2 แสนบาท แต่ไม่เพียงแค่นั้น…เพราะในช่วงโค้งสุดท้าย ค่าย MG ยังจัดดีลพิเศษด้วยส่วนลดสุดปังเพิ่มอีก 1 แสนบาท !!! ส่งผลให้ค่าตัวเริ่มต้นของ MG 4 Electric ขยับลงมาอยู่ที่ 769,000 เท่านั้น !!! ซึ่งนอกจากส่วนลดดังกล่าวแล้ว ยังมาพร้อมดีลพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ฟรี ! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง นาน 1 ปี, เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร และ ฟรี ชุดพรมปูพื้น คุ้มแค่ไหน…ถามใจดู !!!
MG4 ELECTRIC รุ่น X ราคาพิเศษ 869,000 บาท (จากราคาปกติ 969,000 บาท)
MG4 ELECTRIC รุ่น D ราคาพิเศษ 769,000 บาท (จากราคาปกติ 869,000 บาท)
ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง นาน 1 ปี
ลูกค้าท่านใดสนใจสามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูม และจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://onlinebooking.mgcars.com/ หรือทางแอพพลิเคชั่น MG Thailand
ลูกค้าสามารถใช้บริการชาร์จเร็วได้ที่สถานี MG SUPER CHARGE ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 137 สถานี ทั่วประเทศ เพื่อความสะดวกและหมดความกังวลในเรื่องการเดินทางไกล
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- ราคาพิเศษข้างต้น มีปริมาณจำนวนจำกัด
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267
MG 4 Electric เตรียมเผยโฉมในไทย ชูจุดเด่นสุดเร้าใจ “ขับหลัง” และ “บาลานซ์น้ำหนัก 50 : 50”