Zeekr 009 เปิดตัว Premium MPV เวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาครั้งแรกในโลก วางค่าตัวในจีนเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท

Zeekr 009 นับเป็นรถในสไตล์ Premium MPV ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นที่ทำตลาดในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งการกลับมาของเวอรืชั่นพวงมาลัยขวา ถือเป็นการยกระดับตัวรถให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกขั้น โดยยังคงชูจุดเด่นในเรื่องความหรูหรา สะดวกสบาย ด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยเซ็ตที่นั่งแบบ Lounge Chair (ได้แรงบันดาลใจจากเก้าอี้พรีเมี่ยม Eames) เพียงหนึ่งเดียวในเซ็กเม้นท์ ซึ่งจะติดตั้งอยู่ใน Zeekr 009 Grand นอกจากนี้…ใน Zeekr 009 ผู้ครอบครอง สามารถเลือกรูปแบบได้ตามความต้องการ โดยวางเลย์เอาท์ภายในห้องโดยสารทั้งแบบ 4, 6 และ 7 ที่นั่ง หุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูงที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างประณีต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอุณหภูมิภายในเบาะ และระบบนวดไฟฟ้า

ระบบความบันเทิงที่ถูกติดตั้งมาใน Zeekr 009 พร้อมมอบประสบการณ์ความบันเทิงและเสพอรรถรสในขณะเดินทางได้แบบไร้ขีดจำกัด ด้วยซุดลำโพงซึ่งจะถูกติดตั้งอยู่ในพนักพิงศีรษะ ที่จะทำงานร่วมกับเซ็ตลำโพงจาก Yamaha ถึง 30 ตำแหน่ง โดยจะทำงานร่วมกับเซ็ตหน้าจอขนาด 15.5 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2.5K ที่ด้านหน้า และจอ OLED 3K 90Hz ขนาด 17 นิ้ว สำหรับห้องโดยสารตอนหลัง โดยแต่ละหน้าจอจะถูกประมวลผลอย่างรวดเร็วด้วยชิพคุณภาพสูง Qualcomm 8295 นอกจากนี้…ระบบช่วยเหลือภายในห้องโดยสาร ยังรองรับการสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบ AI EVA ที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด ซึ่งสามารถสื่อสารโต้ตตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เพื่อความหลากหลายในการรองรับการใช้งาน Zeekr 009 มาพร้อมขนาดความจุแบตเตอรี่มาตรฐาน 108 kWh รวมถึงระบบขับเคลื่อนและระดับพละกำลังที่หลากหลาย โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.9 วินาที รองรับการเดินทางสูงสุดได้ไกลถึง 740 กม. ต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นมอเตอร์คู่ All Wheel Drive (แบ่งย่อยออกเป็น 2 รุ่น) กำลังรวม 788 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที และรองรับการเดินทางต่อชาร์จ 702 กม. นอกจากนี้…ลูกค้ายังสามารถเลือกอัพเกรดแบตเตอรี่เป็น 140 kWh ซึ่งสามารถรองรับการเดินทางได้ไกลสุดถึง 900 กม. ได้ในราคาเพียง 50,000 หยวน หรือประมาณ 2.5 แสนบาท ได้อีกด้วย

นอกจากนี้… Zeekr 009 ยังจัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ที่เป็นการผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง Lidar Sensor, Camera Sensor ความคมชัดสูง และ Radar Sensor ที่สามารถรองรับการประมวลผลได้ในระดับมิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบ ADAS ทำได้อย่างละเอียดและมีความแม่นยำสูงสุด