Home » Triumph Trident 660 เรื่องเบอร์หนึ่งอาจไม่ใช่ แต่ถ้าให้เป็นที่หนึ่งในใจ…ระวังตัวให้ดี ! สายมินิมอลห้ามพลาด !

Triumph Trident 660 เรื่องเบอร์หนึ่งอาจไม่ใช่ แต่ถ้าให้เป็นที่หนึ่งในใจ…ระวังตัวให้ดี ! สายมินิมอลห้ามพลาด !

by Admin clubza.tv

ถ้าคุณมีงบสักสามแสน แต่ฝันอยากจะได้บิ๊กไบค์สักคัน ในช่วงก่อนหน้านี้ จุดหมายของไบค์เกอร์สายมินิมอล คงไปได้ไม่ไกลเกินรถในพิกัดหกแรงครึ่งจากค่ายญี่ปุ่น หรือไม่งั้นก็ต้องควานหารถมือสองที่ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก ว่ารถที่ได้มานั้นจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์สักแค่ไหน เจ้าของเก่าเอาไปกลิ้งแล้วแอบย้อมมาปล่อยต่อเราหรือไม่ รวมถึงปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องเซอร์วิส ยิ่งเมื่อใช้งานมานานแค่ไหน ค่าใช้จ่ายก็มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะกับบิ๊กไบค์ค่ายยุโรปที่หลายคนตัดใจขายด้วยเรื่องค่าดูแลที่ไม่ไหวจะจ่าย…ก็มีอยู่ไม่น้อย

Triumph Trident 660 โร๊ดสเตอร์ไบค์เมืองผู้ดี ค่าตัวโคตรว้าว 309,000 บาท

มันเป็นความตื่นเต้นเล็กๆ เมื่อครั้งหนึ่งช่วงกลางปีก่อน ผมมีโอกาสได้รับเชิญเป็น 1 ใน 5 สื่อชั้นนำ ให้ไปฟังข้อมูลโปรโตไทป์ของบิ๊กไบค์รุ่นใหม่จากค่าย Triumph มอเตอร์ไซค์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษแบบลับสุดยอด ที่ว่ากันว่า…การมาครั้งนี้ เป็นการทำตลาดเชิงรุก ที่อาจส่งผลให้ตลาดบิ๊กไบค์กลับมาลุกเป็นไฟอีกระลอก (แค่เปิดราคาให้อยู่ในระดับที่จินตนาการ) ซึ่งทางค่ายก็แสดงเจตนารมณ์ชัดเจน ว่าพร้อมชนด้วยราคาว้าวๆ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยยังคงรักษาคุณภาพความเป็นรถจากแบรนด์ Triumph ไว้เช่นเดิม ผ่านไปเพียง 1-2 เดือน ทางไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิ่ล ไทยแลนด์ ก็ได้ฤกษ์เผยโฉม Triumph Trident 660 (ไทรอัมพ์ ไทรเด้นท์ 660) พร้อมเปิดราคาแบบสุดว้าวอย่างที่ลั่นวาจาไว้ ซึ่งด้วยความเป็นรถจากแบรนด์ Triump ทำให้หลายคนมองว่า การได้ขี่รถไทรอัมพ์มาพร้อมค่าตัว 309,000 บาท นั้นคือ ความคุ้มค่า แต่อันที่จริง…มันมีอะไรที่มากกว่านั้น

วัสดุและงานประกอบ…เนียนสุดในคลาส

อาจจะจริง กับคำพูดที่ว่า…“จ่ายสามแสนนิดๆ แต่ได้ขี่ไทรอัมพ์ คือ ความคุ้มค่า” มันก็ใช่แหละครับ…แต่ไม่ทั้งหมด ! ในความเป็นจริงแล้ว การจะซื้อรถแบบคิดเยอะ มันอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น หากเรามองคู่แข่งที่อยู่ในคลาสเนคเก็ตไบค์ 650 ซีซี. ในตลาดก็จะมีตัวเลือกอยู่ 4-5 รุ่น ที่น่าสนใจ ซึ่ง 2 ในทั้งหมด เป็นรถที่ประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือ Yamaha MT-07 และ Suzuki SV650 ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น Honda CB650R และ Kawasaki Z650 เป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย เช่นเดียวกับ Triumph Trident 660 แต่กระนั้น ไม่ได้หมายความว่ารถที่นำเข้าทั้งคัน จะมีคุณภาพที่ดีที่สุดเสมอไป แต่สิ่งที่เป็นตัวการันตีคุณภาพ หัวใจหลักอยู่ที่เรื่องของ QC หรือมาตรฐานการผลิตมากกว่า ต่อให้ผลิตหรือประกอบที่ไหน ถ้ามาตรฐานสูง…นั่นคือ ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ที่คุณเลือกที่จะถูกใจกับรถรุ่นนั้น (แต่ผู้ใช้หลายคนมองข้าม) หากพิจารณาในเนื้องานประกอบ รวมถึงวัสดุที่ใช้ นอกจาก Yamaha MT-07 แล้ว ก็มี Triumph Trident 660 นี่แหละ…ที่คนที่ชอบความพิถีพิถัน ชอบงานเนียน เห็นแล้วจะไม่เกิดข้อสงสัยให้คาใจอะไร

องค์ประกอบและพื้นฐานที่ดี…ไม่เคยโกหกใคร นอกจากวัสดุ และงานประกอบจะอยู่ในระดับแนวหน้าที่พึงจะหาได้จากบิ๊กไบค์ราคา 3 แสนหน่อยๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ Triumph Trident 660 คือ คาแร็กเตอร์สไตล์มอเตอร์ไซค์จากยุโรปที่เน้นเรื่องพื้นฐานในการออกแบบ โดยเน้นการใช้คุณสมบัติขั้นสูงที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิ๊กไบค์รุ่นใหญ่ เช่น การใช้โช้กอัพแบบ Upside Down จาก Showa ขนาดแกน 41 มม. ซึ่งดูเกือบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ติดอยู่นิดเดียวที่เลย์เอาท์ในการยึดปั๊มเบรก ยังคงเป็นแบบแปะ ไม่ใช่แบบเรเดียลเม้าท์ ซี่งในคลาสนี้ มีเพียง Honda CB650R เท่านั้น ที่เป็นโช้กอัพแบบ Upside Down และระบบการยึดคาลิเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ ปัจจัยนี้อาจมีผลไม่เยอะในเรื่องประสิทธิภาพ (สำหรับรถที่มีสมรรถนะประมาณนี้) แต่สิ่งที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด คือ เรื่องเหตุผลทางใจ (ถ้ามีก็จะดูเต็มระบบขึ้นมาในทันที) ในส่วนของโช้กอัพหลัง เป็นแบบยึดโดยตรงกับสวิงอาร์ม ต่างกับเพื่อนร่วมคลาสในค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ (Yamaha MT-07, Kawasaki Z650 และ Suzuki SV650) ที่มีกระเดื่องทดแรง แต่เมื่อหักลบเรื่องวัสดุและความเรียบร้อยในงานประกอบแล้ว ยังไงซะ…ในความรู้สึกส่วนตัว Triumph Trident 660 ก็ยังดูจะมีภาษีที่เหนือกว่า อย่างน้อยๆ คือ เห็นแล้วไม่มีอะไรให้ต้องหงุดหงิดในใจ

เครื่องยนต์ 3 สูบ ผู้เป็นตำนาน ปรับพื้นฐานเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น

เปรียบเทียบขุมพลัง Naked Bike Middle Class

Triumph Trident 660  Yamaha MT-07Honda CB650RKawasaki Z650Suzuki SV650
เครื่องยนต์3 สูบ เรียง 660 ซีซี.2 สูบเรียง CP2 689 ซีซี.4 สูบเรียง 650 ซีซี. 2 สูบเรียง 649 ซีซี.      2 สูบ V Twin        645 ซีซี.
กำลัง81 แรงม้า74.8 แรงม้า94 แรงม้า68 แรงม้า76 แรงม้า
แรงบิด64 นิวตัน-เมตร68 นิวตัน-เมตร64 นิวตัน-เมตร64 นิวตัน-เมตร64 นิวตัน-เมตร
ระบบส่งกำลังเกียร์ 6 สปีด + สลิปเปอร์คลัทช์เกียร์ 6 สปีดเกียร์ 6 สปีด + สลิปเปอร์คลัทช์เกียร์ 6 สปีด + สลิปเปอร์คลัทช์เกียร์ 6 สปีด

ตัวเลขแรงม้าอาจเป็นที่ 2 แต่ช่วงการใช้งานของแรงบิด…กินขาดทุกคลาส

ขุมพลังที่ประจำการอยู่ใน Triumph Trident 660 เป็นบล็อคระดับตำนานที่เคยสร้างชื่อมาแล้วกับเนคเก็ตตระกูลแรง Street Triple แม้จะดูไม่สุดเท่า แต่เมื่อพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการออกแบบในความเป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์โร๊ดสเตอร์ หรือรถเพื่อการขับขี่บนท้องถนน ต้องถือว่าได้รับการปรับรายละเอียดมาอย่างตรงจุด เครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว พิกัด 660 ซีซี. กำลังสูงสุดอยู่ที่ 81 แรงม้า ที่ 10,250 รอบ/นาที เป็นรองเพียงเพื่อนร่วมคลาสที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ แต่นั่นไม่ใช่ไฮไลท์ เพราะจุดขายที่รุ่นอื่นๆ ทำไม่ได้ คือ การให้แรงบิดในระดับสูง ที่ครอบคลุมทุกย่านการใช้งาน แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 64 นิวตัน-เมตร แต่แรงบิดราว 60 นิวตัน-เมตร สามารถดึงออกมาใช้งานได้ตั้งแต่เกือบๆ 4,000 – 10,000 รอบ/นาที นั่นหมายความว่า ต่อให้เร่งตอนไหน ในเกียร์ใดๆ หากอยู่ในช่วงย่านรอบนี้ Triumph Trident 660 ก็พร้อมที่จะตอบสนองการเปิดคันเร่งได้แบบทันท่วงที และด้วยการใช้เครื่องยนต์แบบ 3 สูบ อันมีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว ที่ผสานระหว่างอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม รวมถึงความเร็วที่ไหลได้แบบไม่มีตก ทำให้ Triumph Trident 660 พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครก็ได้…หากมีใครอยากลองวิชา ส่วนที่คุยว่า 4 สูบ ทำ Top Speed ได้มากกว่างู้นงี้ โทษที…รุ่นใหญ่เขาไม่คุยเรื่องนี้กัน

สิ่งที่สังเกตได้หลายครั้ง จากการขี่เทียบกันระหว่างบิ๊กไบค์ญี่ปุ่น และยุโรป คือ เรื่องระบบส่งกำลัง สิ่งที่รถจากค่ายยุโรปทำได้ค่อนข้างดีกว่าคือ เรื่องฟีลลิ่งและความกระชับในการเปลี่ยนเกียร์ รู้สึกถึงจังหวะที่มีความแม่นยำ เช่นเดียวกับที่พบใน Triumph Trident 660 ที่ไม่มีติดขัดทั้งการเพิ่มและลดเกียร์ มีจังหวะจะโคนที่ดีงาม และชัดเจนมากๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ตั้งแต่ 1-6 โดยในจังหวะที่ลดเกียร์  จะมี Slipper Clutch ที่จะมาเป็นตัวช่วยลดแรงกระจากจากเครื่องยนต์ ซึ่งทำงานได้อย่างดีงาม ไร้ที่ติ ช่วยเพิ่มความสมูทในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ดูไม่ไก่กา ทั้งๆ ที่เป็นบิีกไบค์ในระดับเริ่มต้น คือ การที่ Triumph Trident 660 มาพร้อมยางที่มีคุณภาพสูงอย่าง Michelin Pilot Road 5 หน้า 120/70 R17 หลัง 180/55R17 ซึ่งได้การยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพ ทั้งการขับขี่บนถนนแห้งและให้การรีดน้ำที่ดีในสภาพเปียก อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว ขี่กันได้ถึงระยะ 20,000 กม. ได้แบบสบายๆ โดยที่ไม่เสียคุณภาพในระดับที่ดีที่สุดไปมากนัก

เปรียบเทียบมิติตัวถัง Naked Bike Middle Class

Triumph Trident 660  Yamaha MT-07Honda CB650RKawasaki Z650Suzuki SV650
มิติ กว้าง x ยาวx สูง (มม.)795 x 2,020 x1,089745 x 2,085 x 1,090784 x 2,145 x 1,076775 x 2,115 x 1,080760 x 2,140 x 1,090
ความสูงเบาะ805 มม.805 มม.810 มม.790 มม.785 มม.
ความจุถังน้ำมัน14 ลิตร14 ลิตร15.4 ลิตร15 ลิตร14.5 ลิตร
น้ำหนัก189 กก.182 กก.203 กก.187 กก.198 กก.

การทดลองขี่ในครั้งนี้ แม้ว่าระยะทางจะไม่มากนัก ราว 30-40 กม. แต่สิ่งที่สัมผัสได้ นั่นคือ “ความจริง” ที่สะท้อนถึงแนวความคิดในการออกแบบตัวรถ Triumph Trident 660 ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นบิ๊กไบค์ที่ให้สมรรถนะสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว Trident ดูจะตอบโจทย์มากๆ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยความที่ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 189 กก. (รวมของเหลวและน้ำมันเชื้อเพลิง 14 ลิตร) และมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก มันทำให้ง่ายตั้งแต่การเข็น ซึ่งคนขี่บิ๊กไบค์ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือ ความจริงที่ต้องพบเจอ แม้จะได้เห็นตัวจริงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่สารภาพตามตรงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้คร่อมเจ้า Triumph Trident 660 สัมผัสแรก คือ เป็นรถที่ให้ความกระชับ ดูเป็นมิตรกับผู้ขี่ร่างเล็กเป็นอย่างดี เบาะนั่งความสูง 805 มม. ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ขี่ที่สูง 168 ซม. วางเท้าได้เกือบเต็มทั้ง 2 ฝั่ง ด้วยความกว้างของเบาะที่ไม่มากนัก แค่ยังไม่ได้ขี่ ก็รู้สึกถึงฟีลลิ่งที่สร้างความประทับใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว

Triumph Trident 660 สำหรับมือใหม่อย่างผม…ถือว่าเริ่มต้นไม่ยากเลยจริงๆ

Triumph Trident 660 มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 2 โหมด คือ Road กับ Rain ซึ่งการเปลี่ยนโหมดทั้ง 2 สามารถทำได้ทันทีเพียงกดปุ่มสัญลักษณ์ M ที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย นอกจากนี้หากต้องการการตอบสนองที่ดิบและดุดันมากขึ้น สามารถเลือกปิด Traction Control ได้ โดยการเข้าเมนูเพื่อเลือกการปิดใช้งานชั่วคราว (ดับเครื่อง เปิดสวิตช์กุญแจขึ้นใหม่ TC กลับมาทำงานเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัย) เริ่มการเดินทาง เพื่อทำความคุ้นเคยตามสเต็ปจึงเริ่มจากโหมด Road ก่อน การตอบสนองของ Triumph Trident 660 นั้น ทำได้อย่างน่าสนใจ ด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้าที่เซ็ตมาให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ในช่วง 1-2,000 รอบ/นาที คันเร่งจะมีอาการหน่วงเล็กน้อย เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องเซฟตี้ที่ออกแบบมาให้สามารถขับขี่ในเมืองได้ง่ายขึ้น คือ เติมคันเร่งแล้วไม่พรวดพราดจนรู้สึกว่าคุมยาก โดยหากรอบเครื่องยนต์เกินขึ้นไปจากนั้น จะรู้สึกได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วและแฝงด้วยความดุดันที่ซ่อนไว้ภายใน อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า แรงบิดโดยส่วนมากของ Triumph Trident 660 มีให้ใช้แบบยาวๆ ตั้งแต่ 4,000 รอบ/นาที ขึ้นไป จนเกือบถึง Red Line ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้น มีประสิทธิภาพในทุกย่าน ไม่ต้องเชนจ์เกียร์บ่อยๆ เพื่อเรียกรอบ ไม่มีอาการดึงจนรู้สึกเหวอในย่านในย่านหนึ่ง (Traction Control มีตัดๆ บ้างแต่ก็ทำได้อย่างสมูท ช่วงหลังๆ เลยลองปิดเล่นๆ ดูบ้าง…ถ้ามีประสบการณ์ในการขับขี่มาบ้าง ก็ถือว่าสนุกได้อีกระดับหนึ่ง) เรียกได้ว่าเป็นการปลดปล่อยกำลังที่ Flat มายาวๆ ขึ้นเนียนๆ แบบไม่มีตกก็ว่าได้

แม้จะเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า สมรรถนะขั้นสูงของ Triumph Trident 660 นั้น…ไม่ธรรมดา ในช่วงโล่งๆ ที่ความเร็ว 60-70 กม./ชม. ผมลองเปิดคันเร่งยาวๆ ที่เกียร์ 4 ตัวรถให้การตอบสนองได้ดีตามคาด เพียงไม่กี่อึดใจก็พาทะยานสู่ความเร็วในระดับกว่า 150 กม./ชม. ได้แบบไม่ยาก (ในชีวิตจริง ไม่แนะนำนะ…แค่ลองให้รู้) ซึ่งก็เป็นคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนในความเป็นไทรอัมพ์ ที่เน้นความลื่นไหล ต่อเนื่อง เฉกเช่นรุ่นพี่ในตระกูล Street Triple 675 (ต่างตรงที Street Triple ในรอบต่ำเราอาจไม่เห็นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อย่างเด่นชัด แต่จะมาออกอาการในย่านรอบสูงแทน ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบสำหรับการขับขี่ในสไตล์สปอร์ตเป็นหลัก) พูดได้เต็มปากว่า พละกำลังนั้นไม่เป็นรองใคร แม้จะต้องปีนขึ้นไปไล่กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่มีแรงม้าสูงกว่า (แต่ขาดซึ่งคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว) การทำงานของช่วงล่างรวมถึงระบบเบรกที่ความเร็วใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน ต้องบอกว่าตอบโจทย์ ด้วยความรู้สึกที่เฟิร์ม ทรงตัวได้อย่างมั่นใจ เข้าโค้ง พลิกรถได้เนียนดี แต่หากใช้ความเร็วที่สูงเกิน 140 กม./ชม. ขึ้นไป (ซึ่งอาจผิดวัตถุประสงค์ในการออกแบบ) ช่วงล่างก็จะออกอาการบ้าง ใครจะบอกว่าเป็น “ข้อเสีย” ผมแนะนำให้ไปทำความเข้าใจกับคอนเซ็ปท์การออกแบบตัวรถเสียใหม่ก่อนดีกว่านะ

ความคล่องในเมืองอาจเป็นรอง MT-07 อยู่เล็กๆ แต่หากชอบใช้ความเร็วสักหน่อย ช่วงล่างดูจะเฟิร์มกว่าแบบเทียบกันไม่ติด

ในช่วงที่ผมทดลองขี่ Triumph Trident 660 เป็นเวลาค่อนข้างเย็น (16.30 น.) ซึ่งการจราจรเริ่มหนาแน่น มีบางช่วงต้องใช้สกิลในการลัดเลาะอยู่บ้าง สำหรับ Triumph Trident 660 ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมิติตัวรถที่กำลังพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนเกินไป รวมถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ในรอบต่ำที่ช่วยรักษาบาลานซ์ในการขับขี่ได้อย่างน่าประทับใจ มุดเบาๆ ไหลๆ ไม่มีปัญหาเลย (แต่ถ้าติดแบบหยุดนิ่ง ต้องซอกแซก เปลี่ยนช่องซ้าย-ขวา ยังแอบเป็นรอง Yamaha MT-07 หน่อยๆ ด้วยขนาด น้ำหนัก และการออกแบบเครื่องยนต์ CP2) โดยรวมถือว่าดีมากๆ ถ้าเทียบในความเป็นบิีกไบค์คันหนึ่ง ที่ซื้อมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่า ตอบโจทย์ โดยเฉพาะกับนักขี่หน้าใหม่ที่อยากเรียนรู้และเติมชั่วโมงบินในการขี่บิ๊กไบค์ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญสู่การต่อยอดในอนาคต หรือจะเป็นนักบิดรุ่นเก๋า ที่อยากได้อะไรง่ายๆ สไตล์ มินิมอล ใช้งานสบายๆ ขี่ไปร้านสะดวกซื้อแบบไม่ต้องมากพิธี

ชอบขี่เร็ว…หมอบหน่อย อร่อยเลย

เปรียบเทียบราคา Naked Bike Middle Class                

Triumph Trident 660     Yamaha MT-07  Honda CB650RKawasaki Z650Suzuki SV650
ราคา309,000 บาท299,000 บาท305,000 บาท283,000 บาท291,000 บาท

ไม่ได้ถูกที่สุด ไม่ได้แรงที่สุด ไม่ได้คล่องตัวที่สุด แต่องค์ประกอบโดยรวม…กลับลงตัวที่สุดอย่างน่าประทับใจ

แม้ว่า Triumph Trident 660 จะไม่ใช่รถที่เรียกว่าเป็น “เบอร์หนึ่ง” ในทุกด้าน ไม่ได้แรงที่สุด ไม่ได้เบาที่สุด ไม่ได้เข้าถึงง่ายที่สุด (สุดอย่างหนึ่ง คือ มาตรฐานด้านวัสดุและงานประกอบ) แต่หากบวกลบกลบด้วยเหตุผล (และอารมณ์) ร้อยแปดพันเก้าแล้ว โดยส่วนตัวผมมองว่า Triumph Trident 660 เป็นที่หนึ่งในดวงใจได้ไม่ยาก รถแบรนด์ระดับไทรอัมพ์ที่มาให้จับต้องในราคาเพียง 309,000 บาท กับคุณภาพที่ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างที่ควรจะเป็น มันจะมีอะไรที่ต้องการไปมากกว่านี้ล่ะ สำหรับ ไบค์เกอร์สายมินิมอล ที่คาดหวังจะมีรถบิ๊กไบค์แท้ๆ ไว้ขี่ตามฝันสักคัน จะมีการเริ่มต้นไหนที่ดูเหมาะเจาะ ลงตัวไปมากกว่านี้ อีกอย่าง…สิ่งที่คนไม่เคยเล่น อาจไม่เคยรู้ นั่นก็คือ Triumph เป็นรถที่ถึก ทน ไม่จุกจิก (เหมือนที่มักเจอในรถยุโรปค่ายอื่นๆ) ยิ่งถ้าใครเป็นสายแต่ง Triumph เป็นค่ายที่ใจกว้างพอที่จะให้คุณได้อัพเกรดโดยไม่เอาคำว่า “หมดประกัน” มาเป็นตัวคู่ลูกค้าเหมือนกับหลายๆ ค่าย โดยยังมีของแต่งตรงรุ่นที่เตรียมไว้ให้เลือกกว่า 40 รายการ (ช็อปกันให้หมดตัวยังได้) และที่ว้าวกว่านั้น คือ ค่าเซอร์วิสเป็นมิตรมากๆ คุณเชื่อไหมล่ะ ว่าผมเคยเอารถแบรนด์นี้รุ่นหนึ่งไปเปลี่ยนโช้กอัพหลังที่ศูนย์ ย้ำนะ…ว่าเปลี่ยนที่ศูนย์ เช็คบิลออกมาค่าแรงไม่ถึง 400 บาท !!! พูดกันตรงๆ เปลี่ยนร้านข้างนอก…ยังแพงกว่านี้เลยจริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละ…เพราะมันเคยเกิดขึ้นแล้ว ! ก่อนจบผมขอเตือนไว้อย่างนึง…ถ้าใจไม่แข็งพอ อย่าได้เผลอไปลองขี่เชียว เสีย 3 แสน ก้นมานักต่อนักแล้วนะ กับ Triumph Trident 660 เนี่ย !!!

 

ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ ที่นี่


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy