Home » Triumph Speed Triple 1200 RS / RR ถ้าคำว่าใช่ คือ ความเป็นรุ่นใหญ่ที่คุ้มค่า…มองคู่นี้ คือ มาถูกทาง !

Triumph Speed Triple 1200 RS / RR ถ้าคำว่าใช่ คือ ความเป็นรุ่นใหญ่ที่คุ้มค่า…มองคู่นี้ คือ มาถูกทาง !

by Admin clubza.tv
Triumph Speed Triple 1200 RS / RR

แม้ว่าความเคลื่อนไหวในวงการบิ๊กไบค์บ้านเรา ดูจะเบาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาสัก 4-5 ปีก่อน แต่ค่ายยุโรปบิ๊กเนมอย่าง Triumph กลับสวนกระแส ด้วยการส่งคู่หูรุ่นใหญ่ในตระกูล Speed Triple 1200 ลุยตลาด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีการทำตลาดในรถคลาสนี้อย่างจริงจัง โดย Triumph Speed Triple 1200 RS หรือรุ่นใหญ่เวอร์ชั่นเนคเก็ตไบค์ ไม่ได้มาแบบเดี่ยวๆ เพราะล่าสุดในงาน Motor Expo 2021 ที่ผ่านมา ทางค่ายก็ได้ส่ง Triumph Speed Triple 1200 RR โมเดิร์นสปอร์ตดีไซน์ย้อนยุคออกมาทำตลาดร่วมด้วย

Triumph Speed Triple 1200 RR และ RS

ไฮไลท์ในความเป็น Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR นั้น คือ

ต้องยอมรับว่า ตัวรถมาพร้อมสมรรถนะและเครื่องเคียงระดับที่เหนือชั้นและคู่ควรกับความเป็นรถที่ได้ชื่อว่าเป็น Hyper Naked Bike แบบเดียวกับที่มอเตอร์ไซค์ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรปเพียงไม่กี่รุ่น ที่ถูกขนานนามด้วยคำเรียกนี้แบบเต็มตัว ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เป็นตัวชี้วัดถึงความเป็น “รุ่นใหญ่” ที่ใครๆ ก็ยากที่จะเสมอเหมือนได้แบบที่ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR เป็น แต่ความน่าสนใจของทั้งคู่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะไม่ใช่แค่สเป็คเท่านั้นที่ดูดี แต่เห็น “ราคา” แล้ว ยังอดปลื้มปริ่มแทนไบค์เกอร์คนไทยไม่ได้ ที่จะได้สัมผัสกับสองล้อระดับหัวแถวของวงการ Naked Bike ในค่าตัวที่วางไว้ในระดับเริ่มต้นเพียง 699,000 บาท สำหรับ Triumph Speed Triple 1200 RS และ 799,000 บาท ของ Triumph Speed Triple 1200 RR ซึ่งถือเป็นการเติมงบจาก Naked Bike แบรนด์ญี่ปุ่น ที่ไม่รู้จะหาอะไรมาเทียบได้ ทั้งระดับพละกำลัง รวมถึงเครื่องเคียงที่ให้มา

Triumph Speed Triple 1200 RS ราคา 699,000 บาท

Triumph Speed Triple 1200 RR ราคา 799,000 บาท

ว่ากับตามตรง…ผู้เขียนแห่ง #ทีมขับซ่า ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่คลั่งใคล้ใน Yamaha MT-10 สองล้อ  Hyper Naked Bike หนึ่งเดียวจากค่ายญี่ปุ่น ที่ราคา 6.xx แสน มากๆ แต่ด้วยส่วนต่างราว 7 หมื่นบาท มันไม่สามารถเติมงบเพื่อที่จะได้ของให้ใกล้เคียงกับ Triumph Speed Triple 1200 RS เลยแม้แต่น้อย เครื่องยนต์ความจุสูงกว่า, ระบบเบรกและช่วงล่างที่จัดเต็มกว่า, มีระบบประมวลผล IMU แบบ 6 แกน แค่ 3-4 อย่างที่ว่ามานี้ ต่อให้ลงเงินอีก 2 – 3 แสน ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหามาใส่ได้เองทั้งหมด หรือถ้าหากจะกระโดดข้ามไปในรถคลาสที่มีสมรรถนะหรือของที่ให้มาใกล้เคียงกันอย่าง Ducati Streetfighter V4 หรือ V4 S นั่นคือ คุณจะต้องเติมงบขึ้นไปอีกอย่างน้อย 2.5 – 4 แสนบาท เพื่อแลกมาซึ่งรถที่มีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ #ทีมขับซ่า ถึงบอกว่า Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR เป็น Hyper Naked Bike ที่มีความคุ้มค่าแบบยากจะหาตัวเทียบ ***แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่จะตัดสินใจซื้อรถในสไตล์นี้มาครอบครองได้ แค่คำว่า “คุ้มค่า” อย่างเดียว…อาจไม่เพียงพอ ! ดังนั้น…จึงควรอ่านให้จบเพื่อไม่ให้พลาดใจความสำคัญของ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR ไปอย่างน่าเสียดาย

ธรรมชาติของท่านั่ง มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน นั่นจึงส่งผลต่อลักษณะการใช้งานตามไปด้วย

แม้ว่าทั้งคู่จะใช้แชสซีส์ และเครื่องยนต์เหมือนๆ กัน แต่ความแตกต่างระหว่าง Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR ที่มีส่วนต่าง 100,000 บาท ให้ตัดสินใจนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องของภาพลักษณ์และบอดี้สไตล์ที่แตกต่างกันให้พิจารณาเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ส่งผลต่อเรื่องของสมรรถนะ รวมถึงท่าทางในการขับขี่ ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถ Triumph Speed Triple 1200 ทั้ง 2 รุ่น ได้แตกต่างกัน เช่น ในรุ่น RS ใช้การควบคุมด้วยแฮนด์บาร์ที่ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่เน้นเรื่องความคล่องตัวเป็นหลัก สามารถใช้งานบนถนนได้ง่าย อีกทั้งยังวางตำแหน่งของชุดพักเท้าในระดับที่ต่ำกว่า นั่นจึงทำให้การขับขี่ในระยะทางไกลๆ สามารถทำได้อย่างสบายมากกว่า Triumph Speed Triple 1200 RR ที่ตำแหน่งพักเท้า ถูกยกให้สูงและเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย อาจจะรู้สึกฝืนร่างการยมากกว่า แต่นั่นก็ทำให้การหนีบถังทำได้กระชับมากขึ้น รวมถึงการปรับชุดแฮนด์ให้มาในรูปแบบ Clip On หรือแฮนด์จับโช้ก แน่นอนว่า จะช่วยให้การจัดท่าทางในการเข้าโค้ง โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่ในสนาม ทำได้อย่างทะมัดทะแมง มีความกระชับและควบคุมรถได้อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถที่มากขึ้นตามไปด้วย

เทียบความแตกต่างระหว่าง Triumph Speed Triple 1200 RR และ RS

นอกจากเรื่องของท่าทางการขับขี่แล้ว ระบบรองรับที่ให้มาใน Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR ยังมีความแตกต่างกัน ด้วยลักษณะการใช้งานที่แน้นการตอบโจทย์สำคัญที่แตกต่างกันออกไป โดย Triumph Speed Triple 1200 RS ที่เน้นการใช้งานบนท้องถนน จะมาพร้อมชุดโช้กอัพ Ohlins NIX30 แกน 43 มม. ระยะยุบ 120 มม. ในด้านหน้า และ Ohlins TTX36 ที่ด้านหลัง ซึ่งทั้งคู่มาในรูปแบบการปรับแบบแมนวลแบบเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็น Preload, Rebound หรือ Compression จับคู่กับยาง Metzeler Racetec RR ส่วนใน Triumph Speed Triple 1200 RR ที่เน้นขับขี่ในสนามแข่งเป็นหลัก จะใช้โช้กอัพ Ohlins Smart EC 2.0 OBTI ที่เป็นแบบ Semi Active ซึ่งจะสามารถปรับรูปแบบการทำงานโดยอัตโนมัติ ในสภาวะการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป โดยมาพร้อมยางที่มีคอมปาวน์ที่เหมาะกับการขับขี่ในสนามมากกว่าอย่าง Pirell Diablo SuperCorsa SP V3 ขนาด 120/70 R17 และ 190/55 R ซึ่งเป็นไซส์เดียวกันทั้ง Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR เช่นเดียวกับชุดเบรกที่มาพร้อมคาลิเปอร์ Brembo Stylema จับคู่แม่ปั๊ม Brembo MCS 2.0 และจานขนาด 320 มม. ที่ล้อหน้า

Ohlins Smart EC 2.0 OBTI ไอเท่มลับที่มีเฉพาะใน Triumph Speed Triple 1200 RR

ความโดดเด่นของโช้กอัพ Ohlins Smart EC 2.0 OBTI ใน Triumph Speed Triple 1200 RR นอกจากจะเป็นโช้กอัพที่สามารถปรับรูปแบบการทำงานได้โดยอัตโนมัติในขณะที่ขับขี่โดยจะประมวลผลผ่านเซ็นเซฮร์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวรถ เช่น ความเร็วล้อและระยะยุบโช้กหน้า -หลัง, เรือนไมล์, คันเร่ง, กล่อง ECU รวมถึงกล่องควบคุม ABS แล้ว ยังสามารถเลือกปรับระดับการตอบสนองให้เหมาะสมในแต่ละรูปแบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น Dynamic, Normal หรือ Comfort นอกจากนี้ยังจะทำงานตามโหมดการขับขี่ที่ที่มีให้เลือกปรับอีกด้วย ส่วนถ้าหากยังรู้สึกว่าการทำงานของโหมดที่เป็นการตั้งค่ามาจากโรงงานยังไม่ละเอียดพอ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตั้งด้วยตัวเอง ซึ่งจะมี Indicator ที่รองรับการปรับได้อีก +5 สำหรับผู้ที่ต้องการความเฟิร์มมากขึ้น และ -5 สำหรับผู้ที่ต้องการความนุ่มนวล ซึ่งในส่วนการปรับเซ็ตรายละเอียดตรงนี้ อาจจะต้องใช้ความเวลาทำความเข้าใจสักระยะ

ขุมพลัง 3 สูบ พิกัด 1,160 ซีซี. ยกระดับพละกำลังเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนถึง 30 แรงม้า

ชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อม Quick Shifter แบบ 2 Ways และ Slipper Clutch

หน้าจอ 5 นิ้ว สามารถปรับลุกเล่นได้หลากหลาย ซึ่งด้วยฟังค์ชั่นที่อัดแน่น อาจต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจสักระยะ

Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR

มาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ 3 สูบเรียง พิกัด 1,160 ซีซี. ที่ให้กำลัง 180 แรงม้า ที่ 10,750 รอบ/นาที ซึ่งหากเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนที่ออกมาในปี 2018 ถือว่ามีกำลังเพิ่มขึ้นอีกถึง 30 แรงม้า ในน้ำหนักที่เบาลง เช่นเดัยวกับในส่วนของแรงบิด 125 นิวตัน-เมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที (+8 นิวตัน-เมตร) ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อม Quick Shifter แบบ Up – Down รวมถึงระบบ Slipper Clutch ที่ช่วยลดอาการกระชากขณะที่ลดเกียร์อย่างรวดเร็ว ก่อนส่งกำลังสู่ล้อหลังผ่านโซ่ที่ยึดอยู่กับสวิลอาร์มแบบ Single Side นอกจากนี้ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR ยังโดดเด่นด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 5 โหมด ซึ่งประกอบไปด้วยโหมดอันเป็นเซ็ตติ้งโรงงานทั้ง Rain, Road, Sport, Track ซี่งหากยังไม่พอใจ จะยังมีโหมด Rider ให้เลือก Config ในสไตล์ของตัวเอง ทั้งระดับการตอบสนองของคันเร่ง, ระดับการทำงานของ ABS รวมถึงระดับการทำงานของระบบ Traction Control ซึ่งสามารถควบคุมผ่านสวิตช์บริเวณประกับแฮนด์ด้านซ้ายและแสดงผลผ่านชุดหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่พร้อมรองรับแอพพลิเคชั่น My Triumph Connectivity และ Google & GoPro

พร้อม…เริ่ม !

แม้จะเป็นรถไซส์ใหญ่ แต่ถ้ามีพื้นฐานอยู่แล้ว…จะสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

แม้ว่าจะเป็นรถในพิกัด Naked Bike รุ่นใหญ่ ที่มีเคลื่อนงยนต์ทะลุ 1,000 ซีซี. แต่ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR กลับมีน้ำหนักเพียง 199 กก. และมีความสูงจากเบาะที่ 830 มม. นั่นจึงทำให้ผู้ขับขี่จาก #ทีมขับซ่า ที่มีความสูงเพียง 168 ซม. พร้อมกับช่วงขา 77 ซม. ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระในการควบคุมขณะจอดนิ่งมากนัก สามารถวางผลายเท้าแตะพื้นทั้ง 2 ข้าง ได้อย่างมั่นใจ ในวันแรกที่ทาง Triumph ได้จัดให้ทดลองขับขี่ #ทีมขับซ่า นำตัวรถ Triumph Speed Triple 1200 RS ไปลองขี่วนๆ ในลักษณะกึ่งใช้งานจริง พบว่า…ตัวรถแม้จะเป็นรุ่นที่มีกำลังสูงเป็นอันดับต้นๆ ของค่าย แต่การสร้างความคุ้นเคยกับตัวรถที่มีกำลังในระดับ 180 แรงม้า ถือว่าทำได้ง่าย ซึ่งสะท้อนคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่นในสไตล์ “ผู้ดี” ของความเป็นบิ๊กไบค์จากแบรนด์ไทรอัมพ์ในตระกูล Naked Bike ทุกรุ่นได้เป็นอย่างดี กำลังทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดอย่างจ่อเนื่อง สม่ำเสมอ รู้สึกถึงความแรงได้แบบไม่กระโชกโฮกฮากจนน่าน่ากังวลใจมากนัก ซึ่งด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์ในพิกัดถึง 1.2 ลิตร ทำให้แรงบิดในรอบต่ำนั้น มีมาให้ใช้อย่างเหลือเฟือ ดูแล้วตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการนำมาขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ขัดเขิน การทำงานของชุด Quick Shifter ให้การตอบสนองได้ดี (มาก) ตั้งแต่ในย่านความเร็วต่ำ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการบีบคลัทช์และละมือจากคันเร่งได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือ ความคล่องตัวในการพลิก หรือโยกตัวรถ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระมากมาย (รถพิกัด Middle Class หลายรุ่น ยังรู้สึกเป็นภาระกว่านี้ สำหรับการขับขี่ในเมือง) และที่ขาดไม่ได้คือ ความร้อนจากเครื่องยนต์ที่ระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างที่ขี่ทำความคุ้นเคยกับตัวรถอยู่เกือบๆ 1 ชม. (ติดเครื่องจอดเฉยๆ อยู่ร่วม 5 นาที) ยังไม่รู้สึกถึงไอร้อนที่สร้างปัญหาให้กับการขี่ในสภาพการจราจรแออัด อีกทั้ง Triumph Speed Triple 1200 RS ยังเป็นรถที่นั่งสบาย เอื้อมไม่เยอะ พักเท้าต่ำ หลังค่อนข้างตรง ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์สำหรับการเดินทางระยะไกลๆ ได้ไม่ยาก หากไม่นับเรื่องลมปะทะร่างกาย อันเป็นเรื่องปกติสำหรับรถในรูปแบบ Naked Bike

คล่องตัว พลิกง่าย กำลังเยอะแยยมาเรื่อยๆ คือ คาแร็กเตอรืที่โดดเด่นของ Triumph Speed Triple 1200 RS

ในวันต่อมา ทาง Triumph Motorcycle Thailand จัดให้ลงหวดกันแบบเต็มสูง ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในลักษณะกึ่งๆ Free Run สามารถใช้ความเร็วได้เต็มสูบตามทักษะทีมี โดยมีนักแข่งระดับหัวแถวของเมืองไทย คอยให้คำแนะด้านการขับขี่ รวมถึงทีมเทคนิคจากทาง Triumph ช่วยในการปรับเซ็ตรถให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคล งานนี้ #ทีมขับซ่า เลือกทดลองขี่ Triumph Speed Triple 1200 RS ที่ได้ทำความคุ้นเคยไว้ในเบื้องต้นแล้วมาลองก่อน ซึ่งผลที่ได้ก็เป็นไปตามคาด แม้ว่า Triumph Speed Triple 1200 RS จะเป็นรถที่เน้นออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนท้องถนนเป็นหลัก แต่สำหรับการขับขี่สนามแข่งระดับโลกจากการเริ่มต้นด้วยโหมด Road ก็ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องการตอบสนองที่สามารถควบคุมได้ง่าย ตัวรถมีความเร็วที่สูงมาก (สำหรับผู้ขี่ที่ยังใจไม่ค่อยถึงและฝีมือระดับประถม ทำความเร็วสูงสุดในช่วงทางตรงของสนามช้างได้ประมาณ 240 กม./ชม. หากเร็วกว่านี้…ร่างกายจะรับภาระจากแรงลมปะทะที่มากเกินไป ทำให้อาจเกิดอาการล้าได้ในรอบหลังๆ) ซึ่งลักษณะของการปลดปล่อยกำลัง แม้ว่าจะเป็นรถที่มีแรงสูง แต่ค่อยๆ ปล่อยออกมาอย่างสุขุม ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถได้ง่าย และเมื่อผสานกับการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งชุดช่วงล่างจาก Ohlins ที่ให้ความนิ่ง และแสถียภาพในการลีนองศาในโค้ง, ระบบ Traction Control และ ABS ที่ทำงานได้อย่างละเอียด ก็ยิ่งช่วยให้ Triumph Speed Triple 1200 RS มีเสถียรภาพการขับขี่ที่ทำได้ดีและไม่สร้างภาระให้กับผู้ขับขี่จนเกินไปได้อย่างน่าประทับใจ

การมีชิลด์ช่วยบังลม ทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงในย่านกว่า 200 กม./ชม. ขึ้นไป สร้างภาระให้กับผู้ขับขี่น้อยลง

ในเซ็กชั่นต่อมา ผู้ขับขี่จาก #ทีมขับซ่า เปลี่บนฟีลมาลองตัว Triumph Speed Triple 1200 RR กันบ้าง สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนในทันทีที่ขึ้นคร่อม คือ ท่าทางการขับขี่ ซึ่งในภาพรวมนั้น ไม่ได้ถือว่าออกมาในสไตล์สปอร์ตจ๋าเหมือนบบรรดารถในรูปแบบ SuperSport ที่ #ทีมขับซ่า เคยขี่มาก่อน โดยลักษณะท่าทางแบบนี้ คนที่คุ้นชินกับการขี่รถในสไตล์ Cafe Racer น่าจะทำความคุ้นเคยกับ Triumph Speed Triple 1200 RR ได้ไม่ยาก การตอบสนองในภาพรวม ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับ Triumph Speed Triple 1200 RS แต่สิ่งที่ได้เปรียบคือ การมีชิลด์หน้าให้ได้หลบลมปะทะนั้น ทำให้สามารถใช้ความเร็วได้สูงขึ้น (#ทีมขับซ่า ทำไว้ที่ 249 กม./ชม. ในขณะที่นักขี่ผู้ที่มีประสบการณ์สูงกว่าทำไว้ที่ 260 กม./ชม.+) การตอบสนองของโหมด Sport และ Track ที่เซ็ตมาจากโรงงาน ถือว่าให้การตอบสนองที่แตกต่าง โดยเฉพาะลักษณะการตอบสนองระบบที่ช่วยประมวลผลในขณะเข้าโค้ง (อยากสนุกพอหอมปากหอมคอ โดยยังเน้นความเซฟตี้ Sport คือ ตอบโจทย์ แต่หากต้องการความเร้าใจขึ้นสุด ให้ตัวรถมีออกอาการให้ได้ตื่นเต้นบ้าง เลือกใช้ Track คือ เพิ่มความตื่นเต้นได้อีกขั้น) อีกทั้งด้วยลักษณะของท่านั่ง ทำให้ในการแบนโค้ง สามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบการขับขี่ในสนามแข่ง (โดยส่วนตัวของผุ้เขียน ที่ชอบการขับขี่บนถนน ยังรู้สึกว่าชอบท่านั่นของการขับขี่ Triumph Speed Triple 1200 RS มากกว่า…อันนี้อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลล้วนๆ คงไม่ต้องพูดต่อว่า หากต้องเลือกซื้อสักคัน…จะเลือกคันไหน ?)

ความน่าสนใจของทั้ง Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR นอกจากเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง แต่สามารถควบคุมการปลดปล่อยพละกำลังได้ง่าย ขี่นานๆ ไม่กินแรงแล้ว คือ การทำงานของระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่มีความละเอียด ตั้งแต่โหมดการขับขี่ ที่ให้การตอบสนองที่แตกต่างกัน โดยสิ่งที่ผู้เขียนจาก #ทีมขับซ่า ชอบมากที่สุด คือ เรื่องของการปรับเสถียรภาพในขณะที่มีการเบรกอย่างรุนแรง ซึ่งโดยปปกติแล้ว เวลาที่เบรกอย่างรุนแรง ล้อหลังจะมีอาการยกเบาๆ ซึ่งจะทำให้ท้ายรถเกิดอาการส่ายได้บ้าง แต่สำหรับ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR กลับไม่พบอาการนี้ (หรือว่ายังเบรกแรงไม่พอ 555) นั่นแสดงให้เห็นถึงการเกลี่ยกำลังในการเบรกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งให้ทั้งความนุ่มนวลในการเบรก (ส่งผลต่อความสดของร่างกายใน๘ระที่ขี่รอบท้ายๆ) เช่นเดียวกับระบบ Traction Control ที่แม้จะเปิดคันเร่งออกจากโค้งอย่างรุนแรง แต่ก็สามารถเก็บอาการให้ตัวรถนิ่ง และสามารถควบคุมให้ไปต่อในทิศทางที่ต้องการได้ง่าย มีเพียงจุดสังเกตเดียวเท่านั้น ที่ยังเป็นข้อสงสัย คือ การทำงานของ Quick Shifter ที่บนถนน แม้จะตอบโจทย์ได้อย่างไร้ที่ติ แต่การขับขี่ในสนาม ที่ต้องมีการเตะ หรือรวบเกียร์อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ในบางครั้งจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์จะมีช่องว่างอยู่เล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เป็นข้อมูลที่แจ้งทางทีมเทคนิคของ Triumph เพื่อทำการแก้ไข ปรับรายละเอียดเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงบขึ้นในโอกาสต่อไป

Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR

อาจไม่ใช่รถระดับทรงคุณค่าที่ใครๆ เห็นเป็นต้องร้องว้าวไปเสียทุกคน แต่หากพุดเรื่องความ “ทรงคุ้มค่า” ต้องยอมรับเลยว่า ทั้งคู่นี้ คือ เบอร์ 1 ในคลาส Hyper Naked Bike เป็นหนึ่ผลิตผลที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสุดยอดของมาตรฐานการผลิตและประกอบในประเทศไทยเกือบ 100% (พร้อมด้วย QC ระดับแนวหน้าสไตล์ผู้ดี) ซึ่งนั่นเอง…คงเป็นเหตุผลที่ Triumph Speed Triple 1200 RS และ RR เซ็ตราคาออกมาได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อยากมีรถดีๆ มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน ทั้งวบิดี้สไตลื และสมรรถนะขั้นสูง ไว้ขี่เล่นสักคัน บอกได้เลยว่า…คู่นี้ คือ ตอบโจทย์ !!!

ข้อดี

  • สมรรถนะขั้นสุด ด้วยเครื่องยนต์ และเครื่องเคียงที่จัดเต็ม
  • วัสดุและงานประกอบที่ยังคงไว้เชื้อเชื่อในได้เสมอ
  • ราคา, ความคุ้มค่า
  • ค่าเซอร์วิสที่เข้าถึงอย่างเป็นมิตร
  • การเป็นแบรนด์ที่ปราศจากประแสในแง่ลบ ทั้งกับตัวผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย

ข้อสังเกต

  • ความดุดันยังเป็นรอง เมื่อเทียบกับ Hyper Naked Bike อื่นๆ
  • ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกินไป
  • แม้จะเป็นรถที่สามารถขับขี่ได้ง่าย แต่แน่นอน…นี่ไม่ใช่รถที่เหมาะกับมือใหม่ถอดด้าม
  • เสถียรภาพของระบบในการใช้งานหนักๆ

 

 

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy