“ปล้อน” นั้นเป็น FC มังงะ โดยเฉพาะ Initial D เพราะไม่ได้พล็อตโม้เกินความเป็นจริงมากนัก เช่นการที่พระเอกจะปราบเขาไปทั่วกับเครื่อง 4A–G เดิมๆก็ดูเกินจริงไปหน่อย จึงมีบางตอนที่เครื่องตัวนี้พังคาสนามตอนลงไปแข่งกับ NISSAN Silvia S14 ซึ่งนำไปสู่การนำ 4A–GEU จากตัว AE–101 มาวาง โดยครั้งนี้นำชุดแต่งกรุ๊ป A ของ TRD มาใส่แบบจัดเต็ม ใส่เบาะบัคเก๊ตซีทเข้าไป แต่งระบบระบายความร้อนใหม่ เปลี่ยนมาตรวัดรอบที่เดิมบอกค่าเพี้ยนมากมายทำให้เปลี่ยนเกียร์ผิดรอบ เสร็จออกมาครั้งนี้แรงผิดหูผิดตา แต่นั่นไม่สำคัญเท่าฝีมือในตัวของทาคูมิ นี่คือการเข้าสู่ Project D ของมังงะเรื่องนี้ ที่คราวนี้ต้องมาเจอกับ HONDA EK-9 และรถขับสี่อย่าง SUBARU Impreza, MITSUBISHI Lancer Evolution รวมทั้งรถญี่ปุ่นแรงๆยุคนั้นอีกหลายฝูง ซึ่งเราจะยังไม่ขอกล่าวถึงวันนี้
จาก 4A-GEU เดิม สู่ TRD
ก่อนเข้า Project D รถส่งเต้าหู้จากพ่อสู่ลูกนั้นมากับ 4A–GEU สแตนดาร์ด ซึ่งพอมาถึงปี 1995 ตามท้องเรื่องนี่ถือว่า “เอ๊าท์” แล้ว เพราะไอ้ตัว “ฝาฟ้า” (ตัวอักษร 16 valve บนฝาครอบวาล์วเป็นสีฟ้า) นี้ แม้จะเป็นบล็อคที่เคยทันสมัย แต่นั่นคือรุ่นแรกที่นายบันตะผู้เป็นพ่อนำมาแต่งเล็กๆน้อยกับชุดแต่งขั้นปฐมจาก TRD พวกสายหัวเทียนและอื่นๆ ก็ได้มาเพียง 150 แรงม้าที่ 7,800 rpm นอกนั้นก็มีเพียงเกียร์ทดชิด สมควรพังได้แล้ว เพื่อให้รถของพระเอกเปลี่ยนมาเป็นเครื่องที่แรงกว่านี้
มันคือโอกาสที่พวกเขาจะนำ 4A–GEU เช่นกันแต่ไม่เหมือนกัน เพราะคือตัว “ฝาเงิน” (ที่ฝาครอบวาล์วตีเรียบเป็นสีเงินคลุมครอบ) กับ 20 วาล์ว NA. ที่ยังคงใช้คาร์บูเรเตอร์ แต่งเต็มจาก TRD ได้มา 240 แรงม้า ที่ 11,000 rpm. และแม้จะเปลี่ยนระบบน้ำมันหล่อลื่นเป็นดรายซั๊มป์ แต่ทาคูมิก็ยังทำมันพังอีกจนได้
แต่งอย่างไรให้เป็นทาคูมิ
หาของให้เหมือนซึ่งก็อ๊วกแตกแล้ว ไล่จากไฟตัดหมอก Cibié T353 หาล้อกล้วย Watanabe RS รุ่น F8 ใส่ยาง Bridgestone Potenza RE–01(ซึ่งคงจะหาไม่ได้เพราะเลิกทำไปนานแล้ว) พวงมาลัย ItalVolanti ขอบแดง วัดรอบ Smiths 12,000 rpm. รวมทั้งเกจ์แรงดันน้ำมันเครื่อง วัดอุณหภูมิน้ำของ Smiths ยวงฮู๊ดฝากระโปรง ไฟหน้าจาก TRD เบาะสปอร์ตของ TRD จากนั้นต้องมาตามไล่ประเภทที่คนมองไม่เห็นแต่เจ้าของเสียเงินถ้าจะเอาแบบรถในอานิเม๊ะ คือต้องไปหาชุดเฟืองท้ายเต๊ด 2 ทางของ TRD กับเฟืองท้ายอัตราทด 4.778 : 1 ท่อพักไอเสีย Fujitsubo MC50 หาสปริงและช๊อคชักสั้นปรับได้ของ TRD ค้ำด้วยตัวค้ำสตรัทจาก Cusco คุ้มกบาลด้วยโรลล์เคจน้ำหนักเบาจาก FRP หากระจกอะครีลิคมา แค่นี้ก็อ๊วกแล้ว อ้อ ลืมไปต้องหาที่วางแก้วน้ำมาใส่ด้วยนะ เพราะอะไร อ่านต่อแล้วรู้เอง !!
โขยง คู่แข่งของ AE-86
เริ่มจาก SUBARU WRX STI Type R Version V (GC8) ของผู้เป็นพ่อนักแข่งเก่า ที่พยายามฝึกปรือให้ลูกชายซิ่งส่งเต้าหู้ผ่านขุนเขาโดยที่น้ำไม่กระฉอกออกจากแก้ว !!
ถัดมาขอไล่ไปยัง MAZDA RX–7 Infini III Turbo (FC3S) “ไอ้ดาวหางขาว” ขับโดย รีโอซุเกะ ทาคาฮาชิ แม้รถออกจะเก่ากว่าพรรคพวกเพราะออกมาตั้งแต่ปี 1985 แต่คันของรีโอซูเกะเป็นตัวปี 1990
ไล่มายัง NISSAN Skyline GT–R V-Spec II (BNR32) สุดยอดของก๊อดซิลล่า ที่เหนือกว่า AE–86 ของมาคูมิหลายขุม ทั้งพลังเครื่องยนต์และการขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่แน่นอนว่ายังไงๆก็แพ้พระเอก ในการ์ตูนมันคือตัวปี 1994 ที่เป็น GT–R V–Spec II ใช้รหัสแชสซีส์ BNR32 มันคือรถรุ่นที่ NISSAN ตั้งใจทำออกมาให้เหนือ GT-R ตัวปกติขึ้นไปอีก
ติดไว้ครั้งต่อๆไป ปล้อนจะมากล่าวถึงนะคร๊าบ