ในเวลานี้…กระแสของรถ EV ถือว่ามาแรงอย่างยากจะปฏิเสธ นอกจากค่ายรถยนต์ชั้นนำจากทั้งจีนและยุโรปจะทยอยปล่อยของออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ค่ายญี่ปุ่นแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็ได้เวลา “เอาจริง” ในตลาดนี้ หลังจากที่เผยโฉฒให้ชมกันแบบคร่าวๆ ในงาน Motor Show 2022 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในที่สุดทางค่ายก็ไดฤฏาษ์เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV รุ่นแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ Toyota bZ4X
จากข่าวที่ออกมา คือ ทางค่ายสามห่วง พร้อมที่จะปล่อยครอสโอเวอร์ในพิกัด C-Segment อย่าง Toyota bZ4X ออกมาในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ โดยคาดว่าจะมีการทำตลาดใน 2 รูปแบบ ทั้งรุ่นที่เป็นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (ในบางประเทศอาจแยกย่อยทริมของทั้ง 2 รูปแบบ เป็น Standard Option และ Full Option โดยความแตกต่างที่ชัดเจนมากที่สุด อยู่ที่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง) โดยคาดว่า…จะวางระดับราคาอยู่ที่ 1.6xx – 1.8xx ล้านบาท หลังหักส่วนลดสนับสนุนจากทางภาครัฐ ซึ่งก่อนที่ Toyota bZ4X จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ #ทีมขับซ่า จะพามาดูรายละเอียดคร่าวๆ ของ Toyota bZ4X ในทั้ง 2 รูปแบบ
Toyota bZ4X ชัดเจนในความเป็นรถ SUV ในพิกัด C-Segment ด้วยระยะฐานล้อที่มีความยาวถึง 2,850 มม. ซึ่งยาวกว่า MG HS PHEV ที่เป็นรถที่มีระยะฐานล้อยาวที่สุดในคลาส ณ ปัจจุบันถึง 130 มม. และยะงยาวกว่า Toyota Fortuner อยู่ถึง 100 มม. จุดแตกต่างที่ชัดเจนของ Toyota bZ4X คงหนีไม่พ้นรูปแบบการขับเคลื่อน ซึ่งในรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหน้า จะมาพร้อมมอเตอร์ 1 ตัว ที่มีกำลัง 201 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 265 นิวตัน-เมตร ส่วนใน Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะใช้มอเตอร์คู่แยกขับเคลื่อนระหว่างล้อคู่หน้าและหลัง โดยแม้ว่าแรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า จะอยู่ที่เพียง 13 แรงม้า แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ตัวเลขแรงบิดที่สูงขึ้นเป็น 336 นิวตัน-เมตร นั่นเองจึงทำให้ Toyota bZ4X ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เหนือกว่า รุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า ด้วยเวลา 7.7 วินาที ต่อ 8.4 วินาที
ด้วยแนวความคิดการสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก รวมถึงต้นทุนที่กระทบต่อผู้บริโภคมากจนเกินไป Toyota bZ4X ในทั้ง 2 รูปแบบ จึงมาพร้อมขนาดของแพคแบตเตอรี่ที่ไม่ต่างกันจนเกินไปนัก โดยสำหรับ Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า (1,920 กก.) มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 71.4 kWh รองรับการเดินทางได้ไกลสุด 500 กม./ชาร์จ ตามาตรฐาน WLTP ส่วนในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (2,005 กก.) ที่มีชิ้นส่วนและอุปกรณ์มากกว่า มากับแบตเตอรี่ 72.8 kWh รองรับการเดินทางต่อชาร์จสูงสุด 460 กก. ภายใต้การทดสอบด้วยมาตรฐานเดียวกัน
Toyota bZ4X ทั้ง 2 รูปแบบ รองรับการชาร์จแบบปกติด้วยกำลังไฟสูงสุด 6.6 kW นั่นทำให้การชาร์จจากเริ่มจนเต็ม ทำได้อยู่ที่ราว 9.5 ชั่วโมง โดยความแตกต่างที่ชัดเจนจะอยุ่ที่ความสามารถในการรองรับการชาร์จแบบ Quick Charge ซึ่งในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า รองรับการจ่ายกระแสไฟสูงสุดที่ 150 kW ซึ่งหากเทียบการชาร์จจาก 10-80% จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะรองรับการจ่ายกระแสไฟสูงสุดที่ 100 kW ทำให้เวลาการชาร์จจาก 10-80% เพิ่มเป็นประมาณ 60 นาที สาเหตุของความแตกต่างหลักๆ คือ ทางค่ายต้องการบริหารประสิทธิภาพการใช้งานของแบตเตอรี่ ยิ่งรถที่กินไฟมากกว่า (อย่างรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ) การเสียบชาร์จที่มากครั้งกว่า ในการรับปริมาณไฟที่เท่ากัน ย่อมส่งผลให้แบตเตอรี่มีอัตราการเสื่อมได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ที่มีการชาร์จแบบน้อยครั้งกว่า จึงต้องชดเชยด้วยการรองรับความเร็วในการชาร์จที่ต่ำกว่า เพื่อลดการเสื่อมของตัวแพคแบตเตอรี่ ซึ่งทาง Toyota เคยประกาศออกมาแล้วว่า แบตเตอรี่ของ Toyota bZ4X จะมีอัตราการเสื่อมต่ำกว่า 10% หลังผ่านการใช้งานในระยะเวลา 10 ปี
Toyota bZ4X ในประเทศไทย พร้อมเปิดให้จองผ่านทางออนไลน์ในโควต้า 230 คัน (แบ่งเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 70 คัน และรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า 160 คัน) โดยจะเริ่มส่งมอบล็อตแรกภายในปีนี้จำนวน 30 คัน ส่วนที่เหลือนั้น…จะทยอยส่งมอบในช่วงต้นปี 2566
ทรงนี้หล่อแน่ ! เมื่อสำนัก Blitz ปล่อยชุดแอโร่คิทสำหรับ Toyota GR86 และ Subaru BRZ