Home » Ora Good Cat ส่องสเป็คก่อนเปิดตัว มีอะไรดี…ถึงได้ยอดจองเฉียด 4,300 คัน ในวันเดียว !!!

Ora Good Cat ส่องสเป็คก่อนเปิดตัว มีอะไรดี…ถึงได้ยอดจองเฉียด 4,300 คัน ในวันเดียว !!!

by Admin clubza.tv
Ora Good Cat

หลังจากที่ทาง Great Wall Motor เปิดให้จอง Ora Good Cat พร้อมแคมเปญพิเศษ ORA Good Cat ULTRA DEAL ไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เวลา 00.01 น. ที่ผ่านมา รถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ EV Car รุ่นแรกจากค่าย Great Wall Motor ก็สามารถทำยอดจองได้อย่างน่าประทับใจ สะท้านสะเทือนวงการรถ EV โดยมีจำนวนสูงถึง 4,296 คัน ภายในเวลาเพียง 24 ชม. ซึ่งก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า คนไทยนั้นตื่นตัวกับการมาของรถยนต์ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Car และเพื่อตอกย้ำว่า ทำไม Ora Good Cat จึงเป็นรถที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม วันนี้เราจะพาทุกท่านไปส่องสเป็คของรถไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Great Wall Motor คันนี้กัน

Ora Good Cat นำเข้ามาจำหน่ายในประเทสไทย รวมทั้งสิ้น 3 รุ่นย่อย

ซึ่งประกอบไปด้วย Ora Good Cat รุ่น 400 TECH, รุ่น 400 PRO และ 500 ULTRA ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่มีระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จได้ไกลที่สุด โดยรายละเอียดและสิ่งที่จะได้สำหรับแต่ละรุ่น ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งก่อนที่จะไปเจาะรายละเอียดในแต่ละรุ่นย่อย เราจะพาทุกท่านไปดูภาพรวมของ Ora Good Cat ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

Ora Good Cat มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ให้เลือก โดยคาดว่าราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 8 แสนกลางๆ

การออกแบบภายนอก  

Ora Good Cat มาพร้อมกับรูปลักษณ์อันล้ำสมัย แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic ประกอบไปด้วย

    • ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ แบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง Cat Eye ที่โดดเด่นเฉพาะตัวพร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home
    • ไฟท้าย LED Tail light Strip ไฟหลังมาในดีไซน์พาดยาวซ้ายจรดขวา พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
    • กระจังหน้าเหนือกาลเวลา กระจังหน้าในดีไซน์สุดคลาสสิกพร้อมระบบ Active Air Intake
    • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA ส่วนในรุ่น TECH จะมาในขนาด 17 นิ้ว
    • มิติตัวรถที่ขนาดกว้างขวาง โดย ORA Good Cat ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ในมิติตัวรถ กว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 1,825 x 4,235 x 1,596 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,650 มม. ยาวที่สุดในระดับเดียวกัน  ระบบกันสะเทือนหน้า มาในแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหลัง

การออกแบบภายใน 

Ora Good Cat โดดเด่นด้วยการออกแบบอย่างประณีตภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ดึงดูดทุกสายตา โดดเด่นทุกสัมผัส

    • หน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอความละเอียดสูงพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 25 นิ้ว โดยแบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่ ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว
    • ลำโพงรอบทิศทาง จำนวน 6 ตัว
    • ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันด้วยเสียง ทำให้ได้รับบริการอย่างที่ต้องการ เพื่อควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดีย ได้ในประโยคเดียว
    • การเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ช่วยให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิด การชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่าง ได้จากระยะไกล และสามารถดูสถานะของรถได้ผ่าน GWM Application
    • วัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ให้สัมผัสที่นุ่มนวลกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
    • เบาะที่นั่งที่ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ และตกแต่งอย่างประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด
    • เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดาย
    • ระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่
    • หลังคาพาโนรามิคซันรูฟอัจฉริยะ เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์ได้มากยิ่งขึ้น
    • ฟังก์ชั่นอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงในรถยนต์ อาทิ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ
    • ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ 5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกจากระยะไกลเพื่อระบายอากาศโดยอัตโนมัติ และสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร
    • เบาะที่นั่งหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร
    • เกียร์ระบบ Electronic Shifter เพื่อลดขนาดพื้นที่คอนโซลกลางให้มีความทันสมัย หรูหรา
    • ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)

ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ 

Ora Good Cat มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัยอีกมากมาย อาทิ

  • การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์ สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
  • การตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์ภายในรถ
  • การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล เป็นระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานบางฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ รวมไปถึงการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับรถยนต์
  • ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า เช่น ระบบตรวจสอบสถานะปริมาณแบตเตอรี่ ระบบตรวจสอบสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ ระบบตรวจสอบระยะทางวิ่งคงเหลือ ระบบช่วยเตือนเมื่อแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำ
    ระบบช่วยเตือนเมื่อแบตเตอรี่มีความร้อนสูง และการค้นหา POI
  • ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อคและปลดล็อคประตู การค้นหารถยนต์ และสามารถสั่งการปิดหน้าต่าง
  • ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ
  • ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย
    • รองรับ Apple CarPlay และ Siri
    • รองรับ Android Auto และ Google Assistant
    • ระบบนำทาง
    • รองรับแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX

GWM LEMON E PLATFORM

  • แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนและรองรับเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงพัฒนาด้านความปลอดภัย ซึ่ง GWM LEMON E PLATFORM ถูกปรับเพื่อสำหรับใช้งานกับรถไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ
  • แพลตฟอร์มมีน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นทั้งในแง่อัตราเร่ง ระยะเบรก และการควบคุมพวงมาลัย
  • แพลตฟอร์มมีสมรรถนะสูง โดยผ่านการขับทดสอบบนถนนลูกรังกว่า 7,000 กิโลเมตร และมีการทดสอบในสภาวะแวดล้อมแบบสุดขั้วอีก 30,000 กิโลเมตร ช่วยสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย และประสบการณ์ขับขี่อันยอดเยี่ยมในทุกสภาพถนน

สมรรถนะของ Ora Good Cat 

  • อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที
  • สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.273
  • ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ Standard, Sport, ECO, ECO+ และ Auto ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เอง ตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ
  • ความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้ 3 ระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน
  • ระบบตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อให้คะแนนพร้อมให้คำแนะนำในการขับขี่

แบตเตอรี่สำหรับขับเคลื่อนของ Ora Good Cat 

แบตเตอรี่ของ Ora Good Cat มาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยทางไฟฟ้าของรถยนต์กว่า 416 รายการ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูง ระบบตรวจจับ 360 องศา ป้องกันการชนกันของแบตเตอรี่ และระบบเตือนแบตเตอรี่อัจฉริยะ

  • แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO
  • แบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ในรุ่น 500 ULTRA
  • รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6 kW
  • ระยะเวลาในการชาร์จ
    • ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% – 80%) 45 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 60 นาที สำหรับรุ่น 500
    • ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30% – 80%) 32 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 40 นาที สำหรับรุ่น 500
    • ชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC 8 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 400 และ 10 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 500
  • แบตเตอรี่สามารถใช้งานขับขี่ได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -30°C – 55°C
  • แบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -20°C – 55°C
  • แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติในช่วงความกดอากาศ -150 ถึง 5,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และภายใต้สภาวะความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 2 – 98%
  • แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน อัคคีภัย และการกระแทกได้ โดยเมื่อเกิดการกระแทกระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
  • เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ พร้อมมีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อน

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+

  • ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรถจะลดความเร็วลงและหยุดตามคันหน้า และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวหลังจากเบรคภายใน 3 วินาที รถของเราจะเคลื่อนตัวตามคันข้างหน้าอัตโนมัติ โดยจะมีระยะห่างการติดตาม
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ โดยสามารถควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้า หรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
    • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ถือเป็นหนึ่งในระบบที่ดีทีสุดในระดับ L2+ ที่มาพร้อมระบบการตรวจจับคนเดินถนน และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถ และคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียง และการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
    • การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ เมื่อเรดาร์ทำงาน จะตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอด และหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถ เมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน เมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น เมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที
    • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
    • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
    • การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติ หากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
    • ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
    • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
    • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้อง มาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถในแบบ “เฮลิคอปเตอร์” และเปิดการทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง และตอนสตาร์ทรถ
    • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตั้ง แนวนอน หรือ แนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเอง ด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
    • ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่นมุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบบัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้น รถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก

  • ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข (Passive Safety)
  • โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ เหล็กขึ้นรูปร้อนที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษที่สามารถต้านทานแรงดึงได้สูงถึง 1,520 Mpa รวมไปถึงเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง 65% และเหล็กเทอร์โมฟอร์ม 8 ชิ้น ซึ่งสามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน สัญญาณเตือนอันตรายจะทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อก และรถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน และสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
  • ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย และ China Insurance Research Institute (C-IASI) ในระดับ Good
  • ระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน

รุ่นย่อยและสี Ora Good Cat

Ora Good Cat เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป โดยมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

ORA Good Cat 400 TECH

สีรถภายนอก : 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)

สีรถภายใน :  สีดำ (เบาะผ้า)

ORA Good Cat 400 PRO

สีรถภายนอก : 5 สี ได้แก่ สีแดง หลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof),  สีขาว หลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof)  สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)

สีรถภายใน : สีดำ (เบาะหนัง)

 

ORA Good Cat 500 ULTRA

สีรถภายนอก : 7 สี ได้แก่  สีเขียว หลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof),  สีเบจ หลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof), สีแดง หลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof),  สีขาว หลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof), สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White)

สีรถภายใน : 3 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอก ยกเว้น เลือกสีเขียว หลังคา สีขาว จะได้ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง), และ สีเบจ หลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige & Wisdom Brown) จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy