Home » รวมมิตร…เวอร์ชั่นพิเศษของ Nissan GT-R กว่าจะมาเป็น Premium Edition และ Track Edition T-spec ในวันนี้ !

รวมมิตร…เวอร์ชั่นพิเศษของ Nissan GT-R กว่าจะมาเป็น Premium Edition และ Track Edition T-spec ในวันนี้ !

by Admin clubza.tv
Nissan GT-R

หากถามว่ารถรุ่นไหน เป็นรถที่อยู่ยงคงกระพัน มากที่สุด หนึ่งในนั้น…ย่อมมีชื่อของ สปอร์ตระดับตำนานจากแดนปลาดิบอย่าง Nissan GT-R อยู่แน่นอน เพราะหลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 ก็ยังไม่มีวีแววว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมหรือขยับขยายสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ในรหัส R36 อย่างที่มีข่าวลือมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับทีมผู้ออกแบบ Nissan GT-R ที่สร้างรถออกมาได้แบบร่วมสมัย ใส่เทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งาน ซึ่งแม้อายุโมเดลจะผ่านมากว่า 14 ปีแล้ว แต่เรากลับไม่รู้สึกว่า Nissan GT-R เป็นรถที่ตกยุค ซึ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ GT-R ยังคงรักษาคอนเซ็ปท์ความเป็น Super Car Killer ได้อย่างน่าชื่นชม

14 ปีแห่งว่าที่ตำนาน กับการแยกตัวเพื่อยกระดับของ GT-R

ตั้งแต่การเปิดตัว Nissan GT-R ในช่วงปี 2007 ทางค่ายมีการอัพเกรดพละกำลังของเครื่องยนต์มาถึง 5 ระดับ ไล่มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่ 487 แรงม้า จนถึงล่าสุดที่อัพกำลังขึ้นมาอีกเกือบ 90 ตัว เป็น 573 แรงม้า ต้องยอมรับเลยว่า เครื่องยนต์ VR38DETT มีความยืดหยุ่นต่อการขยับขยาย และการันตีได้ถึงแนวความคิดการออกแบบชั้นเลิศ ที่กว่า 14 ปีที่ผ่านมา ตัวผู้เขียนเอง ยังไม่เคยได้ยินใครบ่นว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้…ไม่ถูกใจ หรือไม่ตอบโจทย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว และถือว่าเป็นขุมพลังที่สร้างสถิติในระดับสูงสุดมาแล้วมากมาย เช่น ในยุคสมัยหนึ่ง เคยเป็นรถที่เร็วที่สุดใน Nuburgring หรือแม้แต่ความเป็นเจ้าของสถิติโลก รถที่ดริฟท์ได้เร็วที่สุดด้วยความเร็วกว่า 300 กม./ชม. ของ Mr.Masato Kawabata ภาพเหล่านี้ยังเป็นความรู้สึกที่ติดตรา ตรงใจของสาวก GT-R เสมอ เรามาย้อนรำลึกกันดีกว่าว่า ใน 14 ปี ของว่าที่ตำนาน GT-R R35 กว่าจะมาเป็นรุ่นพิเศษในชื่อ Premium Edition T-spec และ GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ Nissan GT-R เคยผ่านเวอร์ชั่นพิเศษที่ถือเป็น “ตัวไฮไลท์” รุ่นไหนมาบ้าง ?

Spec V เวอร์ชั่นพร้อมซิ่ง…วิ่งดีและเบาลง

คนเล่นหรือ ติดตามจะรู้ดีว่าสปอร์ตในตระกูล GT-R กับ Spec V นั้นเป็นของคู่กันมาแต่ชาติป่างไหน รหัสนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความสุดที่ได้รับการอัพเกรดเพื่อให้ใกล้เคียงความเป็นตัวแข่งขึ้นไปอีกขั้น โดย Nissan GT-R Spec V เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Auto Salon ปี 2009 ความแตกต่างจากรุ่นสแตนดาร์ดคือ ตัวถังมาในสีพิเศษที่เรียกว่า LAC Black Opal มีการใช้ชิ้นส่วนที่เป็นคาร์์บอนไฟเบอร์มากขึ้นเพื่อลดน้ำหนัก, เบาะคู่หน้าเป็นของ Recaro และไม่มีเบาะนั่งด้านหลัง ในส่วนเครื่องยนต์ แม้จะยังเป็นบล็อค VR38DETT แต่มีการอัพเกรดระบบควบคุมแรงบูสต์ในรอบสูง จับคู่กับชุดท่อไอเสียไทเทเนียม เรียกแรงบิดให้สูงขึ้นอีก 20 นิวตัน-เมตร ในรอบกลาง – สูง มีการปรับระบบกันสะเทือนใหม่ ใส่ชุดเบรกคาร์บอนเซรามิค โดยมาพร้อมล้อ 20 นิ้วยาง Bridgestone Potenza RE070R ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ส่งให้ Nissan GT-R Spec V มีน้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นสแตนดาร์ดถึง 60 กก.

Egoist สายหรู…ดูนี่ซะก่อน

เป็นหนึ่งใน GT-R ในเวอร์ชั่นที่ค่อนข้างแปลกตา โดยส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของ Nissan GT-R ในสไตล์ที่ตอบโจทในวงการมอเตอร์สปอร์ต หรือความเร็ว แรง เสียมากกว่ากว่า Nissan GT-R Egoist มาในแนวเน้นหรูเต็มขั้น ตกแต่งด้วยหนังและทริมสีพิเศษ แต่ผลิตมาในจำนวนที่ค่อนข้างจำกัดเพียง 43 คัน ซึ่งขายเฉพาะในญี่ปุ่นและยุโรปช่วงปี 2012 แม้ว่า Nissan GT-R Egoist จะเป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่เน้นเรื่องความหรูหราเป็นหลัก แต่ GT-R ก็คือ GT-R เรื่องความแรงนั้นต้องมาควบคู่กัน เครื่องเคียงต่างๆ นั้น เสมือนถูกอัพเกรดมาจากรุ่น Spec V ไปอีกขั้น ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ขยับพละกำลังให้สูงขึ้นเป็น 530 แรงม้า และมีแรงบิดทะลุ 600 นิวตัน-เมตร ส่งให้นี่เป็น GT-R เวอร์ชั่นแรก ที่ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำกว่า 3 วินาที

Track Edition เอาใจวัยรุ่นเมกัน 

ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น แต่ชื่อเสียงของ Nissan GT-R ยังดังกระฉ่อนข้ามโลกไปถึงฝั่งมะกัน นั่นเองจึงเป็นที่มาของ Nissan GT-R Track Edition ในปี 2013 เวอร์ชั่นที่ใกล้เคียงความเป็นรุ่น “พร้อมแข่ง” ที่ผลิตมาในจำนวน 150 คัน เพื่อขายในฝั่งอเมริกาเท่านั้น โดยความพิเศษของ Nissan GT-R Track Edition คือ การอัพเกรดความเร้าใจด้วยองคืประกอบที่พัฒนาโดย Nismo ไม่ว่าจะเป็นการปรับเซ็ตช่วงล่างให้มีค่าความหนืดที่เพิ่มขึ้น ปรับปรุงระบบการระบายความร้อนของชุดดเบรกให้ดีขึ้น ช่องรับลมทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมปรับดีไซน์ของลิ้นหน้าให้ดูโฉบเฉี่ยวและสร้าแอโร่ไดนามิคส์ได้สูงขึ้น ด้านภายในมาพร้อมเบาะหนัง Recaro สีดำ-เทา และถูกรื้อเบาะหลังออก จนลดน้ำหนักลงได้อีกราว 10 กก.

นอกจากนี้ในปี 2019 ยังมีการเปิดตัว Nissan GT-R Track Edition อีกครั้ง โดยคราวนี้จัดเต็มด้วยขุมพลัง VR38DETT ที่ถูกรีดแรงม้าขึ้นมาให้อยู่ในระดับ 600 ตัว พร้อมกับแรงบิดกว่า 650 นิวตัน-เมตร ที่พร้อมเรียกมาใช้งานได้ในทุกช่วงรอบ ซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองให้ดีขึ้นกว่า Nissan GT-R Track Edition รุ่นเดิมถึง 20% โดยนอกจากเรื่องยนต์ที่แรงขึ้นแล้ว เครื่องเคียงต่างๆ ยังเน้นเพื่อการรีดศักยภาพของตัวรถออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งโดย Nismo, หลังคา Dry Carbon แบบใหม่ที่ช่วยลดน้ำหนัก, ชุดโป่งหน้า Nismo, ล้อ Nismo แบบ Forged ขนาด 20 นิ้ว จับคู่ยาง Dunlop SP Sport Maxx GT 600 DSST ไซส์ 255/40 R20

GT-R Nismo

จะว่าเป็นที่สุดของ GT-R ก็ว่าได้ สำหรับ Nissan GT-R Nismo ซึ่งถือว่าสร้างชื่อให้กับ GT-R ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยการวาดลวดลายใน Nuburgring จนเป็นจ้าวแห่งความเร็ว ณ เวลานั้น ด้วยสถิติ 7:08.679 นาที ภายใต้ผลงานการขับของ Michael Krumm โดยในส่วนขุมพลังของ Nissan GT-R Nismo เวอร์ชั่นปี 2013 ยังคงอยู่ในระดับ 600 แรงม้า แต่มีการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ เช่น การอัพเกรดชุดกันสะเทือน รวมถึงชุดเหล็กกันโคลงจาก Nismo, ปรับทิศทางการไหลของกระแสลมเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับชุดเบรกทั้งหน้า – หลัง และมาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว จาก Nismo ตัวถังเน้นการลดน้ำหนักด้วยการเปลี่ยนฝากระโปรงท้ายที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมปรับแอโร่ไดนามิคส์เซ็ตใหญ่ซึ่งรวมไปถึงชุดหางหลังคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน สิ่งที่ดูดีไม่แพ้กันคือ การตกแต่งภายในที่เน้นความพิเศษในสไตล์ Nissan GT-R Nismo ด้วยเบาะ Recaro ที่ตัดเย็บด้วยหนัง Suede สีดำสลับแดง ซี่งรวมไปถึงชุดคอนเซลและแผงประตูหนังในรูปแบบ Alcantata ชุดเครื่องเสียง มาในรูปแบบ Premium Audio จาก Bose ส่วนชุดท่อไอเสียทำจากไทเทเนียม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนด้วยฮีทซิงค์ ซึ่งด้วยทั้งหมดทั้งมวล ส่งให้ Nissan GT-R Nismo มีน้ำหนักเพียง 1,720 กก. ซึ่งเบากว่ารุ่นสแตนดาร์ดถึง 17 กก.

ความร้อนแรงของ Nissan GT-R Nismo ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น โดยในปี 2020 ทางค่ายได้ปล่อยออกมาทำตลาดในอีกเวอร์ชั่น ซึ่งเปิดตัวมาพร้อมกับ Nissan GT-R รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี ความพิเศษของ Nissan GT-R Nismo เวอร์ชั่น 2020 คือ การเซ็ตระบบส่งกำลังใหม่ ให้สามารถตอบสนองช่วงการต่อเกียร์ได้เร็วมากขึ้น พร้อมอัพเกรดชุดเทอร์โบที่ใช้ในตัวแข่ง GT3 เช่นเดียวกับชุดโป่งล้อ ที่ได้เรงบันดาลใจมาจากตัวแข่งเช่นเดียวกัน, ล้อขนาด 20 นิ้ว แม้จะเป็นแบบ Forged จาก Rays Engineering ที่เราคุ้นเคย แต่มีการปรับรายละเอียด เพื่อให้มีน้ำหนักที่เบาลง ไฮไลท์อยู่ที่ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิค ซึ่งมาพร้อมขนาดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่รถญี่ปุ่นเคยมีมา ซึ่งด้วยชิ้นส่วนที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หัวจรดท้าย ทำให้ Nissan GT-R Nismo เวอร์ชั่น 2020 เบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 20 กก.

 

รวมมิตรเวอร์ชั่นพิเศษของ Nissan GT-R Part 2

 

 

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy