Nissan Terra ใหม่ เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจ ในฐานะของรุ่น Minorchange ที่เหมือนจะไม่ใช่การปรับโฉมแบบธรรมดดาๆๆ แต่เป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ ชนิดน้องๆ ของเวอร์ชั่นเปลี่ยนโฉมเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากเรื่องของดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวด รวมถึงระบบความปลอดภัยใน Nissan Terra ใหม่ จะเปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตาแล้ว สิ่งที่ทำให้ ดูน่าสนใจมากขึ้น ก็คือ การปรับค่าตัวให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยใน Nissan Terra ใหม่ รุ่นย่อย 2.3 E 2WD มีราคาออกสตาร์ทที่ต่ำลงกว่ารุ่นก่อนถึง 1 แสนบาท !!! แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกที่พรีเมี่ยม และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรียกว่าเป็น Best in Class เอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า จะพาไปเจาะลึกรายละเอียด ความแตกต่างของ Nissan Terra ใหม่ ใน 3 รุ่นย่อย ไปดูกันว่า…ค่าตัวเริ่มต้นที่ 1,199,000 บาท ได้อะไรบ้าง และหากขยับไปที่ 1,449,000 บาท ในรุ่น 2.3 VL 2WD และ 1,499,000 สำหรับรุ่น 2.3 VL 4WD จะได้ออพชั่นอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง ?
สิ่งแรกที่มาในพื้นฐานเดียวกัน สำหรับ Nissan Terra ใหม่ คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ที่มาในบล็อคดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 190 แรงม้า 450 นิวตัน-เมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของ Nissan Terra ใหม่ เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับในเรื่องของระบบความปลอดภัย ด้วยชุดไฟหน้าที่มาในแบบ Quad LED อันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่าเป็น Best in Class ใน Nissan Terra ใหม่ ให้ความสว่างที่เหนือกว่าถึง 34% นอกจากนี้ยังเพิ่มความสบายในทุกการเดินทางด้วยชุดกระจก 3 บานด้านหน้า ที่มาในแบบ Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามาภายในห้องโดยสาร รวมถึงชุดหน้าจอแสดงการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่และบ่งบอกข้อมูลได้อย่างละเอียด ชัดเจนที่สุดในคลาส ที่สำคัญ คือ ยังมีระบบความปลอดภัยมาให้ในระดับที่น่าสนใจ เช่น ระบบป้องกันการชนและช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนออกนอกเลน รวมถึงถุงลมพร้อมม่านนิรภัย 6 จุด
อุปกรณ์และรายละเอียดพื้นฐานในทุกรุ่นของ Nissan Terra ใหม่
Nissan Terra ใหม่ | รายละเอียด |
ขนาดตัวรถ | กว้าง x ยาว x สูง = 1,865 x 4,890 x 1,865 มม. |
ระยะฐานล้อ | 2,850 มม. |
เครื่องยนต์ | YS23DDTT ดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ |
พละกำลัง | 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที |
แรงบิด | 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนวล |
ขนาดล้อ + ยาง | 255/60 R18 |
ระบบไฟส่องสว่าง | Quad LED พร้อมระบบเปิด – ปิด ปรับไฟสูงอัตโนมัติ และไฟตัดหมอก LED |
กระจกมองข้าง | สีเดียวกับตัวรถ ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว |
เสาอากาศ | แบบครีบฉลาม |
กระจกป้องกันเสียงรบกวน | Acoustic Glass สำหรับ 3 บาน ด้านหน้า |
หน้าจอแสดงการขับขี่ | แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว |
ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน | ABS, EBD, BA, VDC, Immobilizer, กล้องมองหลัง |
ระบบความปลอดภัยแบบ Active |
|
ถุงลมพร้อมม่านนิรภัย | 6 ตำแหน่ง |
ระบบลิมิเต็ดสลิป | B-LSD |
จุดแตกต่างที่ชัดเจนของ Nissan Terra ใหม่ กับอุปกรณ์ที่ให้มาในรุ่นเริ่มต้น ที่มีระดับราคาแตกต่างจากรุ่นกลาง และรุ่นท็อปอยู่ 250,000 – 300,000 บาท ตามลำดับ ก็คือ ชุดเบรกด้านหลังที่มาในรูปแบบดรัมเบรก, กระจกมองข้างไม่มีระบบพับอัตโนมัติเมื่อล็อครถ, ปัดน้ำฝนไม่ใช่แบบอัตโนมัติ, ภายในเป็ยเบาะผ้าโทนสีดำ, หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 8 นิ้ว, ไม่รองรับการชาร์จและการเชื่อมต่อ Apple Carplay แบบไร้สาย, ไม่มีจอหลัง, ระบบปรับอากาศเป็นแบบปกติ ไม่แยกโซน, เบาะนั่งปรับมือ 6 ทิศทาง, กล้องมีเฉพาะด้านหลัง และมีเซ็นเซอร์กะระยะเพียง 4 จุด อาจดูว่าองค์ประกอบต่างๆ ถูกลดทอนไปพอสมควร แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ยังต้องยอมรับว่าสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ยังมีมาให้ใช้งานแบบครอบคลุม สำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสตรงจุดนี้ ส่วนต่างถึง 2.5 แสนบาท เป็นอย่างน้อย…ถือว่าตัดสินใจไม่ยาก
อุปกรณ์และออพชั่นที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อยของ Nissan Terra ใหม่
Nissan Terra ใหม่ | 2.3 E 2WD | 2.3 VL 2WD | 2.3 VL 4WD |
ระบบเบรก | หน้าดิสค์ – หลังดรัม | ดิสค์ 4 ล้อ | ดิสค์ 4 ล้อ |
กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ | – | O | O |
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ | – | O | O |
โทนสีภายใน | โทนสีดำ | ทูโทน คำ-เบจ, ดำ – แดง | ทูโทน คำ-เบจ, ดำ – แดง |
หน้าจออืนโฟเทนเม้นท์ | 8 นิ้ว Apple Car Play / Android Auto | 9 นิ้ว Wireless Apple Car Play / Android Auto | 9 นิ้ว Wireless Apple Car Play / Android Auto |
ระบบนำทาง | – | O | O |
Wireless Charge | – | O | O |
จอและช่องเชื่อมต่อตอนหลัง | – | 11 นิ้ว + HDMI | 11 นิ้ว + HDMI |
ช่องต่อ USB | A = 1, C = 1 ตำแหน่ง | A = 2, C = 1 ตำแหน่ง | A = 2, C = 1 ตำแหน่ง |
จำนวนลำโพง | 6 ตำแหน่ง | 6 ตำแหน่ง | 8 ตำแหน่ง |
ระบบประอากาศ | 1 โซน + ตอนหลัง | อัตโนมัติ 2 โซน + ตอนหลัง | อัตโนมัติ 2 โซน + ตอนหลัง |
พวงมาลัย + หัวเกียร์ | ยูรีเทน | หุ้มหนัง | หุ้มหนัง |
Cruise Control | – | O | O |
วัสดุหุ้มเบาะ | ผ้า สีดำ | หนังแท้ + วัสดุสังเคราะห์ สีเบจ / สีดำ | หนังแท้ + วัสดุสังเคราะห์ สีเบจ / สีดำ |
เบาะคนขับ | 6 ทิศทาง | ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง | ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง |
เบาะคนนั่ง | 4 ทิศทาง | 4 ทิศทาง | 4 ทิศทาง |
เบรกมือไฟฟ้า | – | O | O |
กล้องมองรอบทิศทาง | มองหลัง | รอบทิศทาง | รอบทิศทาง พร้อม Off Road Monitor |
ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหว MOD | – | O | O |
ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา | – | O | O |
ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย | – | O | O |
ระบบกระจกมองหลังอัจฉริยะ | – | O | O |
เซ็นเซอร์กะระยะ | หลัง 4 จุด | หน้า 4 จุด, หลัง 4 จุด | หน้า 4 จุด, หลัง 4 จุด |
แม้จะเป็นรุ่นย่อยในเกรด VL เช่นเดียวกัน แต่สำหรับ Nissan Terra ใหม่ ในรุ่น 2.3 VL 2WD และ 2.3 VL 4WD ก็ยังมีจุดแตกต่างให้ตัดสินใจ โดยนอกจากจะองค์ประกอบพื้นฐานในความเป็นรถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ เช่น ระบบขับเคลื่อน, ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ Diff Lock ไฟฟ้า, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน รวมถึง Off Road Monitor อีกสิ่งหนึ่งที่มีความต่างใน Nissan Terra ใหม่ ก็คือ ชุดเครื่องเสียง ที่ในรุ่น 2.3 VL 2WD จะมาพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง ส่วนในรุ่น 2.3 VL 4WD จะมาพร้อมชุดเครื่องเสียงที่เป็น Bose Premium Audio System แบบลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมแอมปลิฟายเออร์ ซึ่งโดยรวมแล้ว Nissan Terra ใหม่ รุ่น 2.3 VL 4WD ให้ประสิทธิภาพและความครอบคลุมในการใช้งาน รวมถึงคุณภาพของเสียงที่เหนือกว่า ด้วยค่าตัวที่จ่ายเพิ่มจากรุ่น 2.3 VL 2WD เพียง 50,000 บาท เท่านั้น…ดูแล้วก็น่าจะเป็นส่วนต่างที่ตัดสินใจได้ไม่ยากเช่นกัน
ออพชั่นที่มีเฉพาะใน Nissan Terra ใหม่ รุ่น 2.3 VL 4WD
ออพชั่น Nissan Terra ใหม่ รุ่น 2.3 VL 4WD | รายละเอียด |
ระบบเสียง | Bose Premium Audio System 8 ลำโพง |
ระบบขับเคลื่อน | 4 ล้อ พร้อมปุ่มปรับการทำงาน 2H, 4H และ 4L |
ชุดเฟืองท้าย | Diff Lock ไฟฟ้า |
ระบบควบคุมความเร็วขณะทลงทางชัน | HDC |
ในภาพรวมของ Nissan Terra ใหม่ หากดูจากระดับราคา รวมถึงอุปกรณ์ที่ให้มาแล้ว ถือว่าวางกลุ่มลูกค้าไว้ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในรุ่นเริ่มต้นกับรุ่นท็อป ที่แม้จะมาในเครื่องยนต์บล็อคเดียวกัน แต่กลับมีส่วนต่างถึง 3 แสนบาท ซึ่งหากมองความคุ้มค่าในรุ่น 2.3 E 2WD ที่มีระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ครบครัน รวมถึงออพชั่นที่เพียงพอต่อการใช้งาน ก็ถือว่าเริ่มได้ดีในระดับราคา 1,199,000 ล้านบาท ส่วนใครที่ต้องการความครบเครื่องในการใช้งาน ส่วนต่างเพียง 50,000 บาท ระหว่างรุ่นกลาง และรุ่นท็อป ที่นอกจากจะได้รับบขับเคลื่อนสี่ล้อเพิ่มเข้ามา ก็ยังได้ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม ดูจะเป็นระดับราคาที่น่าเติมงบแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…สิ้นสุดการตัดสินใจ คงต้องอยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ซื้อล้วนๆ ชอบแค่ไหน…เลือกรุ่นนั้น เป็นอันสิ้นพิธีครับ
……………………….