Home บทความแนะนำ Motor Show 2025 ส่องลายแทง 10 รถ น่าสนใจ ก่อนเริ่มงาน 26 มีนาคม – 6 เมษยน นี้

Motor Show 2025 ส่องลายแทง 10 รถ น่าสนใจ ก่อนเริ่มงาน 26 มีนาคม – 6 เมษยน นี้

by Admin clubza.tv

งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือ Motor Show 2025 จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 46 ซึ่งในปีนี้…ยังคงใช้พื้นที่จัด ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 และฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษยน 2568 โดยความน่าสนใจของปีนี้ คือ มีบรรดาค่ายรถยนต์ชั้นนำ รวมถึงแบรนด์ใหม่ๆ ร่วมออกบูธรวมถึง 41 ค่าย นอกจากนี้ยังมีค่ายมอเตอร์ไซค์ 13 แบรนด์ รวมถึงผู้ผลิตแบรนด์สินค้าที่เกี่ยวข้อง ตอบรับเข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศภายในงานตลอด 12 วันเต็ม มีความคึกคัก และสร้างเม็ดเงินสะพัดตลอดงานเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว

ผังงาน Motor Show 2025 จัดอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษยน นี้

ปัจจัยที่ส่งให้งาน Motor Show 2025 ดูจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นการที่บรรดาค่ายรถยนต์แบรนด์ต่างๆ พร้อมใจกันนำรถรุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวภายในงาน โดยสำหรับบางค่าย เช่น MG, GWM รวมถึง Mini มีแพลนนำรถยนต์รุ่นล่าสุดมาโชว์ตัว รวมถึงประกาศราคาในงานมากกว่า 1 รุ่น ซึ่งเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า ได้รวบรวม 10 รถ น่าสนใจ ที่จะเปิดตัวในงาน Motor Show 2025 มาให้ได้ชมกัน

Jaecoo 7 SHS PHEV

ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย #ทีมขับซ่า มีโอกาสได้ทดลองขับ Jaecoo 7 SHS PHEV ใกลถึงประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ ทุกท่านสามารถติดตามชมได้จากในคลิปที่แปะไว้ให้ด้านบน โดยความน่าสนใจของ Jaecoo 7 SHS PHEV คงหนีไม่พ้น การเป็นรถในพิกัด B-Segment SUV ที่มีขนาดใหญ่และพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ให้ออพชั่นมาแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังถือเป็นรุ่นแรกในคลาส ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถใช้งานในชีวิตประจำด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 106 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งสำหรับผู้ใช้ ที่ยังไม่พร้อมจะขยับตัวไป EV 100% นี่อาจเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณก็เป็นได้

MG S5 EV รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ให้ทั้งความสนุก และการใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น

MG S5 EV

MG ถือเป็นแบรนด์ที่จุดประกายในวงการรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม จนมาถึงยุคเปลี่ยนผ่านของโครงสร้างใหม่ Nebula Pure Electric Platform ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่โดดเด่น โดยเฉพาะในเรื่องความสนุกและเสถียรภาพในการขับขี่ จนได้การยอมรับจากผู้ใช้ทั้งในไทย รวมถึงในยุโรป ล่าสุดทางค่ายเตรียมที่จะเปิดตัวรถครอสโอเวอร์น้องใหม่อย่าง MG S5 EV ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องสมรรถนะ จากมอเตอร์ที่มีกำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า กับแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร และพร้อมรองรับการใช้งานได้ไกลสุดถึง 550 กม. จากแบตเตอรี่ขนาด 64 kWh ซึ่งรองรับการชาร์จเร็วถึง 140 kW อีกทั้งตัวรถยังมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,730 มม. (ยาวกว่า MG HS เดิม) พร้อมฟังค์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์คนใช้งานรถ EV มากยิ่งขึ้น…รอลุ้นราคากันในงาน Motor Show 2025 ได้เลย !

ถ้าเปิดราคามาอย่างเหมาะสม เชื่อว่าผู้ชมจะขานรับ…ความสมูทของเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคนี้ คือ ดีงามอย่างมิอาจปฏิเสธ

GWM Tank 300 Diesel

แม้ภาพลักษณ์จะโดนใจใครหลายๆ คน แต่ที่ผ่านมา GWM Tank 300 เวอร์ชั่น HEV มักจะถูกตั้งคำถามต่างๆ นานา ทั้งในเรื่องระดับราคาที่ถูกดันไปฟัดกับรถในกลุ่ม PPV หัวแถว รวมถึงเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง ที่ดูยังไงก็ยังห่างไกลกับคำว่า “รถไฮบริด” ในแบบที่ผู้บริโภคชาวไทยคุ้นเคย แต่สำหรับการกลับมาของ GWM Tank 300 เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซล อาจทำให้ความคิดหรือข้อสงสัยเหล่านั้นหายไป โดยแพลนการทำตลาดของรุ่นนี้ ถูกวางตำแหน่งให้อยู่รองลงมาจากรุ่น HEV Ultra เดิม และคาดว่าในรุ่นเริ่มต้น จะมีค่าตัวที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ส่วนจุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคนี้ อยู่ที่เรื่องความสมูท นุ่ม เงียบ นิ่ง ซึ่งจากการที่ได้ทดลองขับแบบสั้นๆ ต้องยอมรับว่า ให้ฟีลลิ้งที่เนียนแบบหาตัวจับยากอย่างแท้ทรู แม้จะไม่ใช่เครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงในระดับตัวท็อป หรือเอาสมรรถนะไปแตะต้องตัว HEV ได้ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป…แค่นี้ คือ พอแล้ว !

Changan Deepal S05

Changan Deepal S05

หลังจากที่ปั้นรุ่นพี่ Deepal S07 จนติดลมบน รวมถึงปลุก “น้องง่วง” ให้ตื่นมาติดกระแส ล่าสุดค่าย Changan ก็เตรียมที่จะเปิดตัว Deepal S05 ให้รถในกลุ่ม B Segment SUV มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นอีกระดับ โดยแม้ว่าตามพื้นฐานจะวางตัวเองอยู่ในพิกัดของรถคอมแพค แต่ในความเป็นจริงแล้ว Changan Deepal S05 ถือว่ามีขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าเพื่อน โดยเฉพาะความยาวฐานล้อที่มากถึง 2,880 มม. คาดว่า Changan Deepal S05 จะทำตลาดใน 2 รูปแบบ ประกอบไปด้วย รุ่น BEV ที่ใช้ชุดมอเตอร์ 258 แรงม้า กับแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร พร้อมชูจุดเด่นเรื่องความเร็วในการชาร์จ DC ในระดับ 170 kW และสามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้ถึง 6.6 kW และรุ่น REEV กำลังขับเคล ื่อน 218 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร เท่ากัน แต่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กไว้ปั่นไฟ จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 27 kWh รองรับการเดินทางไกลได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น โดยสามารถวิ่งได้วยไฟฟ้าล้วนได้ราว 170 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และวิ่งไฟฟ้ารวมน้ำมันเต็มถังได้ไกล 1,180 กม.

Mitsubishi XForce HEV รุ่น Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท

Mitsubishi XForce HEV

เปิดตัวในประเทศไทยด้วย 3 รุ่นย่อย สำหรับ Mitsubishi XForce HEV ซึ่งนับเป็นหนึ่งในรถสไตล์คอมแพคครอสโอเวอร์ที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่ บวกกับระยะฐานล้อที่ฟัดเหวี่ยงกับคู่แข่งในกลุ่มไฮบริดจากแบรนด์ชั้นนำได้แบบสบายๆ ตัวรถยังมาพร้อมจุดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่ผสานจุดเด่นของระบบไฮบริดรูปแบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ Mitsubishi XForce HEV เป็นรถที่โดดเด่นทั้งในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองและสมรรถนะ นอกจากนี้…ยังมีจุดเด่นที่โหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกหลากหลายตามรูปแบบการจ่ายพลังงานและเส้นทางที่ใช้ถึง 7 รูปแบบ รวมถึงยังมีระบบช่วยรักษาเสถียรภาพ Active Yaw Control ที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ในตำนาน ซึ่งช่วยให้ตัวรถสามารถขับขี่ในเส้นทางที่หลากหลายด้วยประสิทธิภาพในการควบคุมและความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่น่าหนักใจก็คือ หากพิจารณาจากค่าตัวที่ใกล้เคียงกับแบรนด์เจ้าตลาดมากเกินไปแล้ว อาจส่งให้ยอดขายไม่ปังเท่าที่ต้องการได้ ซึ่งยอดจองในงาน Motor Show 2025 จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัด

Nissan Serena e-Power

Nissan Serena e-Power

รถสวยไม่ขาย ตลาดวายค่อยเริ่ม…เสียงสะท้อนจากแฟนๆ Nissan ที่รอคอยการเปิดตัวของ Nissan Serena e-Power มาอย่างยาวนาน ซึ่งในที่สุดทางค่ายเตรียมจะเปิดตัวรถอเนกประสงค์ขุมพลัง e-Power แล้ว ในงาน Motor Show ปีนี้ โดยจะทำตลาดควบคู่ไปกับรุ่น S Hybrid ที่เปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา (ณ เวลานั้นรุ่น e-Power คือ นำมาโชว์อย่างเดียว) สำหรับจุดเด่นของ Nissan Serena e-Power ที่แตกต่างกับรุ่นปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ภาพลักษณ์ตัวถังที่มาในรหัส C28 ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมขุมพลังที่เป็นการผลสานระหว่างมอเตอร์กำลัง 163 แรงม้า กับแรงบิด 315 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ไฮบริดขนาด 1.7 kW และเครื่องยนต์เบ็นซิน 1.4 ลิตร ที่มีหน้าที่เพื่อปั่นไฟเท่านั้น ในงานคงต้องมารอลุ้นกันแล้วว่า Nissan Serena e-Power จะทำราคาได้ถูกอกถูกใจผู้ใช้ชาวไทยได้ขนาดไหน เพราะก่อนหน้านี้…คู่แข่งต่างก็ดัมพ์ราคาลงมาเตรียมสู้ได้แบบน่ากลัวเลยจริงๆ

Aion UT รอลุ้นสเป็คและราคาในบ้านเรา ว่าจะสู้กับแบรนด์ชั้นนำในตลาดได้ขนาดไหน

Aion UT

ตลาดซับคอมแพคแฮทช์แบค หรือ B-Segment Hatchback ขุมพลังไฟฟ้าในบ้านเรา ดูจะยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับรถในกลุ่มครอสโอเวอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุดเดือด แต่สำหรับงาน Motor Show 2025 ผู้ใช้ที่กำลังมองรถในกลุ่มนี้ อาจมีทางเลือกที่เปิดกว้างมากขึ้น จากการมาของ Aion UT รถแฮทช์แบคที่มีพิกัดเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมคลาสไปหลายขุม โดยเฉพาะระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,750 มม. ซึ่งมากกว่าคู่แข่งโดยตรงอย่าง BYD Dolphin และ Ora Good Cat ถึง 50 และ 100 มม. ตามลำดับ ด้านพละกำลัง หากเทียบจากสเป็คทที่ทำตลาดในประเทสจีน มีกำลังราว 136 แรงม้า โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 44 kWh รองรับการเดืนทางต่อชาร์จราว 400 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และรองรับความเร็วในการชาร์จ DC ได้ถึง 100 kW

Haval H6 PHEV Ultra ปรับสเป็ต + ภาพลักษณ์ใหม่ ดูน่าใช้ยิ่งขึ้นแล้ว

Haval H6

เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีการปรับไลน์อัพครั้งใหญ่ จากเดิมในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่วางราคาในระดับแตะไม่ได้ จนต้องปรับลงมาในวันที่สาย การกลับมาในครั้งนี้…เชื่อว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงที่ดึงดูดผู้ใช้กลับมาได้อีกครั้ง โดย Haval H6 รุ่นปี 2025 วางไลน์อัพไว้ด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ทั้งในรูปแบบไฮบริด และปลัีกอินไฮบริด ซึ่งความน่าสนในของรุ่นไฮบริดเสียบปลัีก ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมก็คือ การปรับสเป็คของแบตเตอรี่ให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานมากขึ้น โดยมาในขนาด 27.5 kWh (เดิม 34 kWh…รองรับการเดินทางต่อชาร์จ 201 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และวิ่งจริงได้ 163 กม. ต่อชาร์จ) สามารถรองรับการเดินทางต่อชาร์จด้วย EV Mode ได้ไกลกว่า 135 กม. จากการทดสอบจริงโดย #ทีมขับซ่า ซึ่งถือเป็นระยะที่เพียงพอ สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยแม้ว่าประสิทธิภาพในการชาร์จจะถูกลดลงจาก 60 เหลือ 41 kW แต่สิ่งที่ได้มาแทนที่ อย่างฟังค์ชั่นจ่ายไฟด้วย V2L ถึง 3.3 kW ก็ดูจะเป็นออพชั่นที่เพิ่มความหลากหลายในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

Mini JCW E ตัวโหดเวอร์ชั่นไฟฟ้า สำหรับคนรัก Go Kart Feeling ตัวจริง

Mini JCW E

เป็นหนึ่งในรุ่นที่ #ทีมขับซ่า มีโอกาสได้ทดลองขับ ก่อนที่จะเปิดตัวพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 มีนาคมนี้ โดยความน่าสนใจของ Mini JCW E นอกจากจะมีการอัพเกรดพละกำลังเพิ่มขึ้นจากเวอร์ชั่นปกติอีก 40 แรงม้า (รวม 258 แรงม้า) กับแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร แล้ว ตัวรถยังมาพร้อมฟังค์ชั่น Electric Boost ที่ช่วยเพิ่มกำลังอีกราว 20 kW หรือประมาณ 27 แรงม้า ในเวลา 10 วินาที อีกทั้งการเซ็ตช่วงล่างในแบบฉบับของ John Cooper Works ยังคงช่วยยกระดับความสนุกในการขับขี่ และรักษามาตรฐานความรู้สึกในสไตล์ Go Kart Feeling ที่สาวก Minister ขนานแท้ถูกอกถูกใจ ซึ่งนอกจากทางค่ายจะเปิดราคาของ Mini JCW E ภายในงาน Motor Show 2025 แล้ว Mini ยังจัดเต็มด้วยรุ่นอื่นๆ ในตระกูล JCW ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Mini JCW Aceman E, Mini JCW Convertible รวมถึง Mini JCW อีกด้วย

MG IM6 รุ่น Performance AWD ราคา 1.799 ล้านบาท

MG IM6

ต้องยอมรับเลยว่า ในยุคปัจจุบัน ระบบ AI ล้วนเข้ามามีบทบาทในทุกๆ วงการ ไม่เว้นแม้แต่ในโลกยานยนต์ ที่ระบบประมวลผลสุดล้ำเช่นนี้ เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อให้เราสามารถขับรถได้อย่างสะดวกสบาย และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่ง MG IM6 เป็นรถที่ได้รับการพัฒนาจากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ นำโดย Alibaba และ SAIC Motor ที่ต้องการจะสร้างรถที่มีสมรรถนะสูง ล้ำสมัย กว่าที่เคยเป็น จุดเด่นของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ นอกจากการมีพละกำลังที่สูงลิบ สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.48 วินาที กับระบบการชาร์จรองรับกำลังได้สูงสุดถึง 396 kW ภายใต้สถาปัตยกรรมระดับ 800 โวลต์ คือ การเป็นรถขนาดใหญ่ระดับ 4.9 เมตร ที่มีความคล่องตัวสูง ด้วยระบบช่วยเลี้ยวที่ล้อหลัง ส่งให้ MG IM6 มีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดเพียง 5.09 ม. ซึ่งเมื่อเทียบคุณสมบัติ กับค่าตัวเริ่มต้นในระดับ 1.399 ล้านบาทแล้ว ต้องยอมรับว่า…ไม่สูงเกินสเป็คอย่างแน่นอน !

 

Motor Show 2025 รถหลากหลาย โปรโมชั่นจุใจ มีรางวัลให้ลุ้น…ฟรี ถึง 4 แคมเปญ !!!


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม