หลังจาก Mitsubishi Xpander Cross ในรูปแบบ Minorchange เปิดตัวไปเพียงไม่กี่อึดใจ ทางค่ายก็ได้เชิญ #ขับซ่า 7HD นำโดย คุณสุรมิส เจริญงาม ร่วมทดสอบสมรรถนะที่จังหวัดเชียงราย เพื่อพิสูจน์ความหลากหลายในการใช้งาน ของรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวคันนี้ โดยรูปแบบของเส้นทางนั้น เรียกได้ว่ามีครบทุกรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การขับขี่ใช้งานทั่วไปบนเส้นทางไฮเวย์ ก่อนขึ้นจะขึ้นภภูเขาสูงชัน ที่ต้องใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เพื่อให้สามารถเดินทางผ่านไปได้ แล้วจึงไปจบที่การใช้งานใรูปแบบทางฝุ่น เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของตัวช่วยใหม่อย่าง AYC (Active Yaw Control) ที่มีการติดตั้งเข้าไปใน Mitsubishi Xpander Cross รุ่นนี้
Mitsubishi Xpander Cross ราคา 946,000 บาท
ก่อนที่จะดูคลิปการทดสอบในช่วงท้าย แน่นอนว่า #ขับซ่า นำเอาสเป็คของ Mitsubishi Xpander Cross จับมาเปรียบเทียบกับเพื่อร่วมคลาสในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพเริ่มตั้งแต่การการเปรียบเทียบรายละเอียด สิ่งที่ถูกใส่เพื่มเข้ามาใน Mitsubishi Xpander Cross รุ่นปี 2023 ในราคา 946,000 บาท (บวกเพิ่มจากเดิม 7,000 บาท) ในส่วนด้านนอก มีการปรับไฟหน้ามาในรูปแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ มีการเพิ่มทางเลือกด้วยสีใหม่ Green Bronze ซึ่งสามารถเลือกจับคู่กับหลังคาสีดำเพื่อเติมความโดดเด่นได้ เช่นเดียวกันสีขาว Quartz White Pearl ในห้องโดยสารที่การปรับรา่ยละเอียดมากมาย เพื่อยกระดับความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพวงมาลัยมาเป็นรูปแบบสี่ก้าน พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 8 นิ้ว ที่สามารถปรับการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ เบาะนั่งมาพร้อมวัสดุกันความร้อน พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล นอกจากนี้ยังอัพเกรดระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์อย่าง AYC หรือแม้แต่ การปรับจูนช่วงล่างและพวงมาลัยใหม่ เพื่อให้สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีมากยิ่งขึ้น
Mitsubishi Xpander Cross ได้รับการอัพเกรดมิติตัวถังโดยการปรับรปทรงชิ้นส่วนทั้งด้านหน้า รวมถึงด้านท้ายใหม่ ส่งผลให้มิติตัวรถในภาพรวม ขยับเข้าไปเท่ากับ Mitsubishi Xpander รุ่น Minorchange ตำนานไฟหน้าฮาโลเจนยุค 2022 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยเทียบมิติตัวถัง Mitsubishi Xpander Cross กับเพื่อนร่วมคลาส ในภาพรวมถือว่าใหญ่กว่าในทุกมิติ โดยเฉพาะระยะความสูงจากพื้นที่ทางค่ายชูจุดเด่นที่ความสูง 220 มม. เพื่อให้การใช้งานมีความอเนกประสงค์ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของพละกำลังสำหรับรถ MPV ในคลาสนี้ ถือว่าใกล้เคียงกันมาก โดยส่วนใหญ่จะป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 105-106 แรงม้า จะมีเพียง Suzuki Ertiga Smart Hybrid ที่มีการเพิ่มลูกเล่นด้วยมอเตอร์เจนเนอเรเตอร์เข้าไป เพื่อช่วยกระดับอัตราเร่งและการตอบสนองในช่วงเวลาสั้นๆ (ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับเห็นผลมาก) สิ่งที่น่าสนใจ คือ ระบบเบรกของรถคลาสนี้ เกือบทุกรุ่นจะมาในรูปแบบหน้าดิสค์ หลังดรัม จะมีเพียงรุ่นเดียว คือ Toyota Veloz ที่มาในรูปแบบดิสค์เบรกทั้ง 4 ล้อ ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่เฉี่ยบคม และมีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
เทียบต่อที่ระดับออพชั่น รวมถึงระบบความปลอดภัย สำหรับ Mitsubishi Xpander Cross ถือว่ามีอุปกรณ์พื้นฐานต่างๆ มาให้ค่อนข้างที่จะเพียบ ถ้าไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดอะไรมากมาย คือ น่าสนใจแบบไม่ต้องคิดเยอะ แต่หากมองร่วมกับคู่แข่งอย่าง Toyota Veloz ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง (อีกคันที่มี คือ Honda BR-V) อาจมีเอนเอียง เพราะต้องยอมรับว่า Toyota Veloz นั้น ทำออกมาได้อย่างตอบโจทย์สำหรับลุกค้าที่ต้องการออพชั่นการใช้งาน รวมถึงลูกเล่นความปลอดภัยแบบครบครัน อีกทั้งยังวางระดับราคาได้อย่างน่าประทับใจ โดยหากเทียบกับ Mitsubishi Xpander Cross ทางฝั่ง Toyota Veloz มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าถึง 71,000 บาท
จากข้อมูลด้านบนคงจะพอเห็นภาพแล้วว่า Mitsubishi Xpander Cross เมื่อเทียบกับคู่แข่งในหัวข้อต่างๆ ทำได้น่าสนใจขนาดไหน แต่หากถามเรื่องฟีลลิ่งการขับขี่ รวมถึงสัมผัสจากการใช้งานจริง ทุกท่านสามารถติดตามต่อได้ในคลิปจาก #ขับซ่า7HD ด้านล่างได้เลย
