MG เปิดตัวน้องเล็กในพิกัด Sub Compact Hatchback อย่าง MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของซิตี้คาร์สไตล์สปอร์ต ที่คัมแบคกลับมาได้อย่างดุดัน ภายใต้ดีไซน์ที่ดูโแบเฉี่ยว ผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเลเวลสูง จากเครื่องยนต์ในรูปแบบไฮบริด ซึ่งจะช่วยยกระดับสมรรถนะ ความสนุก รวมถึงความคล่องตัวในการขับขี่ของรถในตระกูล MG 3 ขึ้นไปอีก (หลาย) ขั้น !
จากที่ก่อนหน้านี้ทางค่ายได้ปล่อยทีเซอร์ของ MG 3 ออกมาเรียกน้ำย่อยอยู่หลายครั้ง ทำให้หลายๆ คนคงพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 เป็นอย่างดี โดยเป็นดีไซน์ที่เสมือนถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง MG 5 รวมถึง MG 7 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ปีก่อนในประเทศจีน แน่นอนว่า…ตัวรถได้รับการยกระดับองประกอบต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมแบรนด์คู่แข่งจากทั้งฝั่งญี่ปุ่นและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นระดับพละกำลัง ที่ในครั้งนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด พิกัด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 192 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อคเดียว ที่เปิดตัวมาทำตลาดในเวลานี้ รวมถึงเทคโยโลยีการขับขี่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในยุคปัจจุบัน
MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 มาในมิติตัวถัง
ความกว้าง x ความยาว x ความสูง อยู่ที่ 1,797 x 4,113 x 1,502 มม. และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,570 มม. ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิม มิติตัวถังของ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 จะมีความกว้างและความยาวมากกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนเล็กน้อย (+ 68 และ 58 มม. ตามลำดับ) ในทางตรงข้ามกัน ตัวรถมีความสูงที่ต่ำลง เพื่อช่วยในเรื่องของแอโร่ไดนามิคส์และยกระดับความเป็นสปอร์ตให้มากขึ้น อีกทั้งการยืดระยะฐานล้อเพิ่มจากเดิมอีก 50 มม. ยังเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดย MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 มีพื้นที่ในการวางสัมภาระด้านท้ายมากถึง 293 ลิตร
ในส่วนห้องโดยสารของ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024
ได้รับการตกแต่งในรูปแบบที่เรียกว่าดิจิตัลสไตล์ โดยประกอบไปด้วยหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว จับคู่กับหน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบนำทางในตัว รวมถึงฟังค์ชั่นการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay นอกจากนี้…MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 ยังมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ถึง 4 ตำแหน่ง และยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง Advanced Driving Assist System หรือ MG Pilot ADAS ที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านพวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่น พร้อมกับการประจูนช่วงล่างในสไตล์ Euro Tuning รวมถึงการบุซับเสียง เพื่อยกระดับการขับขี่ที่ให้อรรถรสและสุนทรียภาพได้อีกระดับ
สิ่งที่แตกต่างไปจากเจนเนอเรชั่นก่อนชัดเจน คือ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 จะทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ในรูปแบไฮบริดเท่านั้น (เดิมมีแค่เครื่องยนต์สันดาปล้วน) โดยระบบ ไฮบริด พลัส เป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ในพิกัด 1.5 ลิตร กำลัง 101 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3 สปีด ที่ให้กำลังสูงถึง 134 แรงม้า โดยมีแบตเตอรี่ไฮบริดขนาด 1.83 kWh เป็นต้นกำลังในการจ่ายไฟ นอกจากนี้ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 รูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วย Eco, Standard และ Sport ซึ่งส่งให้ตัวรถ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 8 วินาที รวมถึงยังมีอัตราสิ้นเปลืองที่ถุกเคลมไว้ถึง 22.7 กม./ลิตร อีกด้วย
การกลับมาโดยได้รับการยกระดับประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องดีไซน์ สมรรถนะ ความพิถีพิถัน รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่ของ MG 3 Hybrid+ รุ่นปี 2024 น่าจะเป็นมิมิตรหมายที่ดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถซิตี้คาร์ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งาน ซึ่งก็น่าจะแข่งขันกับรถแบรนด์ญี่ปุ่นในรูปแบบเดียวกัน รวมถึงรถ EV จากจีนในระดับราคาเดียวกันได้อย่างสนุกแน่นอน