Home » MG VS HEV พาส่อง 5 ไฮไลท์…ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็น Sporty Hybrid SUV ที่เร้าใจเบอร์ต้นๆ ในยุคนี้

MG VS HEV พาส่อง 5 ไฮไลท์…ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็น Sporty Hybrid SUV ที่เร้าใจเบอร์ต้นๆ ในยุคนี้

by Admin clubza.tv
MG VS HEV

ตลาดรถในรูปแบบ SUV B-Segment กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่แบรนด์ MG กระโดดลงมาเป็นอีกหนึ่ง “ตัวละครลับ” ที่พร้อมห้ำหั่นกับบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรด ซึ่งขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดที่สุดสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกของแบรนด์ ที่มีการนำเสนอรถยนต์ในรูปแบบขุมพลังไฮบริด หลังจากที่เปิดตัวรถคลาสนี้ไปแล้ว ทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์สันดาป และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในตระกูล ZS

MG VS HEV รุ่นเติมเต็มไลน์อัพ B-Segment SUV

การถือกำเนิดในครั้งนี้ของ MG VS HEV จึงเป็นเสมือนการเติมเต็มความสูมบูรณ์แบบให้กับรถในพิกัด SUV B-Segment ซึ่งไม่ว่าจะมองไปที่ตัวเลือกไหนๆ แบรนด์ MG ก็พร้อมที่จะอุดช่องว่าง โดยการวางตำแหน่งในฐานะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ยึดเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งานเป็นสำคัญ โดยก่อนที่ MG VS HEV จะมีพิธีเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ทางค่ายได้มีการเผยข้อมูลของตัวรถออกมาเพื่อเรียกน้ำย่อย และนี่คือ 5 ไฮไลท์ ที่จะช่วยคลายข้อสงสัยว่า…ทำไม MG VS HEV จึงได้ชื่อว่าเป็น Sporty Hybrid SUV ที่เร้าใจเบอร์ต้นๆ ในยุคนี้

กระจังหน้า Electrified Matrix Grille…Signature of MG VS HEV

1. ภาพลักษณ์ที่เตะตาด้วย Electrified Matrix Grille

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องร้องว้าว เมื่อได้เห็น MG VS HEV คงหนีไม่พ้นเรื่องดีไซน์ เฉพาะในส่วนหน้าที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ในชื่อ Electrified Matrix Grille ซึ่งเป็นการเจาะช่องกระจังในรูปทรงสี่เหลี่ยมในลักษณะเหมือนการแกะสลัก ซึ่งรับกับเส้นคาดสีฟ้า ที่สื่อถึงความเป็นรถในรูปแบบ HEV ในส่วนของไฟหน้ามาพร้อมระบบส่องสว่างด้วยชุด LED Projector เช่นเดียวกับไฟ Daytime และไฟท้ายแบบ LED โดยล้อที่ให้มานั้น เป็นล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover เพื่อลดแรงลมหมุนวน ซึ่งช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น

สำหรับรุ่นที่ภายนอกเป็นสีทูโทน ภายในห้องโดยสาร…จะถูกตกแต่งด้วยสีทูโทน ขาว-ดำ เช่นเดียวกัน

2. ทางเลือกที่หลากหลายด้วยสีทูโทน ทั้งภายนอกและภายใน

ภาพลักษณ์ที่ #ทีมขับซ่า ได้เห็นเมื่อครั้งที่ MG ได้เชิญชวนไปยลโฉม MG VS HEV เป็นครั้งแรกก็คือ ตัวรถจะมาใน 2 รูปแบบ คือ ตัวถังที่มาในรูปแบบสี Mono Tone ซึ่งหลังคาจะมาในสีเดียวกับตัวรถ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยเบาะสีดำ ส่วนในอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของ MG VS HEV ก็คือ รูปแบบสีที่เป็น Two Tone หรือคาดหลังคาด้วยสีดำ ในรุ่นนี้เบาะนั่งจะออกแบบมาให้เป็นสีขาวสลับดำ ซึ่งให้ความรู้สึกที่ดูพรีเมี่ยม ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น โดยตัวที่ #ทีมขับซ่า ได้เห็นนั้น มาพร้อมหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่สามารถเปิด-ปิด ได้ด้วยไฟฟ้า รวมถึงอีกสิ่งหนึ่งที่อดพูดถึงไม่ได้ คือ “สีเขียว” ใหม่ของแบรนด์ MG ซึ่งช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ MG VS HEV ให้ดูมีความเป็นพรีเมี่ยมขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

Dual Widescreen Cockpit หนึ่งเดียวในคลาส

อินเตอร์เฟสการแสดงผลหน้าจอ 2 รูปแบบ

3. ว้าวสุดๆ กับ Dual Widescreen Cockpit

แม้ว่ารถสมัยนี้ส่วนใหญ่จะออกแบบระบบการแสดงผลด้วยหน้าจอเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมา นอกจากรถในระดับพรีเมี่ยมแล้ว…ยังไม่มีรุ่นไหนที่กล้าให้ระบบการแสดงผลที่ดูหรูหราและล้ำสมัย แบบเดียวกับที่เราได้เห็นใน MG VS HEV โดยหน้าจอเซ็ตนี้มาในชื่อ Dual Widescreen Cockpit อันเป็นการรวมชุดจอขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เข้าไว้ด้วยกัน จอแรกทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ เช่น การทำงานของระบบไฮบริด, ความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่ใช้, แสดงแผนที่และระบบนำทาง, แสดงข้อมูลความบันเทิง รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองและการใช้พลังงาน ซึ่งในทุกๆ ค่า สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลได้ 2 สไตล์ ส่วนในหน้าจอต่อมา ออกแบบมาเพื่อการควบคุมระบบอำนวยความสะดวก เช่น ระบบปรับอากาศแบบดิจิตัล, ระบบความบันเทิง ซึ่งรองรับการฟังเพลงออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Joox โดยที่ด้านล่างของจอ จะเป็นที่อยู่ของสวิตช์ควบคุมระบบสัมผัส Illuminated Touch Panel ที่จะช่วยควบคุมและสั่งการระบบต่างๆ นอกจากการเลือกใช้งานบนหน้าจอทัชสกรีน

Double Layer Console ได้ทั้งความหรูหรา และปรธชะโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย

4.ฟังค์ชั่นครบ จบได้…แบบพอดีคำ

สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นใน MG VS HEV คือ การวางระดับออพชั่น ที่ถือว่าเลือกสรรค์สิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการมาใส่ไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ระบบการชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ที่วางอยู่ด้านบนของชุดคอนโซลกลางแบบ Double Layer พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ทั้ง Type A และ Type C ในด้านล่าง นอกจากนี้ MG VS HEV ยังมาพร้อมเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ในฝั่งคนขับ, ระบบการเชื่อมต่อความบันเทิงผ่าน Apple Car Play และ Android Auto, เบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังค์ชั่น Auto Brake Hold, กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา ที่สามรถเลือกมุมแสดงผลได้อย่างหลากหลาย, ระบบความปลอดภัยมารตรฐษนยุโรปถึง 12 ฟังค์ชั่น และระบบสั่งการอัจฉริยะ iSmart

ขุมพลัง 1.5 ลิตร ไฮบริด…กำลังสูงสุด 177 แรงม้า พร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ

5.ขุมพลังไฮบริดสุดเร้าใจ ย้ำภาพความเป็น Sporty Hybrid SUV 

หัวใจหลักที่ช่วยตอกย้ำความเป็น Sporty Hybrid SUV ของ MG VS HEV คงหนีไม่พ้น ขุมพลังในรูปแบบไฮบริดอันเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ 4 สูบ พิกัด 1.5 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนช่วยเพิ่มกำลังในการขับเคลื่อน โดยสามารถทำกำลังรวมได้ถึง 177 แรงม้า จับคู่กับระบบขับเคลื่อน E-CVT และมาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Eco, Comfort และ Sport โดยยังสามารถปรับระดับการทำงานของระบบช่วงหน่วงความเร็วที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ถึง 3 ระดับ เช่นเดียวกับโหมดปรับน้ำหนักของพวงมาลัย ที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบมาตรฐาน, เน้นน้ำหนักเบาเพื่อให้ขับสบาย หรือแม้แต่การเพิ่มความหนืดสำหรับการขับขี่แนวสปอร์ต

ว้าวมั้ย…วันที่ 8 สิงหาคม รู้กัน !

MG VS HEV พร้อมเปิดตัวและเผยราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น…เราคงพอจะเดาทางได้ว่า Sporty Hybrid SUV ในพิกัด SUV B-Segment คันนี้ จะทำยอดขายได้อย่างน่าประทับใจเช่นเดียวกับที่ MG ZS และ MG ZS EV เคยตีโจทย์แตกและประะสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในพื้นที่ยืนของตัวเองมาแล้วหรือไม่ ?


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy