ด้วยสถานการณ์น้ำมันแพง รวมถึงแนวทางการพัฒนาและความต้องการในด้านยานยนต์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้บริโภคต่างตื่นตัวและพร้อมที่จะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน ก็คือ การเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV Car ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม…ด้วยข้อจำกัดบางประการ ทำให้การใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน
การมองหาทางเลือกใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากกว่า ได้ทั้งความประหยัด และมีสมรรถนะสูง แบบเดียวกับการใช้รถ EV แต่ยังคงความยืดหยุ่นไม่แตกต่างจากการใช้งานรถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปล้วนๆ มากนัก แน่นอนว่า เรากำลังพูดถึงรถในรูปแบบ Plug in Hybrid ตัวขั้นกลางระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถในรูปแบบไฮบริด ที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่นในการใช้งาน ขับประหยัดได้ในรูปแบบรถ EV ที่เติมไฟอย่างเดียวก็สามารถวิ่งได้ในระยะไกลและมีสมรรถนะสูงเพียงพอสำหรับการใข้งานจริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ต่ำกว่า 1 บาท ต่อกิโลเมตร และยังสามารถใช้งานเดินทางไกลๆ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จไฟเหมือนกับรถที่ใช้ไฟฟ้าล้วน
แต่ ณ ปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้รถในรูปแบบ Plug in Hybrid ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าที่ควร คงหนีไม่พ้นเรื่องของราคาที่โดยส่วนใหญ่แล้ว เทคโนโลยี Plug in Hybrid หรือ PHEV เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่โดยมากจะมีเฉพาะในรถระดับพรีเมี่ยม ค่าตัวแตะหลัก 3 ล้านบาท ขึ้นไป หากมองภาพรวมในตลาด รถในรูปแบบ PHEV หนึ่งเดียวที่ผู้ใช้รถสามารถเข้าถึงได้ง่ายในคลาสนี้ คงหนีไม่พ้น MG HS PHEV รถเอนกประสงค์ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Plug in Hybrid ที่รองรับการเดินทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ได้ถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางที่ใกล้เคียงกับชีวิตการเดินทางทั่วไปใน 1 วัน หรือหากวิ่งเกินกว่านั้น ก็ใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อย เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ต่ำกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือรถที่ใช้ระบบไฮบริดทั่วไป
เดิมทีแล้ว…MG HS PHEV เปิดตัวมาใน 1 รุ่นย่อย แยกระดับราคารวมถึงออพชั่นจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปล้วนๆ พิกัด 1.5 ลิตร เทอร์โบ อย่างชัดเจน แต่ยังมีผู้ใช้บางท่านที่มองว่าระดับราคาของรุ่น PHEV ยังต่างจากรุ่นปกติมากจนเกินไป การจะเติมงบจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป ไปเป็นรุ่น PHEV ยังเป็นสิ่งที่ตัดสินใจได้ยาก ดังนั้นทางค่าย MG จึงเปิดทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเปิดตัวรุ่นปรับโฉมที่มีการเพิ่มโมเดลไลน์อัพของ MG HS PHEV จากเดิมที่มีแค่รุ่น X แต่สำหรับรุ่น Minorchange ในปี 2022 รถอเนกประสงค์ในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด MG HS PHEV มาพร้อม 2 ทางเลือก คือ รุ่น D และ X โดยเปิดราคาเริ่มต้นแบบสุดคุ้มเพียง 1,299,000 บาท เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับราคาที่ห่างจากรุ่น X ถึง 80,000 บาท
ภาพรวมของ MG HS 2022
การกลับมาของ MG HS PHEV ในรุ่นปรับโฉม นอกจากการเพิ่มรุ่นย่อย D แล้ว ถือว่ามีรายละเอียดที่ถูกเพิ่มเข้ามาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการปรับดีไซน์ใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้ายด้วยการเพิ่มชุดอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟหน้าแบบ Quad LED Projector ตกแต่งด้วยขอบสีฟ้า บ่งบอกความเป็นรถในรูปแบบ Plug in Hybrid โดยจะจับคู่ชุดกระจังหน้าใหม่ในดีไซน์ที่เรียกว่า Digital Burning Grille นอกจากนี้ MG HS PHEV ยังมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ชุดสปอยเลอร์พร้อมเสาอากาศครบฉลามสีดำ รวมถึงมีการเพิ่มระบบช่วยการขับขี่สุดล้ำอย่างระบบ AR Navigation System ที่เป็นการแสดงแผนที่นำทางเสมือนจริงแบบ Real Time บนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 12 นิ้ว
ความน่าสนใจของ MG HS PHEV รุ่น D ก็คือ
การมาพร้อมภาพลักษณ์รวมถึงออพชั่นหลักๆ ที่ยังคงมาในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับรุ่น X ไม่ว่าจะเป็น หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, การตกแต่งภายในห้องโดยสารที่เน้นความหรูหราด้วยทริมการตกแต่งที่มีทั้งสีทูโทน Monaco Blue และสีดำ ซึ่งมาพร้อมฟังค์ชั่นเบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตปรับด้วยไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ระบบสั่งการอัจฉริยะ iSmart ที่ช่วยอำนวยความสะดวก โดยตรวจสอบสถานะของตัวรถ รวมถึงสั่งการระบบต่างๆ ได้ผ่านสมาร์ทโฟน ในภาพรวมถือว่าดีไซนภายนอกและภายในระหว่าง MG HS PHEV รุ่น D และรุ่น X มีความใกล้เคียงกันทั้งหมด แตกต่างเพียงแค่ในรุ่น X จะเพิ่มชุดฝาท้ายที่ปิด – เปิด ด้วยไฟฟ้า, แผ่นบังสัมภาระที่ด้านหลัง, คาลิเปอร์เบรกสีแดง และแป้นเหยียบคันเร่งแบบสปอร์ต เท่านั้น ซึ่งหากสังเกตด้วยตาเปล่า ถือว่ามีจุดแตกต่างที่น้อยมากจนแทบแยกไม่ออก
ไฮไลท์ที่เพิ่มเข้ามาใน MG HS PHEV ทั้ง D และรุ่น X คือ
ระบบ AR Navigation System ระบบนำทางเสมือนจริง ที่เป็นการแสดงภาพพร้อมอินดิเคเตอร์บอกระยะและทิศทาง เพียงผู้ขับขี่เลือกจุดหมายที่จะเดินทาง แล้วกดให้ระบบทำงาน ระบบจะแสดงภาพจากหน้ารถบนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ Interactive Multi Function Display ขนาด 12 นิ้ว พร้อมทั้งลูกศรและสัญลักษณ์นำทาง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ต้องละสายตาไปมองชุดหน้าจอกลาง ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เรื่องสมรรถนะ…ต้องถือว่าเป็นจุดเด่นของ MG HS PHEV
โดยทั้ง D และรุ่น X ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 284 แรงม้า กับแรงบิด 480 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ EDU II 10 สปีด ซึ่งเป็นการผสานระหว่างเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ของเครื่องยนต์ และเกียร์ 4 สปีด ของมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟจากชุดแพคแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 16.6 kWh รองรับการวิ่งด้วย EV Mode สูงสุด 67 กิโลเมตร
ฟังค์ชั่นความปลอดภัยหลักๆ ใน MG HS PHEV รุ่น D
ยังคงอยู่แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน รวมถึงความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบเตือนขณะเปิดประตู, กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา เป็นต้น เรื่องความปลอดภัยถือว่าคุ้มค่าและเพียงพอสำหรับทุกการใช้งาน โดยสิ่งที่ MG HS PHEV รุ่น X มีเพิ่มเข้ามาก็คือ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Level 2 เช่น ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมตัวรถให้อยู่ในเลน และระบบตรวจสอบลมยาง เป็นต้น
สรุปความแตกต่างของ MG HS PHEV รุ่น D และรุ่น X
MG HS PHEV ถือว่าเป็นรถที่ยังคงคอนเซ็ปท์ “ความคุ้มค่า” ไว้ได้อย่างลงตัว นิ่งการมาคราวนี้ของ MG HS PHEV รุ่น D ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น ในเมื่อได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ทั้งภาพลักษณ์ที่สวยงาม ระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลังและสามารถใช้งานได้อย่างฉลาดเลือกด้วย EV Mode ออพชั่นที่เพียบพร้อม รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน การมองทางเลือกที่คุ้มค่าใน MG HS PHEV รุ่น D ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจ ดังคอนเซ็ปท์ที่ว่า “เมื่อได้สเป็คที่ถูกใจ…ทำไมต้องจ่ายแพง ?” อย่างไม่อาจปฏิเสธได้เลยทีเดียว
……
MG เปิดตัว New MG HS และ HS PHEV ใหม่ ยกระดับรถยนต์ SUV ไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำยิ่งขึ้น