Home » MG พร้อมเปิดตัวรถ B-Segment  ใหม่ หลังซุ่มทดสอบในประเทศไทย ทุกรูปแบบแล้วกว่า 10,000 กม.

MG พร้อมเปิดตัวรถ B-Segment  ใหม่ หลังซุ่มทดสอบในประเทศไทย ทุกรูปแบบแล้วกว่า 10,000 กม.

by Admin clubza.tv
MG 3 Hybrid

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย นำรถแฮทช์แบค B-Segment รุ่นใหม่ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ทั่วประเทศไทย โดยคณะวิศวกรจาก MG ทั้งไทยและต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมระยะทางวิ่งแล้วกว่า 10,000 กิโลเมตร ซึ่งใช้มาตรฐานการทดสอบระดับสากล ทั้งมาตรฐาน NEDC และ WLTP

ภาพการทดสอบรถแฮทช์แบค B-Segment รุ่นล่าสุดจากค่าย MG

สำหรับการวิ่วทดสอบรถในรูปแบบ B-Segment ดังกล่าว เป็นการทดสอบที่ใช้องค์ประกอบจริงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเร่งแซง การใช้ความเร็วสูงโดยเปิดเครื่องปรับอากาศตามปกติ ทดสอบการประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ตัวใหม่ล่าสุด เพื่อให้มีค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองออกมาใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุด พร้อมการปรับตั้งการขับขี่ และทดสอบระบบความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์รุ่นใหม่สามารถรองรับ การใช้งานกับทุกสภาพผิวถนน ทั้งถนนเรียบในเมือง นอกเมือง อัตราเร่งขึ้นทางชันและทางลงเขา ทั้งยังพร้อมลุยได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน ฝนตก น้ำขัง หรือแม้แต่ในสภาพมีหมอกหนาทึบของประเทศไทย รวมถึงการทดสอบความคล่องตัวของรถและอัตราเร่ง ในสนามปิด ด้วยดีไซน์รถที่โฉบเฉี่ยว ดูคล่องตัวเหมาะกับการ ขับขี่ในเมือง แม้จะพรางตัวด้วยสติ๊กเกอร์ แต่ก็สามารถเดาได้ ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นไหน ที่เตรียมเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอีกครั้ง

แม้จะถูกปกคลุมด้วยลายพราง แต่ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่า แฮทช์แบค B-Segment รุ่นล่าสุดจากค่าย MG คือ MG 3 Hybrid

สำหรับรถแฮทช์แบคในพิกัด B-Segment ที่ปรากฏในภาพการทดสอบ ถูกคาดหมายว่าจะเป็น MG 3 เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ทางค่ายเปิดตัวในยุโรปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจุดเด่นของ MG 3 รุ่นปี 2025 นั้น อยู่ที่มิติตัวถังที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นที่ทำตลาดในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน โดยมีมิติตัวถังอยู่ที่ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง 1,797 x 4,113 x 1,502 มม. (กว้างขึ้น 68 มม. และยาวขึ้น 58 มม.) และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,570 มม. (ยาวขึ้น 50 มม.) ซึ่งส่งผลต่อพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้แล้ว MG 3 รุ่นปี 2025 ยังมีพื้นที่สัมภาระด้านท้าย ที่สามารถใส่ของได้มากถึง 293 ลิตร

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของ MG 3 รุ่นปี 2025 คงหนีไม่พ้นขุมพลังในรูปแบบไฮบริด ที่เป็นการผสานกำลังระหว่างเครื่องยนต์พิกัด 1.5 ลิตร บล็อคใหม่ ที่จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ขับเคลื่อน ที่จับคู่อยู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.83 kWh ซึ่งถือเป็นแบตเตอรี่ไฮบริดที่มีความจุสูงเป็นลำดับต้นๆ ของรถในกลุ่ม HEV ในประเทศไทย โดยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดบล้อคนี้ ให้กำลังขับเคลื่อนรวมสูงสุดถึง 192 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดในระดับ 250 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 8.0 วินาที ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 3 รูปแบบ ทั้ง Eco, Standard และ Sport พร้อมกันนี้ยังเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงต่ำ โดยตามสเป็คนั้น MG 3 รุ่นปี 2025 มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 22.7 กม./ลิตร

หากเปรียบเทียบกับสเป็คที่เปิดตัวไปแล้วในต่างประเทศ MG 3 รุ่นปี 2025 ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว จับคู่กับหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 10.25 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Carplay และ Android Auto นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้งกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบความปลอดภัยพร้อมช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง MG Pilot ADAS

#ทีมขับซ่า บุกโรงงาน MG ! ทั้งผลิตตัวถัง งานสี ประกอบ และทำแพคแบตเตอรี่ EV ที่เดียว…จัดให้ครบๆ


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy