บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็
สำหรับการวิ่วทดสอบรถในรูปแบบ B-Segment ดังกล่าว เป็นการทดสอบที่ใช้องค์
สำหรับรถแฮทช์แบคในพิกัด B-Segment ที่ปรากฏในภาพการทดสอบ ถูกคาดหมายว่าจะเป็น MG 3 เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ทางค่ายเปิดตัวในยุโรปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจุดเด่นของ MG 3 รุ่นปี 2025 นั้น อยู่ที่มิติตัวถังที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นที่ทำตลาดในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน โดยมีมิติตัวถังอยู่ที่ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง 1,797 x 4,113 x 1,502 มม. (กว้างขึ้น 68 มม. และยาวขึ้น 58 มม.) และมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,570 มม. (ยาวขึ้น 50 มม.) ซึ่งส่งผลต่อพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้แล้ว MG 3 รุ่นปี 2025 ยังมีพื้นที่สัมภาระด้านท้าย ที่สามารถใส่ของได้มากถึง 293 ลิตร
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของ MG 3 รุ่นปี 2025 คงหนีไม่พ้นขุมพลังในรูปแบบไฮบริด ที่เป็นการผสานกำลังระหว่างเครื่องยนต์พิกัด 1.5 ลิตร บล็อคใหม่ ที่จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ขับเคลื่อน ที่จับคู่อยู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.83 kWh ซึ่งถือเป็นแบตเตอรี่ไฮบริดที่มีความจุสูงเป็นลำดับต้นๆ ของรถในกลุ่ม HEV ในประเทศไทย โดยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดบล้อคนี้ ให้กำลังขับเคลื่อนรวมสูงสุดถึง 192 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดในระดับ 250 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 8.0 วินาที ซึ่งผู้ขับขี่ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 3 รูปแบบ ทั้ง Eco, Standard และ Sport พร้อมกันนี้ยังเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงต่ำ โดยตามสเป็คนั้น MG 3 รุ่นปี 2025 มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 22.7 กม./ลิตร
หากเปรียบเทียบกับสเป็คที่เปิดตัวไปแล้วในต่างประเทศ MG 3 รุ่นปี 2025 ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว จับคู่กับหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 10.25 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Carplay และ Android Auto นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้งกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบความปลอดภัยพร้อมช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง MG Pilot ADAS
#ทีมขับซ่า บุกโรงงาน MG ! ทั้งผลิตตัวถัง งานสี ประกอบ และทำแพคแบตเตอรี่ EV ที่เดียว…จัดให้ครบๆ