ก่อนหน้านี้ทางค่าย Mercedes-Benz สร้างปรากฏการณ์ด้วยการนำรถคอนเซ็ปท์พลังงานไฟฟ้า Mercedes EQXX ทดลองวิ่งจริงในยุโรปกว่า 1,000 กม. ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ซึ่งด้วยความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ทางค่ายเตรียมต่อยอดสู่ Mercedes Vision AMG Concept ว่าที่เวอร์ชั่นแรง ที่ดูมีความไปได้สูงว่า จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจาก EQXX ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่มีความคล้ายคลงกัน รวมถึงระบบส่งกำลังที่ได้รับการพัฒนาโดย Mercedes-AMG Petronas F1 Team
หากดูจากภาพร่างที่ปรากฏใน Instagram ของ Gorden Wagener หัวหน้าทีมออกแบบของค่าย Mercedes-Benz คงพอจะคาดเดาได้ว่า Mercedes Vision AMG Concept เป็นรถต้นแบบ ที่ได้รับการต่อยอดดีไซน์การออกแบบมาจาก Mercedes EQXX ที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ด้วยค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.17 ซึ่งด้วยฝากระโปรงของ Mercedes Vision AMG Concept ที่สั้น และแนวหลังคาที่มีความลาดเอียง ก็ยิ่งจะช่วยสร้างประสิทธิภาพแอโร่ไดนามิคส์ได้ดีมากขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องภาพลักษณ์ที่ดูดุดันมากขึ้นเช่นกัน
ความแตกต่างหลักๆ ของ Mercedes Vision AMG Concept และ Mercedes EQXX
จะอยู่ที่เรื่องของพละกำลังและการตอบสนองความเร้าใจ โดย Mercedes EQXX เป็นรถที่ออกแบบมาโดยเน้นระยะในการเดินทางที่ต้องทะลุ 1,000 กม. ต่อชาร์จ จากแพคแบตเตอรี่ขนาดราว 100 kWh นั่นจึงทำให้ Mercedes EQXX ไม่ใช่รถที่มีกำลังสูงมากนัก (201 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง) ซึ่งเป็นระดับพลังงานที่ยังคงห่างไกลความเป็น AMG Car แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อช่วงปลายปีก่อน ทางค่ายได้ปล่อย EV ตัวแรงอย่าง Mercedes-AMG EQS 53 4MATIC+ ออกมา แม้ว่าจะเป็นรถซีดานที่มีขนาดใหญ่ แต่ตัวแรงพลังมอเตอร์คันนี้ กลับลากน้ำหนักกว่า 2.6 ตัน ให้ทะยานจากจุดหยุดนิ่ง ถึงที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ได้เพียง 3.4 วินาที (แบตเตอรี่ 107.8 kWh วิ่งได้ไกล 526-580 กม.) ซึ่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า Powertrain ชุดนี้ จะถูกนำมาประจำการใน Mercedes Vision AMG Concept ด้วย
มีความเป็นไปได้สูงว่า Mercedes Vision AMG Concept จะมาในแนวทางเดียวกับ Mercedes EQXX การพัฒนาแบตเตอรี่แพคใหม่ที่มีขนาดความจุใกล้เคียงกัน แต่มีขนาดที่เล็กและน้ำหนักที่เบากว่าแบตเตอรี่แพคใน Mercedes-AMG EQS 53 4MATIC+ เพื่อปูทิศทางการทำตลาด Sport EV ในอนาคต โดย Mercedes Vision AMG Concept มีแพลนจะเผยโฉมอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ส่วนเวอร์ชั่นขายจริง…คาดว่าในปี 2025 คงได้เจอกัน