ในช่วงปลายปีก่อนค่าย Mercedes-Benz ได้ปล่อยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV Car เต็มรูปแบบรุ่นแรกของค่ายในชื่อ Mercedes-EQS โดยชูจุดเด่นในเรื่องของบอดี้สไตล์ ความหรูหรา ฟังค์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย รวมถึงระยะทางการวิ่งที่ทำได้ไกลถึง 770 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งถือว่าการมาของ Mercedes-EQS อยู่ในจุดสูงสุดในความเป็น EV Sedan ระดับพรีเมี่ยมก็คงจะไม่ผิด แต่นั่นอาจไม่ใช่ทั้งหมด โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน ดังนั้นจึงเป็นที่มาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของค่ายอย่าง Mercedes-EQS SUV ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า EV King of Class และเพื่อเป็นเค่รื่องยืนยันว่าคำพุดนี้ไม่เกินจริง…นี่คือ 10 ไฮไลท์ ที่มาของความเป็นที่สุดใน Mercedes-EQS SUV
MERCEDES EQXX ทำได้ ! ชาร์จเพียงครั้ง…วิ่งจริงในยุโรปทะลุ 1,000 กม. #ไฟยังเหลือ
1.แพลตฟอร์ม EVA
เช่นเดียวกับในรุ่นซีดาน Mercedes-EQS SUV เป็นหนึ่งในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากค่ายดาวสามแฉกที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม EVA (Electric Vehicle Architecture) ซึ่งทางค่าย ออกแบบมาใช้สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ นั่นจึงทำให้การจัดวางองประกอบต่างๆ สามารถทำได้อย่างอิสระ และยังสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยก่อนหน้านี้ทางค่ายเคยนำแพลตฟอร์มนี้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาซีดานสายซิ่งอย่าง Mercedes-EQE มาแล้ว
2.ขนาดตัวถังระดับ King of Class
Mercedes-EQS SUV มาในขนาดความกว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 1,959 x 5,125 x 1,718 มม. ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง BMW iX จะเป็นรองเรื่องความกว้างอยู่เพียง 8 มม. เท่านั้น แต่สิ่งที่ Mercedes-EQS SUV ทำได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน คือ การวางระยะฐานล้อที่ 3,210 มม. ซึ่งถือว่ายาวกว่าถึง 210 มม. เลยทีเดียว นั่นจึงส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารนั้นสามารถจัดวางองประกอบต่างๆ ได้อย่างอิสระมากกว่า
3.สัมประสิทธิ์แรงเสียดทางต่ำยังคงเป็นจุดขาย
แม้ว่าเรื่องความลู่ลมของ Mercedes-EQS SUV จะยังเป็นรองเวอร์ชั่นซีดานที่ทำได้ถึง 0.20 จนสามารถครองตำแหน่งรถในระดับโปรดักชั่นที่มีค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทางที่ดีเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก แต่แน่นอนว่า EQ ก็คือ EQ โดย Mercedes-EQS SUV ยังคงยึดหลักที่ดีงามเอาไว้แบบไม่ขาดตก ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายที่เน้นความเรียบง่าย จับคู่กับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์พิเศษ (มีล้อขนาด 22 นิ้ว เป็นออพชั่นให้เลือก) นั่นจึงทำให้ EV SUV ผู้นี้…มีความพลิ้วไหวไม่แพ้รถคันไหนๆ อย่างแน่นอน
4.ทางเลือกที่หลากหลายใน 3 รุ่นย่อย
ไม่ต้องเถียงกันว่าสเป็คของ Mercedes-EQS SUV จะไม่ตอบโจทย์กับใคร เพราะงานนี้ทางค่ายจัดมาให้เลือกกันถึง 3 สเป็ค ไล่มาตั้งแต่รุ่น 450+ กำลัง 355 แรงม้า ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เน้นการใช้งานทั่วไปด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนอีก 2 สเป็ค ทั้ง 450 4Matic และ 580 4Matic โดยรุ่นหลังสุดนั้น ให้พลังในการขับเคลื่อนอย่างดุดันถึง 536 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดสูงสุดในระดับ 858 นิวตัน-เมตร เลยทีเดียว
5.แนวทางชัดเจน…พัฒนารถ EV ที่มีฟีลลิ่งเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาป
ความน่าสนใจของรถในตระกูล EQS คือ แม้ว่าตัวรถจะถูกพัฒนามาให้เป็นรถยนตืพลังงานไฟฟ้า 100% แต่คาแร็กเตอร์ที่แสดงออกมานั้น มีความชัดเจนว่า ทางค่ายยังคงต้องการรักษาฟีลลิ่งการขับขี่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับการตอบสนองของเครื่องยนต์สันดาปไว้ เพื่อให้ผู้ขับขี่ ได้สัมผัสถึงการตอบสนองที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Mercedes-EQS SUV วางอัตราการตอบสนองของแต่ละรุ่นย่อยไว้ต่างกัน เช่น ในรุ่น 450+ และรุ่น 450 4Matic แม้จะมีกำลังเท่ากัน แต่แรงบิดนั้นต่างกันถึง 232 นิวตัน-เมตร ตามรูปแบบและระบบขับเคลื่อนที่ใช้
6.ระยะทางการขับขี่ที่ดีระดับ The King
Mercedes-EQS ได้ชื่อว่าเป็นรถที่ขับเคลื่อนได้ไกลที่สุดคันหนึ่งของโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยระยะที่เคลมไว้ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ที่ 770 กม. ในกรณีของ Mercedes-EQS SUV ก็เช่นกัน ในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 107.7 kWh สามารถรองรับการเดินทางได้ไกลถึง 660 กม. ต่อการชาร์จ (อัตราสิ้นเปลืองอยู่ระหว่าง 23.0 – 18.6 kWh/100 กม.) ส่วนในรุ่นที่มาในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระยะการเดืนทางสูงสุดจะต่ำลงมาเล็กน้อยที่ 613 กม./ชาร์จ ตามอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 24.0 – 20.0 kWh/100 กม.
7.ประสิทธิภาพและความเร็วในการชาร์จ
Mercedes-EQS SUV อาจไม่ใช้รถ EV ที่สามารถชาร์จไฟได้เร็วที่สุด แต่ด้วยประสิทธิภาพการรองรับแรงเคลื่อนไฟในระดับ 400 โวลต์ ก็เพียงพอที่จะทำให้รถอเนกประสงค์ร่างยักษ์คันนี้ รองรับการชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge ได้เร็วสุดถึง 200 kW ซึ่งช่วยเติมไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 31 นาที หรือหากเติมไฟเพื่อให้วิ่งได้ 250 กม. จะใช้เวลาเพียง 15 นาที เท่านั้น ส่วนการชาร์จไฟแบบปกติ Mercedes-EQS SUV รองรับไฟได้ทั้ง 11 kW (ชาร์จเต็มใน 10 ชม.) และ 22 kW (ชาร์จเต็มใน 5 ชม.) ซึ่งเป็นทางเลือกในออพชั่นเสริมจากโรงงาน
8.ที่สุดของระบบรองรับและช่วยเหลือการขับขี่
สมรรถนะการขับขี่ของ Mercedes-EQS SUV ถูกเติมความโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างแบบ AIRMATIC Air Suspension ที่ทำงานร่วมกับระบบ Adaptive Damping System และระบบ DYNAMIC SELECT ซึ่งสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Comfort, Sport, Eco และ Individual ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับค่าต่างๆ ทั้งการทำงานของช่วงล่าง พวงมาลัย รวมถึงการตอบสนองได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยเลี้ยวที่ล้อหลัง ที่สามารถหักเลี้ยวได้ถึง 10 องศา ส่งให้รัศมีวงเลี้ยวของ Mercedes-EQS SUV ทำได้แคบที่สุดเพียง 5.5 ม. เท่านั้น
9.ห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมรองรับการเดินทางสูงสุด 7 ที่นั่ง
อย่างที่ได้เกริ่นไปในข้างต้น Mercedes-EQS SUV เป็นรถอเนกประสงค์ที่วางระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3,210 มม. นั่นจึงทำให้สามารถจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้อย่างหลากหลาย งานนี้ทางค่ายจึงเลือกที่จะเติมความแตกต่างในการใช้งานด้วยชุดเบาะ 3 แถว แบบ 7 ที่นั่ง ที่พร้อมตอบโจทย์การเดินทางในรูปแบบครอบครัวได้อย่างสบายๆ โดยนอกจากจะสามารถโดยสารได้สูงสุดถึง 7 คนแล้ว ยังสามารถเดินทางพร้อมสัมภาระได้มากถึง 565 ลิตร และเพิ่มเป็น 2,020 ลิตร เมื่อพับเบาะ 2 ตอนหลัง
10.อัครมหาความบันเทิง ด้วย Dolby Atmos
ทุกคนรู้ดีว่าจุดเด่นหนึ่งของรถในตระกูล EQS ก็คือ อครมหาหน้าจอที่เรียกว่า HyperScreen ที่เป็นการนำหน้าจอขนาดใหญ่ 3 จอมาวางเรียงบนแผงคอนโซลหน้า ซึ่งใน ก็ยกเอกลักษณ์นั้นมาเช่นเดียวกัน แต่ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา คือ การติดตั้งหน้าจอแยกซ้าย – ขวา ขนาด 11.6 นิ้ว สำหรับผู้โดยสาร (พร้อม Tablet อีก 1 เครื่อง สำหรับควบคุมและสั่งการภายในรถแทนผู้ขับขี่) พร้อมกันนี้ยังรองรับความบันเทิงด้วยชุดเครื่องเสียง Burmaster ที่จัดเต็มด้วยระบบเสียงรอบทิศทางล่าสุด ที่นักเล่นเครื่องเสียงไฮเอนด์รู้จักกันในชื่อ Dolby Atmos ซึ่งเป็นการปล่อยเสียงเสมือนจริงจากทุกทิศทาง โดยอ้างอิงจากตำแหน่งของวัตถุที่กำลังรับชมนั่นเอง