Home » Mercedes-Benz GLS 2024 หรูหรา หลากหลาย ล้ำสมัยกว่าที่เคยมีมา !

Mercedes-Benz GLS 2024 หรูหรา หลากหลาย ล้ำสมัยกว่าที่เคยมีมา !

by Admin clubza.tv

หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ค่าย Mercedes-Benz ได้ฤกษ์เผยโฉม SUV ไซส์เล็ก GLA/GLB และชายกลางตระกูล GLE ในเวอร์ชั่น Face Lift ไปเป็นที่เรียบร้อย ในอีก 2 เดือนให้หลัง ก็เป็นคิวของพี่ใหญ่อย่าง Mercedes-Benz GLS ในเวอร์ชั่น MY 2024 แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะไม่ได้เป็นการพลิกโฉม แต่ก็ถือว่ามีรายละเอียดในหลายๆ จุดที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยยกระดับความโดดเด่นของ Mercedes-Benz GLS โฉม MY 2024 ขึ้นไปอีกขั้น

Mercedes-Benz GLS 2024

Mercedes-Benz GLS โฉม MY 2024 ได้รับการอัพเกรดภาพลักษณ์ ตั้งแต่ในด้านหน้าที่มีการออกแบบช่องรับลมออกเป็น 4 ชั้น จับคู่กับทริมการตกแต่งในสี Silver Shadow ที่ดูหรูหราในสไตล์เคร่งขรึม โดยดีไซน์ในภาพรวมนั้น เสมือนถอดแบบมาจากรุ่นน้องในตระกูล GLE ที่เผยโฉมไปก่อนหน้านี้ ส่วนในด้านท้าย มาพร้อมชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมสี Himalayas Grey ที่สามารถเลือกสั่งได้ นอกจากนี้ Mercedes-Benz GLS โฉม MY 2024 ยังมาพร้อมแพคเกจ Off-Road Engineering Package ที่ช่วยยกระดับความสูงจากพื้นอีก 30 มม. เพื่อให้สามารถลุยในเส้นทางทุรกันดารได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนๆ Mercedes-Benz ตัวยง ล้วนคาดหวังกับรุรุ่นใหม่ๆ ของแบรนด์ คงหนีไม่พ้นระบบปฏิบัติการณ์ MBUX โดยฟังค์ชั่นนี้ใน Mercedes-Benz GLS โฉม MY 2024 ได้รับการอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ต่างกันถึง 3 สไตล์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมการแสดงผลในรูปแบบ Off-Road Mode ที่สามารถแสดงรายละเอียดทั้งความชัน, องศาการเอียงในด้านข้าง รวมถึงองศามุมล้อ ด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ มาพร้อมระบบช่วยจอดที่ทำงานร่วมกับชุดเซ็นเซอร์และกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังค์ชั่นโปร่งใส ให้มุมมองเสมือนจริงที่พื้น อีกทั้งยังมาพร้องฟังค์ชั่นใหม่ Trailer Maneuvering Assist system เพื่อช่วยในการกะระยะเพื่อหลบหลีกของชุดพ่วงท้ายอีกด้วย

สำหรับ Mercedes-Benz GLS โฉม MY 2024 มาพร้อมขุมพลังให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งในรูปแบบเบ็นซินและดีเซล ซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละรุ่นเครื่องยนต์ ก็จะมีระดับของพละกำลังที่ต่างกันออกไป แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในทุกรุ่นเครื่องยนต์นั้น จะมาพร้อมกับชุดมอเตอร์ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์ ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนในระยะสั้นๆ อีก 20 แรงม้า พร้อมแรงบิด 200 นิวตัน-เมตร (สำหรับรุ่นรหัส 580 แรงบิดจะเพิ่มขึ้นอีก 250 นิวตัน-เมตร) แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือ การมาพร้อมรุ่นสมรรถนะสูง Mercedes-AMG GLS 63 4Matic+

Mercedes-AMG GLS 63 4Matic+

สิ่งที่แยกความแตกต่างในความเป็น Mercedes-AMG GLS 63 4Matic+ อย่างแรกก็คือ ชุดกระจังหน้าที่มีความดุดัน อันเป็นการวางช่องรับลมในแนวตั้งตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG รวมถึงชุดไฟ LED ด้านท้ายอันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ นอกจากนี้ Mercedes-AMG GLS 63 4Matic+ ยังมาพร้อมสีใหม่อีก 2 สี คือ Manufaktur Alpine Grey และ Sodalite Blue Metallic โดยรายละเอียดอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา ประกอบไปด้วย หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ชุดท่อไอเสียจาก AMG Performance, ชุดเครื่องเสียง Burmaster, เบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิพร้อมเมมโมรี่, ระบบช่วยจอด 360 องศา

นอกจากนี้ทาง Mercedes-AMG ยังใส่ระบบช่วยการทรงตัว ลดอาการโคลงของตัวรถ ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบ Air Matic ที่สามารถปรับค่าได้อย่างละเอียด เพื่อความสบายในการเดินทาง หรือสมรรถนะการขับขี่ขั้นสุด โดยขุมพลังของ Mercedes-AMG GLS 63 4Matic+ ยังคงเป็นบล็อค V8 Bi-Turbo พิกัด 4.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 612 แรงม้า พร้อมแรงบิดในระดับ 850 นิวตัน-เมตร (+ 22 แรงม้า และ 250 นิวตัน-เมตร จากมอเตอร์ Mild Hybrid)


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy