Mercedes-AMG One นับเป็นรถโปรดักชั่นที่แรงที่สุดในสังเวียน Nürburgring Nordschleife ยุคปัจจุบัน โดยเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2022 อสุสกายร่างจำแลงตัวแข่ง Formula 1 อย่าง Mercedes-AMG One เคยตอกเวลาต่อรอบในระยะทาง 20.8 กม. เอาไว้ที่ 6:35.183 นาที ให้หลังไม่ถึง 2 ปี…สถิติดังกล่าว กลับถูกทำลายอีกครั้งด้วยน้ำมือของตัวเองแบบสุดเซอร์ไพรซ์
การทำลายสติติเวลาต่อรอบใน Nurburgring ของ Mercedes-AMG One ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่รถในรูปแบบโปรดักชั่น สามารถทลายกำแพงเวลาใน Green Hell ให้ต่ำกว่า 6 นาที 30 วินาที ได้สำเร็จ โดยตัวเลขที่ Mercedes-AMG One สามารถทำได้ในครั้งนี้ คือ 6:29.090 นาที ซึ่งเร็วกว่าสถิติเดิมถึง 5 วินาที !!! อันเป็นผลงานการขับโดย Maro Engel ยอดนักขับในเวทีการแข่งขัน DTM คนเดียวกับที่ขับรถสอบและทำสถิติเป็นเบอร์ 1 ที่ The Ring ในครั้งก่อนนั่นเอง
การวิ่งบันทึกสถิติเวลาตอรอบของ Mercedes-AMG One ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 18.56 น. ซึ่งสภาพอากาศในสนาม Nurburgring ณ เวลานั้น อยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส ในสภาพพื้นผิวที่แห้งสนิท และมีอุณหภูมิแทร็คอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส ซึ่งหลังจากการบันทึกสถิติเป็นที่เรียบร้อย Engel กล่าวว่า “การทดสอบของเขากับรถ Mercedes-AMG One ในครั้งแรกเมื่อปลายปี 2022 นั้น ไม่ได้อยู่ในคอนดิชั่นที่สมบูรณ์แบบเท่ากับกับการทดสอบในครั้งนี้ เนื่องจากแทร็ก Nürburgring Nordschleife ยังมีความชื้นอยู่เล็กน้อย ทำให้ตัวรถไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในการทุบสถิติครั้งนี้…ต้องขอบคุณทีมงานทุกคน สำหรับความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างถึงที่สุด”
สำหรับรถ Mercedes-AMG One ที่ใช้ในการทดสอบ ถูกเซ็ตค่าแคมเบอร์ให้ – มากที่สุดตามที่สเป็คสแตนดาร์ด (สำหรับการส่งมอบ) ระบุไว้ โดยผู้ขับขี่เลือกขับในโหมด Race Plus ที่ให้การตอบสนองในลักษณะใกล้เคียงการแข่งขันมากที่สุด ตัวรถจะลดความสูงในด้านหน้าลง 37 มม. และลดความสูงในด้านหลัง 30 มม. และเมื่อทำงาน ซึ่งเมื่อรวมกับเซ็ต Active Aerodynamic จับคู่กับยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 R MO ที่พัฒนามาสำหรับ Mercedes-AMG One โดยเฉพาะ จะช่วยส่งให้ตัวรถกับขุมพลังในพิกัด 1.6 ลิตร เทอร์โบ พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้กำลัง 1,063 แรงม้า สามารถวิ่งแหวกอากาศตลอด 20.8 กม. กับอีก 73 โค้ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกันนี้ Engel เลือกที่จะเปิดใช้งาน Drag Reduction System หรือ DRS ในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้ตัวรถสามารถบาลานซ์ระหว่างความเร็ว และแรงยึดเกาะในการเข้าโค้งได้ในระดับสูงสุด