Home » Mercedes-AMG C63 S E Performance พ่อบ้านสมรรถนะคับซอย ขุมพลัง 2.0 ลิตร ที่แรงที่สุดในโลก !

Mercedes-AMG C63 S E Performance พ่อบ้านสมรรถนะคับซอย ขุมพลัง 2.0 ลิตร ที่แรงที่สุดในโลก !

by Admin clubza.tv
Mercedes-AMG C63 S E Performance

Mercedes-AMG C63 S E Performance เปิดตัวครั้งแรกในโลกอย่างเรียบง่าย โดยมาใน 2 รูปแบบตัวถัง นั่นคือ ในแบบซีดาน และเอสเตท แวกอน ถือเป็นรถตระกูลเรงเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่มีการปรับรูปแบบเครื่องยนต์ จากเดิมที่เคยใช้ขุมพลังในรูปแบบ V8 Bi-Turbo พิกัด 4.0 ลิตร ให้กำลังราว 5xx แรงม้า แต่กลับมาคราวนี้เครื่องยนต์กลับถูกหั่นเหลือเพียงครึ่งในรูปแบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ในรหัส M139L (ประกอบแบบ One Man One Engine และ L คือ การวางตามยาว) ซึ่งว่ากันว่า เป็นเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีเมื่อเทียบกับขุมพลังในพิกัดเดียวกัน โดยให้กำลังมากถึง 238 แรงม้า ต่อลิตร (รวม 476 แรงม้า กับแรงบิด 545 นิวตัน-เมตร) เคล็ดไม่ลับอยู่ที่การใช้เทอร์โบไฟฟ้า E-Turbo ที่ทาง Mercedes-AMG พัฒนาร่วมกับ Garrett

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ Mercedes-AMG C63 S E Performance ยังเป็นเสมือนการรวมสุดยอดเทคโนโลยีจากตัวแข่ง Formula 1 ซึ่งประกอบไปด้วยด้วยเทคโนโลยี High Performance Powertrains (HPP) หรือการขับเคลื่อนในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดขั้นสูง ซึ่งทำงานร่วมกับ AMG high-performance battery (HPB) หรือแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพการจ่ายพลังงานในระดับสูงสุดภายใต้ขนาดที่จำกัดและน้ำหนักที่เบานั่นเอง

Mercedes-AMG C63 S E Performance

อาจดูเหมือนเป็นเรื่องใหม่ แต่อันที่จริงแล้ว รูปแบบและแนวคิดของระบบส่งกำลังที่ Mercedes-AMG C63 S E Performance ใช้ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Mercedes-AMG GT63 S E Performance ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนปีก่อน อันเป็นเสมือนยุคบุกเบิกแห่งการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคของปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูงแบบเต็มตัว หลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวสร้างตำนานมากว่า 55 ปี สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ การปรับไซส์ของเครื่องยนต์จากบล้อค V8 Bi-Turbo 4.0 ลิตร มาเป็น 4 สูบ เทอร์โบไฟฟ้า 2.0 ลิตร แบบที่เราได้เห็นอยู่นี้  ซึ่งสามารถปลดปล่อยพละกำลังได้ในระดับที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ที่เราคุ้นเคยในรถตระกูล 63 โดยหากนับรวมทั้งระบบ Mercedes-AMG C63 S E Performance ให้กำลังรวมอยู่ที่ 680 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดในระดับ 1,020 นิวตัน-เมตร ซึ่งนอกจากเครื่องยนต์ที่ใช้สร้างพละกำลังแล้ว ตัวรถยังมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 204 แรงม้า ติดตั้งไว้ที่ล้อขับเคลื่อนคคู่หลัง ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G (คลัทช์หลายแผ่นซ้อนแช่ในน้ำมัน) สู่ระบบขับเคลื่อน 4MATIC+ ที่ช่วยกระจายการส่งถ่ายกำลังอย่างเหมาะสม พร้อม Drift Mode ให้ผู้ขับขี่สามารถออกลีลาการคอนโทรลรถ Mercedes-AMG C63 S E Performance ได้อย่างเร้าใจมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์รหัส M139L เจ้าของสถิติ “สี่สูบ สอองพันโบ” ที่แรงที่สุดในโลก

E Turbo ตัวช่วยยุคใหม่ของค่าย Mercedes-AMG

ที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นว่า ค่าย Mercedes-AMG มีการนำเทอร์โบไฟฟ้ามาใช้ โดยเริ่มตั้งแต่ Mercedes-AMG SL43  และ C43 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี แม้ว่าจะใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกัน และใช้เทอร์โบไฟฟ้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่้างกันอย่างชัดเจน คือ ขนาดและประสิทธิภาพของชุดเทอร์โบไฟฟ้าที่เลือกใช้ โดยใน Mercedes-AMG C63 S E Performance มาพร้อมเทอร์โบที่มีขนาดใหญ่กว่า  อีกทั้งยังได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพของชุดควบคุมการหมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (ตัวมอเตอร์มีขนาดเพียง 4 ซม.) โดยมาพร้อมแรงเคลื่อนไฟฟ้าในระดับ 400 โวลต์ (สำหรับ Mercedes-AMG C43 ใช้แรงเคลื่อนไฟสำหรับชุดเทอร์โบไฟฟ้าเพียง 48 โวลต์) ซึ่งช่วยสร้างอัตราการบูสต์ได้อย่างรวดเร็ว (ช่วยปั่นแกนเทอร์โบก่อนที่ไอเสียจะเพียงพอสำหรับการปั่นในรอบสูง) และทำลมได้มากกว่า (รอบการหมุนสูงสุด 150,000 รอบ/นาที) ซึ่งส่งผลต่อการสร้างแรงม้าของเครื่องยนต์ได้ในระดับกว่า 470 ตัว ด้วยการผลสานการทำงานกับระบบการจ่ายเชื้อเพลิงตรงสู่ห้องเผาไหม้ด้วยแรงดันในระดับ 160 บาร์

มอเตอร์ซิงโครนัส กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ช่วยขับเคลื่อนที่ล้อหลัง

แบตเตอรี่ลิเธียม เทคโนโลยี F1 เน้นการรักษาอุณหภูมิเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง

ระบบปลั๊กอินไฮบริดและมอเตอร์ซิงโครนัสของ Mercedes-AMG C63 S E Performance เป็นตัวช่วยเพิ่มกำลังที่ล้อคู่หลัง ปล่อยกำลังต่อเนื่อง 95 แรงม้า (และพีคได้ถึง 204 แรงม้า…ในเวลา 10 วินาที สำหรับการกดคันเร่งแต่ละครั้ง) เป็นมอเตอร์แบบ 2 สปีด (เกียร์แรกที่ความเร็วต่ำกว่า 140 กม./ชม. เกียร์ 2 ที่ความเร็วหลังจากนั้น) หมุนด้วยรอบสูงสุด 13,500 รอบ/นาที โดยมีลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยไฟฟ้ามาเป็นตัวสร้างความเร้าใจ มอเตอร์เซ้ตนี้จับคู่แบตเตอรี่ขนาด 6.1 kWh (มีน้ำหนักเพียง 89 กก.) มาพร้อมแรงเคลื่อนไฟระดับ 400 โวลต์ รองรับความเร็วในการชาร์จ 3.7 kW เมื่อชาร์จเต็มสามารถวิ่งด้วย EV Mode ได้ราว 13 กม. (เน้นมี…ไม่เน้นใช้ ส่วนใหญ่ คือ เน้นเพื่อการใช้งานในเมืองที่มลพิษเข้มงวด หรือไม่ต้องการให้เสียงของเครื่องยนต์รบกวนเพื่อนข้างบ่นยามเช้า) ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ จะใช้ของเหลวที่ไม่นำไฟฟ้าถึง 14 ลิตร ไหลผ่านเซลแบตฯ 560 เซล จากบนลงล่าง เพื่อควบคุมอุณหภูมิอย่างมีเสถียภาพ โดยจะรักษาอุณหภูมิการทำงานเอาไว้ที่ 45 องศา ทั้งสำหรับการวิ่ง และการชาร์จไฟ

เห็นซิ่งๆ แบบนี้ Mercedes-AMG C63 S E Performance มาพร้อมฟังค์ชั่นพิเศษเพียบ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง โดยสามารถหักกเลี้ยวได้ 2.5 องศา (ในทิศทางตรงข้ามการเลี้ยวที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่) ถ้าความเร็วเกินนั้นจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันที่ 0.7 องศา ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและเสถียรภาพในทุกการเคลื่อนไหว ส่วนโหมดการขับขี่ มีให้เลือกกันจนตาลายถึง 8 โหมด ตั้งแต่ Electric, Comfort, Battery Hold, Sport, Sport+, RACE, Slippery และ Individua รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ตั้งแต่เน้นสบาย ยันสวมวิญญาณ George Russell เอาลงไปหวดในแทร็กเหมือนในคลิปเปิดตัว ส่วนระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL รองรับการทำงานใน 3 รูปแบบ (ถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก Mercedes-AMG GT Black Series) ตั้งแต่ Comfort, Sport และ Sport+ ด้านระบบเบรกในคู่หน้ามาพร้อมคาลิเปอร์ 6 POT จับคู่จานขนาดใหญ่ โดยมีออพชั่นจานคาร์บอนเซรามิคมาให้เป็นตัวเลือก

จัดเต็มทุกการเคลื่อนไหวด้วย 8 โหมด การขับขี่ พร้อมระบบช่วยเลี้ยวด้วยล้อคู่หลัง

Mercedes-AMG C63 S E Performance

สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. (280 กม./ชม. ออพชั่น  AMG Driver’s Package) มาพร้อมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 6.9 ลิตร/100 กม. หรือราว 14.5 กม./ลิตร ส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้า มีอัตราการกินไฟเฉลี่ย 11.7 kWh/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 156 กรัม/กม. ซึ่งถือเป็นระดับการใช้พลังงานร่วมถึงการปล่อยเชื้อเพลิงในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับความเป็นรถในระดับ Hi Performance

ล้อ 20 นิ้ว เป็นออพชั่นเสริม เช่นเดียวกับจานเบรกคาร์บอนเซรามิค

ครั้งแรกที่โลโก้ “ดาวสามแฉก” หายไป !

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่รถจากค่าย Mercedes-AMG มีการนำโลโก้ของ AMG

มาใช้แทนที่เครื่องหมายการค้าดาวสามแฉกในตำแหน่งหน้ารถ นอกจากนี้ Mercedes-AMG C63 S E Performance ยังได้รับการอัพเกรดพื้นฐานโครงสร้างด้วยการยืดตัวถังส่วนหน้าให้ยาวขึ้นอีก 50 มม. (ในรุ่นแวกอน ยาวกว่าตัวปกติถึง 83 มม.) รวมถึงขยายปีกหน้าให้กว้างขึ้นเพื่อดักลมกดหน้ารถให้นิ่งยามที่วิ่งด้วยความเร็วสูง และด้วยระยะของช่อวงล้อซ้าย – ขวา ที่มากขึ้น ทำให้ตัวรถ Mercedes-AMG C63 S E Performance มีความกว้างเพิ่มขึ้นจาก C-Class ถึง 76 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 10 มม. ช่วยส่งให้ลุคโดยรวมของตัวรถ มีความน่าเกรงขามาากขึ้น พร้อมแต่งแต้มด้วยองประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าที่วางในแนวตั้งซึ่งมาพร้อมฟังค์ชั่นพิเศษ สามารถปรับทิศทางการไหลของลมผ่านชุดควบคุมอิเล็คทรอนิคส์, ลิ้นหน้าที่ออกแบบส่วนปลายให้คล้ายกับปีกของเครื่องบิน, ครีบข้างที่มาพร้อมตัวอักษร Turbo E Performance, ชุดสเกิร์ตที่ออกแบบมาให้ยาวรับกับชิ้นส่วนด้านท้าย ซึ่งรวมถึงดิฟฟิวเซอร์และปลายท่อไอเสีย โดย Mercedes-AMG C63 S E Performance มาพร้อมล้อสแตนดาร์ดขนาด 19 นิ้ว ซึ่งผู้ครอบครองสามารถเลือกล้อ 20 นิ้ว แบบฟอร์จ ที่มาเป็นออพชั่น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแพคเกจตกแต่ง AMG Carbon Fibre packages I และ II รวมถึง AMG Night packages I และ II หรือ AMG Aerodynamics Package ได้เช่นกัน

ชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง วิ่งได้ 13 กม. เน้นความเร็วเมื่อเรียกใช้ ไม่เน้นระยะทาง

Mercedes-AMG C63 S E Performance

มาพร้อมกลิ่นอายการตกแต่งห้องโดยสารที่เน้นอารมณ์สปอร์ตเป็นสำคัญ เช่น การใช้เบาะนั่งในลักษณะกึ่ง Bucket Seat หุ้มด้วยหนัง Nappa ซึ่งผู้ครอบครองสามารถสั่งคัสตอมได้ตามต้องการ โดยแม้ว่าจะเป็นรถทีเน้นสมรรถนะการขับขี่เป็นหลัก แต่ Mercedes-AMG C63 S E Performance ก็ยังคงไว้ซึ่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งระบบการเชื่อมต่อความบันเทิงและช่วยเหลือผู้ขับขี่ MBUX ทำงานร่วมกับชุดจอกลางวางในแนวตั้ง เช่นเดียวกับชุดหน้าปัดที่สามารถเลือกแสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการแสดงผลในธีม AMG และสามารถแสดงข้อมูลเพิ่มเติมได้บน Head-up display บริเวณพวงมาลัย นอกจากจะใช้ควบคุมรถแล้ว ยังเป็นที่อยู่ของปุ่มปรับโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT drive ที่มีให้เลือกถึง 8 รูปแบบ รวมถึงปุ่ม AMG TRACK PACE ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ความเร็ว, การใช้คันเร่ง, องศาการเลี้ยว, แรงที่ใช้ในการเบรก ในความละเอียดถึง 10 ครั้ง ต่อวินาที รวมถึงบันทึกเวลาต่อรอบ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์สไตล์การขับขี่อีกด้วย


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy