ในขณะที่แบรนด์รถยนต์หลายๆ ค่ายกำลังพยายามเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการพัฒนากันอย่างเข้มข้น ทั้งกับรถในรูปแบบไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด หรือแม้แต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ค่ายอินดี้อย่าง Mazda กลับสวนกระแสทำในสิ่งตรงข้าม โดยการประกาศว่ายังคงจะมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลักเช่นเดิม ซึ่งการออกมาประกาศดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจที่ถูกจับตามองอย่างมาก
สิ่งที่ทางค่าย Mazda เผยข้อมูลออกมาล่าสุดก็คือ ณ เวลานี้ทางค่ายกำลังมุ่งมั่นกับการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลังแบบล่าสุด ซึ่งสามารถรองรับเครื่องยนตืได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเบ็นซิน 6 สูบแถวเรียง รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล และยังคงเป็นผู้ผลิตแบรนด์ท้ายๆ ที่มีความชัดเจนในตัวเอง ด้วยการผลิตเครื่องยนต์สมรรถนะสูงแบบไร้ซึ่งระบบอัดอากาศ แม้ว่าจะถูกกระแสรอบข้างกดดันออย่างหนัก ด้วยปัญหาด้านมลพิษ รวมถึงข้อกฎหมายหลายๆ ประเทศ
ความชัดเจนของ Mazda ในครั้งนี้ หมายความว่า Mazda MX-5 สปอร์ตโร๊ดสเตอร์อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นรถที่ขับสนุก เร้าใจของพวกเขา…ยังจะได้ไปต่อ ด้วยแนวความคิดการออกแบบในสไตล์ดั้งเดิม ซึ่งรวมไปถึงการใช้รถบบขับเคลื่อนที่ล้อหลัง ซึ่งรับพลังมาจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดย Mazda MX-5 จะถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และไม่นำไปพัฒนาร่วมกับรถในรูปแบบ SUV ที่กำลังได้รับความนิยม ณ ปัจจุบัน เนื่องจากอาจจะทำให้เสียฟีลลิ่งและความชัดเจนในสไตล์โร๊ดสเตอร์ระดับตำนาน แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุช่วงเวลาการทำตลาดของ Mazda MX-5 เจนเนอเรชั่นต่อไป ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เนื่องจาก Mazda MX-5 ในโฉม ND ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และคาดว่าจะลากอายุโมเดลนี้ได้นานกว่า 10 ปี ซึ่งอาจจะหมายความว่า Mazda MX-5 ในโฉม NE จะไม่ออกมาก่อนปี 2024
แต่อย่างไรแล้ว…ในท้ายที่สุด เมื่อไม่สามารถต้านความร้อนแรงของมอเตอร์ไหว ตามแพลนที่ทางค่ายออพมาประกาศก่อนหน้านี้ ว่ารถทุกรุ่นจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าภายในปี 2030 อาจมีการปรับรูปแบบของ Mazda MX-5 เสียใหม่ แต่แน่นอนว่าจะไม่ใช่การกลายร่างเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดที่มีน้ำหนักมาก อันจะส่งผลต่อฟีลลิ่งในการขับขี่ มากที่สุด Mazda MX-5 คงเป็นได้แค่รถ Full Hybrid หรือ Mild Hybrid ที่มีมอเตอร์ขนาด 48 โวลต์ มาช่วยเสริมกำลังการขับเคลื่อนเท่านั้น