Home » Mazda CX-60 ส่อง 5 จุดเด่น C-Segment ปลั๊กอินไฮบริด…ทำไมรุ่นนี้กระแสดีในยุโรป ?

Mazda CX-60 ส่อง 5 จุดเด่น C-Segment ปลั๊กอินไฮบริด…ทำไมรุ่นนี้กระแสดีในยุโรป ?

by Admin clubza.tv
Mazda CX-60

Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ถือว่าเป็นรถในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกจากค่าย Mazda ซึ่งสะท้อนให้เห็นทิศทางในการพัฒนาที่นอกจะยังมาแบบอนุรักษ์นิยม ด้วยการประกาศว่า Mazda จะยังคงการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปไว้ โดยเฉพาะกับสปอร์ตโร๊ดสเตอร์ระดับตำนานอย่าง Mazda MX-5 โดยจะทำตลาดควบคู่ไปกับการใช้ขุมพลังรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ Rotary ในบทบาท Range Extender ใน Mazda MX-30 ส่วนสำหรับรถรุ่นแรกในตระกูลปลั๊กอินไฮบริดนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ Mazda ที่มีจุดเด่นมากมาย และนี่คือ 5 ไฮไลท์ ใน Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ที่คุณต้องรู้ !

Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่าย

แพลตฟอร์มล่าสุดที่มีขนาดใหญ่

การมาของ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ยังคงเป็นรถที่ถูกจับตามอง ด้วยกลิ่นอายการพัฒนาในแบบฉบับความเป็น Kodo Design แต่หากเทียบกับรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น Mazda CX-3 หรือ CX-5 ถือว่ามีดีไซน์ที่เฉียบคมกว่ามาก (เช่นเดียวกับในกรณีของ Mazda CX-30) ด้วยการออกแบบเส้นสันของฝากระโปรงหน้าให้ยื่นยาวมาทางด้านหน้าเล็กน้อย จับคู่กับเส้นสายของกระจังที่มาในรูปแบบตะแกรงแทนเส้นตามขวาง ประกบกับชุดไฟหน้า LED Matrix วางในแนวตั้ง ซึ่งนอกจากจะมีภาพลักษณ์ที่ดึงดูดใจแล้ว Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ยังมีจุดเด่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พื้นฐานแพลตฟอร์มใหม่ กับขุมพลังที่วางตามแนวยาว Base On ขับเคลื่อนลที่ล้อหลัง โดยรถรุ่นนี้ ไม่ใช่แค่ใช้แพลตฟอร์มที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการรองรับระบบการขับเคลื่อนในรูปแบบ Plug In Hybrid โดยมึความกว้าง 1,889 มม. ความยาว 4,724 มม. ความสูง 1,676 มม. และระยะฐานล้อ 2,870 มม.

ขุมพลัง Skyactiv G 2.5 ลิตร วางตามยาว จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 323 แรงม้า 500 นิวตัน-เมตร

ชาร์จไฟเต็ม…วิ่งได้ไกล 63 กม. และทำความเร็วสูงสุดใน EV Mode ได้ 140 กม./ชม.

การเป็นรถ Mazda ที่ทรงพลังที่สุด ณ ปัจจุบัน

Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ใช้การจับคู่ขุมพลังระหว่างเครื่องยนต์เบ็นซิน Skyactiv G แบบ 4 สูบ 2.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 189 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 175 แรงม้า ให้กำลังขับเคลื่อนรวมทั้งระบบ 323 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร (นั่นทำให้ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV นอกจากจะเป็นรถปลัีกอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์แล้ว ยังเป็นรถที่มีกำลังสูงสุดเท่าที่ Mazda เคยทำมาอีกด้วย) ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไออนขนาด 17.8  kWh และรองรับแรงเคลื่อนไฟ 355 โวลต์ (วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสุด 63 กม. ต่อชาร์จ และทำความเร็วสูงสุดใน EV Mode ที่ 140 กม./ชม.) โดย Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV มาพร้อมระบบส่งกำลัง 8 สปีด จับคู่ระบบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-Activ AWD ที่สามารถกระจายกำลังการขับเคลื่อนได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลช่วยพาตัวถังของ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ที่ 2,041 กก. ให้ทะยานจากจุดหยุดนิ่ง ถึงที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่าที่ Mazda MX-5 หรือรถสปอร์ตในงบ 3 ล้านบาท หลายๆ คัน ทำได้ ส่วนความเร็วสูงสุดของ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ถูกจำกัดไว้ที่ 200 กม./ชม. ในโหมดไฮบริด

ฟีลลิ่งการขับขี่ ยังคงเป็นจุดเด่นใน Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV

การบังคับควบคุมที่ให้ผู้ขับขี่ได้มีส่วนร่วม

สิ่งหนึ่งที่ Mazda ยังคงรักษามาตรฐานได้ดี คงหนีไม่พ้นเรื่องฟีลลิ่งในการขับขี่ แม้ว่าจะยังมีบางอย่างที่ดูจะยังไม่ลงตัวกับรถทดสอบที่เป็น “รถทดลองประกอบ” เช่น มีเสียงดังในช่วงต่อเกียร์จาก 1 ไป 2 รวมถึงเสียงการทำงานของชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนไปบ้าง แต่สิ่งที่น่าประทับใจใน Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ยังคงมีอยู่ไม่น้อย เช่น เสียงของเครื่องยนต์ที่ดูทรงพลัง เร้าอารมณ์ในการขับขี่ รวมถึงฟีลลลิ่งของช่วงล่างที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ Mazda เอาไว้อย่างยอดเยี่ยม การทรงตัว การบังคับเลี้ยวในรูปแบบต่างๆ ให้เสถียรภาพและสมดุลย์ระหว่างความนุ่มนวลในการใช้งาน และความเฉียบคมในขณะเข้าโค้ง ส่วนหนึ่งคงต้องยกให้กับระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่ผผสานการทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ซึ่ง Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV มาพร้อมระบบ Kinematic Posture Control ที่ได้รับอานิสงส์มาจาก Mazda MX-5 ทำงานร่วมกับกับระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิ้งค์ รวมถึงการออกแบบแพลตฟอร์มให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ที่ช่วยลดอาการโคลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น…ความสนุกในการขับขี่ดังกล่าว อยู่บนพื้นฐานความเป็นรถ SUV ขนาดกลาง หรือทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ระบบตัวช่วยเยอะ เติมความมั่นใจได้หลายขุม

สำหรับรถในยุค 2022 การมาพร้อม “ตัวช่วย” ในระบบต่างๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับที่ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV จัดมาให้แบบครบๆ ไล่มาตั้งแต่ กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา ที่มีความละเอียดสูง พร้อมระบบช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ความเร็วต่ำ นอกจากนี้ยังมีระบบ Hill Descent Assistant ที่ช่วยให้การลงทางชันทำได้อย่างปลอดภัย, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังค์ชั่นอ่านป้ายจราจร เช่นเดียวกับระบบควบคุมทิศทางตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ที่ทำงานต่อเนื่องจนถึงความเร็วสูงสุดที่ 150 กม./ชม. นอกจากนี้ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ยังออกแบบให้นั่งโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยฐานล้อที่มีความยาวถึง 2,870 มม. และมีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายได้ถึง 570 ลิตร (เพิ่มเป็น 1,726 ลิตร เมื่อพับเบาะ) และรองรับการลากจูงได้ถึง 2.5 ตัน

องค์ประกอบต่างๆ ที่กำหนดได้เอง

Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV มาพร้อมระบบที่เรียกว่า Driver Personalization System ซึ่งจะช่วยจดจำโปรไฟล์ของผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับเบาะและระยะพวงมาลัยตามความสูง (เช่นเดียวกับการตั้งค่าของระบบเสียงและเครื่องปรับอากาศ) การเลือกใช้รถบบความปลอดภัยและตัวช่วยต่างๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเลือกผู้ขับขี่ที่ตั้งค่าไว้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายเล็กน้อย คือ หน้าจออินโฟเมทนเม้นท์ขนาด 12.3 นิ้ว ไม่รองรับการใช้งานด้วยระบบสัมผัส แต่หากต้องใช้งานร่วมกับปุ่มควบคุม Multi Commander ส่วนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี และให้มุมมองที่หลากหลายในการใช้งาน โดยราคาของ Mazda CX-60 e-Skyactiv PHEV ในยุโรป เริ่มต้นตั้งแต่ 47,390 – 52,890 ยูโร (ประมาณ 1.71 – 1.90 ล้านบาท)


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy