เลกซัส ES ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 7 คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอก ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว สมรรถนะการขับขี่อันสมบูรณ์แบบ จากสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นล่าสุด ทั้งยังมั่นใจตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจนเนอเรชั่นที่ 2 แต่คงไว้ซึ่งความประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ควบคู่กับความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส ES
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เลกซัส ES ใหม่ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สะท้อนความมุ่งมั่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน และถือเป็นโอกาสสำคัญของเลกซัสในการสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งให้คุณค่ากับการออกแบบ และหลงใหลในสมรรถนะการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเลกซัส ES ใหม่คือ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มองหาความแตกต่างและประสบการณ์การดูแลลูกค้าสุดเอกซ์คลูซีฟตามแบบฉบับเลกซัส
เส้นสายของตัวรถเลกซัส ES จากหลังคาที่ลากมาบรรจบบริเวณช่วงท้ายของตัวรถ สร้างสัดส่วนที่สมดุล และทำให้ตัวรถดูกว้างและราบต่ำ การออกแบบด้านหน้ารถที่เฉียบคม และด้านข้างที่มีมิติ ทำให้เลกซัส ES ดูทรงพลัง เชิญชวนให้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ
ห้องโดยสารออกแบบเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆ โดยคำนึงถึงผู้ขับขี่ เป็นศูนย์กลาง ทำให้ทุกการควบคุมเป็นเรื่องง่าย โดยมิต้องเปลี่ยนอิริยาบถหรือละสายตาจากท้องถนน ขณะขับขี่ มอบมิติใหม่แห่งสุนทรียะแห่งการขับขี่อันเงียบสงบและผ่อนคลาย
มาตรวัด/จอแสดงผล EMV หน้าจอ EMV ขนาด 12.3 นิ้ว* จะแสดงผลการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ระบบเสียง และข้อมูลอื่นๆ และจะแสดงข้อมูล ตามฟังก์ชันที่เลือกร่วมกันกับจอแสดงผลออพติตรอนแบบ TFT (Thin Film Transistor) ขนาด 7 นิ้ว รวมทั้งวางตำแหน่งของปุ่มควบคุมต่างๆ ให้อยู่ในระยะที่สั่งการได้ง่าย ลดความจำเป็นในการเปลี่ยนท่านั่งหรือเสียสมาธิจากการขับขี่ นอกจากนั้นจอแสดงผล EMV จะแสดงข้อมูลอาทิเช่น แผนที่แบบเต็มจอ โดยไม่รบกวนการเข้าถึงข้อมูลของผู้ขับขี่แม้ในขณะแสดงผลทั้งเมนูและแผนที่พร้อมกัน (*สำหรับเกรด Premium เท่านั้น)
สำหรับขุมพลังของ ES ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร (A25A-FXS) พัฒนาใหม่ล่าสุด ผสานคุณสมบัติทั้งสมรรถนะการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปรับแต่งการออกแบบเครื่องยนต์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน โดยยืดช่วงชักให้ยาวขึ้น และใช้พอร์ทไอดีที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มการไหลเวียนของอากาศในกระบอกสูบเพื่อเร่งการจุดระเบิด รวมถึงพัฒนาหัวฉีดน้ำมัน ให้เป็นแบบหลายรู ใช้ตัวปั๊มน้ำมันความจุแปรผันได้ ระบบทำหล่อเย็นแบบแปรผันได้ และใช้วาล์วไอดี VVT-iE มาพร้อม ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นใหม่ เลกซัสต้องการแสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ไฮบริดสามารถให้สมรรถนะยอดเยี่ยมพร้อมประหยัดน้ำมัน โดยนำเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร (A25A-FXS) ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ที่เล็กลง น้ำหนักเบา ภายใต้ระบบการควบคุมที่ละเอียดซับซ้อน เพื่อสร้างอัตราเร่งอันราบลื่น เป็นธรรมชาติ ตอบสนองได้ทันทีเมื่อแตะคันเร่ง
จากความโดดเด่นของ ES ใหม่ จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาดภายใต้แนวคิด “Of Peace and Power” สะท้อนถึงการผสานรวมความต่าง ระหว่างความนุ่มนวลและความเงียบภายใน ห้องโดยสารอันเป็นเอกลักษณ์ของ ES กับสมรรถนะการขับขี่ใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิม เลกซัส ES ใหม่ มาพร้อม 2 สีใหม่ คือ สี Ice Ecru และสี Sunlight Green ในโอกาสนี้ เราขอมอบข้อเสนอสุดพิเศษด้วยการขยายระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดสำหรับรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น จากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการโดยเพิ่มจากปัจจุบัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง เป็น 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ใหม่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
เลือกเป็นเจ้าของความหรูหรา สมบูรณ์แบบของ เลกซัส ES ใหม่ สีภายนอก 10 สี พร้อม 2 สีใหม่
Ice Ecru MM สีใหม่
Sunlight Green MM สีใหม่
Sonic Quartz
Sonic Titanium
Mercury Gray MC.
Platinum Silver Me.
Black
Graphite Black Glass Flake
Red Mica Crystal Shine
Deep Blue MC
ราคา
ES 300h รุ่น Luxury 3,590,000 บาท
ES 300h รุ่น Grand Luxury 3,760,000 บาท
ES 300h รุ่น Premium 4,190,000 บาท
พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง
สำหรับกลยุทธ์การตลาด จะเริ่มจากสร้าง การรับรู้ของการเปิดตัวรถเลกซัส ES ใหม่สู่สาธารณชน ในระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม ณ ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป
นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมทดลองขับเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสมรรถนะการขับขี่ ในวันที่ 22 กันยายนนี้ที่ Toyota Driving Experience Park
ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ที่นี่