แม้ว่าในตลาดของรถ Sedan C-Segment ในยุคนี้ ดูจะไม่คึกคักเหมือนรถที่ไซส์ย่อมลงมาในพิกัด Bฺ-Segment ซึ่งถูกขยับให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน จนบางคันเช่น MG5 2021 มีขนาดโดยรวมที่ใหญ่กว่ารถในคลาส C-Segment เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่ากระแสจะดูเงียบๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การกลับมาของ Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 เป็นการปลุกกระแสให้ตลาด Sedan C-Segment กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมีการเปิดตัวรถใหม่เช่นนี้ รถทุกรุ่นที่มีอยู่ใสนคลาส รวมถึงรุ่นเดิมที่ทำตลาดมาก่อนหน้า ก็ย่อมถูก “ทีมขับซ่า” นำมาเปรียบเทียบกันแบบชัดๆ เพื่อให้ผู้ซื้อเหก็นภาพและความคุ้มค่าของแต่ละคัน คันไหนให้อะไร คันไหนมีจุดเด่นที่น่าสนใจในด้านใดบ้าง ดูตรงนี้…ได้เห็นแน่นอน
Civic ขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาด หากวัดด้วยเรื่องขนาดตัวถัง
ขนาดตัวถัง | Honda Civic 2021 | Honda Civic เจน 10 | Toyota Corolla Altis | Mazda 3 |
ความกว้าง (มม.) | 1,802 | 1,799 | 1,780 | 1,795 |
ความยาว (มม.) | 4,674 | 4,648 | 4,630 | 4,660 |
ความสูง (มม.) | 1,415 | 1,416 | 1,455 | 1,440 |
ระยะฐานล้อ (มม.) | 2,735 | 2,700 (+35) | 2,700 (+35) | 2,725 (+10) |
แม้ว่าโดยภาพรวม การมาของ Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 จะมีการขยับไซส์ขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 กลับมามีขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในคลาส โดยเฉือนเอาชนะ Mazda 3 ไปในเกือบทุกมิติ ยกเว้นเรื่องของความสูง ซึ่งหลังจากที่ลองเข้าไปนั่งภ่ายในห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังของ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 แล้ว กลับไม่พบปัญหาตรงจุดนี้ สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมในความเป็น Honda Civic 2021 คือ การขยับระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนอีก 35 มม. ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ยาว สามารถวางขาได้แบบสบายมากขึ้นด้วย ส่วนรถที่มีขนาดย่อมที่สุดในคลาส ยกเว้นเรื่องความสูงที่มากกว่าเพื่อน คือ Toyota Corolla Altis
Civic เคยแรงสุดในคลาส และยังคงเป็นเช่นนั้น ส่วน Corolla Altis คือ รถที่ตอบโจทย์สายประหยัดที่สุด
เครื่องยนต์ | Honda Civic 2021 | Honda Civic เจน 10 | Toyota Corolla Altis | Mazda 3 |
รูปแบบเครื่องยนต์ | 1.5 ลิตร เทอร์โบ | 1.5 ลิตร เทอร์โบ 1.8 ลิตร NA | 1.8 ลิตร ไฮบริด 1.8 ลิตร NA 1.6 ลิตร NA | 2.0 ลิตร NA |
กำลัง (แรงม้า) | 178 @ 6,000 | 173 @ 5,500 141 @ 6,500 | 122 140 @ 6,000 125 @ 6,050 | 165 @ 6,000 |
แรงบิด (นิวตัน-เมตร) | 240 @ 1,700-4,500 | 220 @ 1,700 – 5,500 174 @ 4,300 | – 177 @ 4,000 156 @ 5,200 | 213 @ 4,000 |
ระบบส่งกำลัง | CVT | CVT CVT | E-CVT Super CVT-i 7 สปีด Super CVT-i 7 สปีด | 6 AT |
อัตราสิ้นเปลือง (กม./ลิตร) | 17.2 | 17.8 16.1 | 23.2 15.6 15.8 | 15.8 |
เชื้อเพลิงที่รองรับ | E85 | E20 E85 | E20 E85 E85 | E85 |
เทรนด์ของการพัฒนารถในยุคใหม่ จะเห็นได้ว่า มีการลดความซับซ้อนในการผลิตให้น้อยลง ยกตัวอย่าง Honda Civic เจนเนอเรชั่นก่อน มีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งบล็อค 1.5 ลิตร เทอร์โบ และ 1.8 ลิตร NA มาใน Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ทางค่ายตัดเหลือเพียงบล็อคเดียว คือ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ในทุกรุ่นย่อย โดยมีการปรับรายละเอียดภายในเครื่องยนต์ พร้อมยกระดับพละกำลังให้มากขึ้นเป็น 178 แรงม้า กับแรงบิดที่สูงขึ้นอีก 20 นิวตัน-เมตร พละกำลังและความสนุกในการขับขี่ เป็นจุดเด่นที่ชัดเจนของทางฝั่ง Honda ซึ่งมีมาให้ตั้งแต่รถในคลาสเริ่มต้นอย่าง Honda City ที่เป็นเบอร์ 1 เรื่องพละกำลังเช่นกัน โดยนอกจากปรับพละกำลังแล้ว Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ยังปรับการรองรับเชื้อเพลิงทางเลือก ดันไปสุดจนถึง E85 ซึ่งจุดนี้เอง เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ค่าตัวของ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ต่ำกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ขยับขึ้นเล็กน้อย จาก 17.8 เป็น 17.2 กม./ลิตร
ในด้านพละกำลังนั้น Mazda อาจไม่ใช่ค่ายที่โดดเ่นในเรื่องตัวเลขมาแต่ไหนแต่ไร แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้จากการยอมรับโดยผู้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว คือ เรื่องความสนุกในการขับขี่ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีไฮไลท์ชูโรงเป็นพิเศษ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองที่ยังห่างไกลกับคู่แข่งในระดับท็อปๆ ทำให้อาจเป็นการแข่งขันที่เหนือยสักหน่อยในหัวข้อนี้ ตรงกันข้ามกับอีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ในตลาดอย่าง Toyota Corolla Altis ที่จัดเต็มทางเลือกให้กับผู้ใช้ด้วยเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้ง 1.8 ลิตร ไฮบริด, เบ็นซิน 1.8 และ 1.6 ลิตร ทำให้ Toyota Corolla Altis ยังคงเป็นรถที่มีระดับราคาให้เล่นอย่างหลากหลาย สำหรับรถ Sedan C-Segment โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 839,000 บาท จึงถึงราคาสุดท้ายของรุ่นท็อปที่ 1,099,000 บาท ซึ่งทั้งราคาเริ่มต้น และราคาสุดท้าย เป็นราคาที่ต่ำที่สุดในคลาส นอกจากนี้แล้ว หากว่ากันตามตรง Toyota Corolla Altis เป็นรถที่มีเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสูงที่สุดในคลาส ด้วยเครื่องยนต์ในรูปแบบไฮบริดที่ผ่านการพัฒนามาหลายเจนเนอเรชั่นจนเป็นที่ยอมรับในเรื่องสมรรถนะ ความทนทาน รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่เป็นเบอร์ 1 ในคลาส Sedan C-Segment ที่ 23.2 กม./ลิตร แม้ว่าตัวเลขสมรรถนะที่แสดงจะไม่ชัดเจน แต่การมีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่กับตัว ก็ย่อมช่วยให้อัตราเร่งและความกระฉับกระเฉงในการขับขี่ ทำได้อย่างน่าพอใจ
ออพชั่นสูสี แค่บางคัน ขาดสิ่งที่ควรมี…อย่างไม่น่าให้อภัย
รุ่น | Honda Civic 2021 | Honda Civic เจน 10 | Toyota Corolla Altis | Mazda 3 |
ไฟหน้า – ท้าย | LED | LED | LED | LED |
ไฟหน้าเปิด – ปิดอัตโนมัติ | O | O | O | O |
ปรับไฟสูงอัตโนมติ | O | O | O | O |
ล้อ – ยาง | 215/50 R17 | 215/50 R17 | 225/45 R17 | 215/45 R18 |
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า | พับอัตโนมัติ | พับอัตโนมัติ | พับอัตโนมัติ | พับอัตโนมัติ |
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า | 8 ทิศทาง | 8 ทิศทาง | O | O |
เบาะคนนั่งปรับไฟฟ้า | 4 ทิศทาง | 4 ทิศทาง | O | O |
จอแสดงผลการขับขี่ (นิ้ว) | 10.2 | TFT | 7 | TFT |
Head Up Display | – | – | – | O |
จออินโฟเทนเม้นท์ (นิ้ว) | 9 | 7 | 8 | 8.8 |
รองรับระบบ | Apple Carplay | Apple Carplay | Apple Carplay | Apple Carplay |
เครื่องเสียง | 8 ลำโพง | 8 ลำโพง | 6 ลำโพง | Bose 12 ลำโพง |
เนวิเกเตอร์ | O | O | O | – |
USB / HDMI | 4 | 2 + 1 | 2 | O |
ระบบปรับอากาศ | 2 โซน | 2 โซน | อัตโนมัติ | 2 โซน |
ช่องแอร์ตอนหลัง | – | – | O | O |
ระบบ Smart Key Card | O | – | – | – |
Engine Remote Start | O | O | – | – |
ล็อครถอัตโนมัติเมื่อรีโมทออกนอกระยะ | O | O | – | – |
เบรกมือไฟฟ้า | O | O | O | O |
Wireless Charge | O | – | O | – |
ม่านบังแดดหลัง | – | – | O | – |
แอพพลิเคชั่น | Honda Connect | Honda Connect | T-connect Telematics | – |
ออพชั่น ถือเป็นอีกปัจจัยหยึ่งที่ผู้คนมักจะใช้เป็นประเด็นในการตัดสินใจ จะมรีมาก มีน้อย ยากที่จะวัดเป็นตัวเลขได้ เพราะความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน โดยทั่วๆ ไปแล้ว Sedan C-Segment ทั้ง Honda Civic, Toyota Corolla Altis รวมถึง Mazda 3 ดูจะมีออพชั่นพื้นฐาน (เทียบจากรุ่นท็อปเกรดด้วยกัน) สูงในระดับที่ควรจะเป็น ทั้งในเรื่องของระบบไฟส่องสว่าง ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ที่มาในรูปแบบ LED พร้อมระบบการเปิด – ปิด ปรับระดับการทำงานอัตโนมัติ, มีกระจกที่พับอัตโนมัติเมื่อล็อครถ, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า รวมถึงระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชั่น Auto Hold Brake เหมือนกัน สิ่งที่เป็นความต่างแบบชัดเจนที่สุด ดูจะเป็นเรื่อง Cosmetic เช่น Mazda 3 มาพร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว ยางบาง ให้ภาพลักษณ์ที่ดูเป็นสปอร์ตมากกว่า ส่วนทางฝั่ง Toyota Corolla Altis แม้จะเป็นล้อขนาด 17 นิ้ว เหมือนกับ Honda Civic แต่ยังใส่ความเหนือกว่าด้านสมรรถนะ ด้วยหน้ายางความกว้าง 225 มม.
ระบบการแสดงผลการขับขี่ รวมถึงอินโฟเทนเท้นท์ หากวัดกันด้วยสายตา Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ดูจะนำเพื่อนร่วมคลาสไปพอตัว โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ที่ขยับไซส์ขึ้นมาเป็น 9 นิ้ว (จาก 7 นิ้ว ในรุ่นก่อน) ซึ่งสำหรับคนที่ชอบลูกเล่นยิบย่อย Mazda 3 จะมี Head Up Display ที่แสดงผลด้านหน้าผู้ขับขี่มาให้ด้วย ในทางเดียวกับ หากวัดด้วยเรื่องความพรีเมี่ยมในคุณภาพสูง Mazda 3 ดูจะเหนือกว่าคู่แข่งในคลาส แบบมีทีเด็ดทีขาด เพราะมาพร้อมชุดเครื่องเสียงจาก Bose แบบ 12 ลำโพง เหมือนกับ Civic ในสเป็คต่างประเทศ ในขณะที่ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ในประเทศไทย มีลำโพงเพียง 8 ตำแหน่ง แต่ที่แย่กว่านั้น คือ ให้มาแค่ 6 ลำโพง แม้จะเป็นรุ่นท็อป
สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับ คือ การให้ช่อง USB มารวมทั้งสิ้น 4 ช่อง ซึ่งแบ่งเป็นสำหรับตอนหน้า 2 ช่อง และตอนหลัง 2 ช่อง แต่กลับตัดออพชั่นที่น่าสนใจไปอย่างไม่น่าให้อภัย นั่นก็คือ ช่องแอร์ตอนหลัง ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถในคลาสนี้ แต่หากแลกมาด้วยระบบการเข้า – ออก ตัวรถด้วย Smart Key Card, ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อรีโมทออกนอกระยะ, ระบบการเชื่อมต่อ Apple Carplay แบบไร้สาย รวมถึง Wireless Charge ที่คู่แข่งในคลาส Sedan C-Segment ไม่มี แฟนๆ ของ Honda Civic โดยส่วนใหญ่บอกว่ายอมรับได้ และยังไงก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า Civic ก็คือ Civic
วัดกันตรงเทคโนโลยีความปลอดภัย คงต้องยกให้ Mazda 3 ยืนหนึ่ง
รุ่น | Honda Civic 2021 | Honda Civic เจน 10 | Toyota Corolla Altis | Mazda 3 |
ถุงลม + ม่านนิรภัย | 6 ตำแหน่ง | 6 ตำแหน่ง | 7 ตำแหน่ง | 7 ตำแหน่ง |
กล้องมองด้านหลัง | + Lane Watch (RS) | + Lane Watch (RS) | O | รอบทิศทาง |
Cruise Control | ACC + LSF (รถ มอไซค์ จักรยาน คนเดิน) | ACC + LSF | Dynamic Rader Cruise Control | Rader Cruise Control |
คุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า | – | – | – | O |
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ | O | – | – | – |
เตือนออกนอกเลน + ดึงกลับอัตโนมัติ | O | O | O | O |
ระบบช่วยคุมให้อยู่กลางเลน | O | O | O | O |
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน | + เบรกอัตโนมัติ | + เบรกอัตโนมัติ | O | + เบรกอัตโนมัติ |
เตือนมุมอับสายตา | Honda Lane Watch | Honda Lane Watch | O | O |
ช่วยเตือนขณะถอย | – | – | O | + เบรกอัตโนมัติ |
ความปลอดภัย เรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้าม แม้จะเป็นฟังค์ชั่นที่อาจจะไม่ได้จำเป็นที่จะต้องใช้งานจริงทั้งหมด แต่เวลาที่ได้ใช้มันส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่และผู้โดยสารโดยตรง ในธรรมเนียมปกติแล้ว เรามักจะเห็นว่ารถรุ่นใหม่ๆ นั้น มักจะพยายามใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เยอะกว่ารถรุ่นที่ออกมาก่อนหน้าเสมอ เช่น Honda Civic 2021 หรือ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 11 ใส่ระบบ Honda Sensing มาให้ในทุกรุ่นย่อย โดยอย่างที่เราทราบกันดีว่าระบบนี้ เป็นลักษณะการทำงานแบบ Active Safety ซึ่งนอกจากจะได้เรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังมีฟังค์ชั่นที่ช่วยอำนวนความสะดวกในการขับเคลื่อน เช่น Adaptive Cruise Control, ระบบควบคุมรถให้อยู่ภายในเลน อีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ระบบใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นระบบที่มีการนำมาในกับรถหลายๆ รุ่นในยุคปัจจุบัน ซึ่งชื่อเรียกของแต่ละแบรนด์ก็จะแตกต่างกันออกไป
และเพื่อให้การขับขี่ทำได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น บรรดาค่ายรถต่างๆ มักจะใส่กล้องเพิ่มเข้ามา เป็นเป็นเสมือนตาที่ช่วยให้เรามองเห็นจุดต่างๆ ที่ยากจะเข้าภถึงได้มากขึ้น นำโด่งในฟังค์ชั่นนี้คงต้องยกให้กับ Mazda 3 ที่มาพร้อมกล้องรอบทิศทาง หรือกล้อง 360 องศา ทำให้เราเห็นมุมมองได้กว้างและชัดเจนมากขึ้น เช่น ในเวลาถอยหลังเข้าจอด, เข้าที่แคบ ส่วนฝั่ง Honda Civic 2021 และ Toyota Corolla Altis ยังคงเป็นแค่กล้องมองหลัง ที่ให้มุมมองที่กว้างที่สุดเพียง 180 องศา ซึ่งว่ากันตรงๆ คือ น้อยเกินไปแล้วสำหรับ Sedan C-Segment ยุคนี้ แม้ว่า Civic จะมีการเพิ่มกล้อง Lane Watch ด้านซ้ายมาให้ แต่ดูจะยังไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่มาพร้อมระบบ Blind Spot Warning มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงยังเป็นรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยน้อยกว่าที่ Sedan C-Segment อย่าง Mazda 3 และ Toyota Corolla Altis ให้มา และที่สำคัญกว่านั้น คือ ไม่มีเซ็นเซอร์เตือนกะระยะถอยหลังมาให้เช่นเดิม
ราคา…จุดเปลี่ยนของความถูกใจในขั้นสุดท้าย
รุ่น | Honda Civic ใหม่ | Civic เจน 10 | Toyota Corolla Altis | Mazda 3 |
ราคา (บาท) | 1,199,900 | 1,219,000 | 1,099,000 | 1,198,000 |
ส่วนต่างราคา (บาท) | – | +19,100 | -100,900 | -1,900 |
ไม่ว่าคุณจะผ่านเหตุผลด้านใดมา สุดท้ายมันมาจบที่ราคา และความพึงพอใจในการจ่ายเสมอ ก่อนหน้านี้หลายคนบ่นว่า Civic มีค่าตัวที่สูงเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง แต่ในครั้งนี้ เมื่อเทียบกันแบบชัดๆ แล้ว Honda Civic 2021 มีค่าตัวที่ต่างจาก Mazda 3 ในรุ่นท็อปด้วยกันเพียง 1,900 บาท ซึ่งด้วยอารมณ์หรือเหตุผลต่างๆ เมื่อนำมาประกอบกัน มันอาจจะทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก ส่วนทางด้าน Toyota Corolla Altis ก็มีจุดขายเฉพาะตัวให้ได้พิจารณา แม้จะไม่ได้สุดไปในทางใดทางหนึ่ง แต่ค่าตัวก็อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่งถึงหลัก “แสน” ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่ว่า เงินเกือบแสนกับของที่หายไป และสิ่งที่ได้กลับบมา…มันคุ้มมากพอที่จะดึงดูดใจคุณหรือไม่ ?
Honda Civic 2021
ข้อดี
-เครื่องยนต์ทรงพลัง และเป็นที่ยอมรับอย่างไร้ข้อกังขา
-มีระบบความปลอดภัยที่ดีตั้งแต่ในรุ่นเริ่มต้น
-ราคาไม่อัพจากรุ่นก่อน
ข้อสังเกต
-ขาดอุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีสำหรับคลาสนี้ เช่น ช่องแอร์ตอนหลัง, กล้องมองรอบทิศทาง
-คำว่า Civic ก็คือ Civic ใช้ไม่ได้สำหรับทุกคน
Toyota Corolla Altis
ข้อดี
-ทางเลือกในระดับราคาที่หลากหลาย ค่าตัวของรุ่นท็อปจบต่ำกว่าคู่แข่ง
-เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไฮบริด รวมถึงความทนทานที่ได้การยอมรับแบบไม่มีอะไรต้องพิสูจน์
-อัตราสิ้นเปลืองระดับ Best in Class แบบที่ใครก็แตะต้องไม่ได้
ข้อสังเกต
-ความรู้สึกที่ขาดแรงจูงใจในการเลือกซื้อ
-ออพชั่นที่ให้มายังดูครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดในทางใดทางหนึ่ง
Mazda 3
ข้อดี
-ดีไซน์ที่สวยงาม วัสดุและงานประกอบที่ดูดีที่สุดในคลาส
-สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงระบบความปลอดภัยแน่นที่สุดในคลาส
-ความรู้สึกในการควบคุมและขับขี่ การตอบสนองได้อย่างมั่นใจในย่านความเร็วที่กว้างที่สุด
ข้อสังเกต
-แม้พละกำลังจะน้อย เทคโนโลยีเครื่องยนต์จะเป็นรองคู่แข่ง แต่ก็ใช้ได้อย่างคุ้มค่า และขับสนุกในแบบที่ควรจะเป็น
-ความมั่นใจ รวมถึงการใช้งานในระยะยาว…ยังคงมี “เครื่องหมายคำถาม”