Home » Honda City e:HEV RS vs Hatchback RS ความเหมือนที่แตกต่าง ค่าตัวห่างเฉียดแสน…เลือกคันไหน ?

Honda City e:HEV RS vs Hatchback RS ความเหมือนที่แตกต่าง ค่าตัวห่างเฉียดแสน…เลือกคันไหน ?

by Admin clubza.tv

เชื่อว่าเป็นคำถามที่ยังคาใจผู้ใช้ หากตัดปัจจัยพื้นฐานทางด้านภาพลักษณ์ออกไป ซิตี้คาร์สุดฮอตอย่าง Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) ในตัวเลือกระดับบนระหว่างตัว e:HEV RS ที่มาพร้อมขุมพลังไฮบริด กับรุ่นแรงที่กำลังเป็นที่จับตา Hatchback RS ตัวไหนที่จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องราคาที่ต่างกันอยู่ถึง 90,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนต่างเฉียดแสนนี้ ย่อมมีสิ่งที่ต้องได้ตอบแทนกลับมา แต่มันจะคุ้มไหม…ในความรู้สึกของคุณ ซึ่งเป็นคนตัดสินใจ ?

สำหรับ Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS เปิดตัวมาพร้อมๆ กัน ในช่วงที่ Honda ส่งจดหมายเชิญร่วมงานเปิดตัว ผมยังแอบคิดในใจว่ารุ่นชูโรงอย่าง e:HEV จะมาในบอดี้ 5 ประตู เสียอีก หลังจากที่เปิดตัวมา เอาตรงๆ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่เทคโนโลยีและพละกำลังที่ดูน่าสนใจ (ด้วยแรงบิดระดับกว่า 250 นิวตัน-เมตร) แบบนี้ มีให้เลือกแค่เฉพาะในรุ่นซีดานเท่านั้น สำหรับ 2 รุ่นนี้ หากจะเอาเรื่องมิติตัวถังมาเปรียบเทียบกัน คงจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีรูปทรงและสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ละรุ่นล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยจุดเด่นของความเป็น Hatchback คือ การสามารถพับเบาะราบเพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บสัมภาระภายในห้องโดยสาร สามารถปรับได้ 4 รูปแบบ เช่นเดียวกับรุ่นที่ขายควบคู่กันอย่าง Honda Jazz RS+ (กว้าง x ยาว x สูง 1,695 x 4,035 x 1,525 มม. ระยะฐานล้อ 2,530 มม.) เมื่อเทียบขนาดกับ Honda City Hatchback RS ที่มีขนาด กว้าง x ยาว x สูง ที่ 1,748 x 4,349 x 1,488 มม. ฐานล้อ 2,589 มม. จะเห็นได้ชัดว่ารุ่น City Hatchback มีตัวถังที่ใหญ่กว่า นั่นหมายถึงความสบายภายในห้องโดยสาร และความกว้างขวางของพื้นที่เก็บสัมภาระ ย่อมจะทำได้ดีขึ้นด้วย ยกเว้นในส่วนพื้นที่เหนือศีรษะที่ต่ำลง ตามสไตล์ของรถสมัยใหม่ที่เน้นเรื่องแอโร่ไดนามิคส์เป็นสำคัญ ซี่งก็แน่นอนว่า ด้วยตัวถังที่ใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็ย่อมมากขึ้น โดย Honda Jazz RS+ มีน้ำหนักอยู่ที่ 1,086 กก. ส่วน Honda City Hatchback RS มีน้ำหนัก 1,179 กก. ต่างกันถึง 93 กก. ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในแนว Hatchback ด้วยกัน ในทางตัวเลข พบว่ามิติตัวถังของ Mazda 2 ที่ 1,695 x 4,065 x 1495 มม. ฐานล้อ 2,570 มม. จะดูใหญ่กว่า Jazz อยู่เล็กน้อย ในขณะที่ Honda City Hatchback RS มาพร้อมตัวเลขที่ทิ้งห่างได้อย่างชัดเจน

ด้าน Honda City e:HEV RS มาพร้อมมิติตัวถัง กว้าง x ยาว x สูง ที่ 1748 x 4553 x 1467 มม. ฐานล้อ 2,589 มม. เทียบไซส์กับ Mazda 2 Sedan 1,695 x 4,340 x 1,470 มม. ระยะฐานล้อ 2,570 มม. และ Toyota VIOS ที่ 1,700 x 4,420 x 1,475 มม. ฐานล้อ 2,550 มม. ฝั่ง City e:HEV ก็ยังดูได้เปรียบกว่า แต่ด้วยขนาดและระบบขับเคลื่อนที่ต้องมีชุดแบตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ย่อมส่งผลให้น้ำหนักมากกว่าเพื่อนในคลาสด้วยเช่นกัน (แต่ไม่ได้รู้สึกว่าห้องโดยสารแคบ หรือพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายน้อยลงไปจนต้องเอามาเป็นประเด็นในการตัดสินใจ) โดย Honda City e:HEV RS มีน้ำหนักถึง 1,227 กก. สำหรับในคลาสนี้…หากมองลึกกว่านั้น นอกจาก City แล้ว ยังไม่มีเพื่อนร่วมคลาส (B Sedan) ที่ใหญ่พอจะไปฟัดกับรถคลาสเล็กกว่าอย่าง Nissan Almera VL  (Eco Car) ที่มาในขนาด 1,740 x 4,495 x 1,460 มม. ฐานล้อ 2,620 มม. ได้เลย

ในส่วนของระบบการขับเคลื่อนของทั้ง Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ส่งผลต่อส่วนต่างด้านราคา (ถ้าวัดด้วยเรื่องสมรรถนะ) แต่กลับเป็นปัจจัยที่ผู้คนส่วนใหญ่ ให้ความสนใจและนำมาเปรียบเทียบกันมากที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่ผ่านการพัฒนามาไกล และพิสูจน์ตัวเองจนผู้ใช้…หมดอาลัยเครื่อง 1.5 ลิตร เทคโนโลยีดั้งเดิมไปเป็นที่เรียบร้อย โดย 2 รุ่นนี้ มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งด้วยความต่างของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทำให้รถทั้ง 2 รุ่น มีในธีมดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่แตกต่างกันไปด้วย เช่น Honda City e:HEV RS เน้นภาพลักษณ์ดูคูล หรูหรา ด้วยการใช้สีในโทนเคร่งขรึม ส่วน Honda City Hatchback RS เน้นความสปอร์ตด้วยสีสันและลูกเล่นที่มีความจัดจ้าน

หากวัดกันในเชิงตัวเลข ขุมพลังทั้งรูปแบบไฮบริด e:HEV และเบ็นซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร ทำออกมาได้ไม่ต่างกันมากนัก เช่น อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่อยู่ในระดับ 10.1 -10.2 วินาที, การทำความเร็วจากจุดหยุดนิ่งถึงระยะ 402 ม. ที่ 17.x วิ. แต่ความแตกต่างที่แท้จริง กลับอยู่ที่เรื่องฟีลลิ่ง รวมถึงการตอบสนองที่ความเร็วต่างๆ เช่น หากคุณออกตัวจากจุดหยุดนิ่งพร้อมๆ กัน ระบบที่พร้อมตอบสนองและพุ่งทะยานได้ในทันทีก็คือ ระบบไฮบริด e:HEV ในขณะที่เครื่องยนต์เบ็นซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร กลับรู้สึกว่าต้องรอในช่วงเวลา 1-2 วินาที ก่อนที่การตอบสนองคันเร่งจะทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน หากวัดการตอบสนองในช่วงที่รถลอยตัวจากความเร็วใดความเร็วหนึ่ง กลับพบว่าเครื่องยนต์เทอร์โบให้ความรู้สึกที่รุนแรงมากกว่า ในขณะที่ระบบไฮบริด e:HEV เน้นการใต่ความเร็วแบบต่อเนื่อง ไม่รู้สึกว่ากระโชกโฮกฮากมากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้น…นี่คือ สิ่งที่เข้าใจได้ หากรู้พื้นฐาน และจุดเด่น ของการทำงานในแต่ละระบบ โดยความแตกต่างที่เห็นชัดเจนที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ที่ Honda City e:HEV RS ดูจะได้เปรียบอยู่หลายช่วงตัว

เห็นแบบนี้…คงไม่ต้องเถียวกัน ว่าคันไหนแรงกว่า ?

ระบบการทำงานของ Honda City e:HEV RS ในชื่อ Sport Hybrid i-MMD (Intelligence Multi Mode Drive) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle ทำหน้าที่ปั่นไฟร่วมกับเจนเนอเรเตอร์ ก่อนจะส่งให้ PCU ประมวลผลการจ่ายกำลังว่าจะกลับไปที่แบตเตอรี่ หรือจ่ายสู่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพื่อขับเคลื่อน ซึ่งในการทำงานช่วงความเร็วต่ำ – กลาง ในความเร็วคงที่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนโดยจะสลับระหว่างโหมดไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์แค่การปั่นไฟและ EV ตามความต้องการพละกำลังและปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ โดยมีชุดคลัตช์ทำหน้าที่ตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์และชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน ในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงคงที่ มีโหลดการทำงานต่ำ ซึ่งเครื่องยนต์ที่เมื่อเทียบแล้ว มีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนแทน โดยสลับกับกับมอเตอร์ไฟฟ้าตามภาระในการขับเคลื่อนและระดับของแบตเตอรี่ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความหน่วงได้ที่แป้น Paddle Shift ซึ่งนอกจากจะช่วยในการชะลอความเร็วแล้ว ยังส่งผลต่อความเข้มข้นในการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่อีกด้วย

ในปัจจัยด้านขุมพลัง หากนำไปเทียบกับคู่แข่ง การจะหาใครที่สามารถสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อคงจะทำได้ยาก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ไปไกลกว่าค่ายอื่นๆ พอตัว ทางเลือกเดียวที่ดูจะสมน้ำสมเนื้อที่สุด คงหนีไม่พ้นขุมพลังดีเซลใน Mazda 2 ที่แม้แรงม้าจะดูไม่เด่น แต่แรงบิดนั้นถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงในสไตล์ของเครื่องยนต์ดีเซล โดยมีช่วงราคาและอัตราสิ้นเปลืองที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน คือ Mazda 2 1.5 XD (Sport) ราคา 782,000 บาท และ Mazda 2 1.5 XDL (Sport) ราคา 799,000 บาท ซึ่งความโดดเด่นอีกอย่างใน Mazda 2 ก็คือ การเซ็ตช่วงล่างแนวสปอร์ต ที่ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่สนุกสนาน ชัดเจนกว่า Honda City ทั้ง 2 รุ่น ที่เน้นความสะดวกสบาย และการใช้งานทั่วๆ ไปเป็นหลัก

ระบบความปลอดภัยถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยคลายข้อสงสัยว่า ส่วนต่าง 90,000 บาท สุดท้ายมันไปลงที่ตรงไหน โดยดูจะเป็นสิ่งที่จำแนกความต่างระหว่าง Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS ได้อย่างเด่นชัดที่สุด โดยฝ่ายแรก ซึ่งถือเป็นรุ่นท็อปของคลาสนี้ มาพร้อมระบบ Honda Sensing ครั้งแรกสำหรับรถในคลาส B Segment ที่ช่วยเติมความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ โดยจะทำงานร่วมกับกล้อง (ยังไม่มีเรดาร์เหมือนรุ่นใหญ่ๆ) เพื่อส่งสัญญาณประมวลผล และสั่งการระบบต่างๆ เช่น ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก CMBS (Almera ก็มีนะ), Adaptive Cruise Control แต่ยังไม่สามารถทำงานที่ความเร็วต่ำได้จนหยุดนิ่ง (ต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบจะตัดการทำงาน), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนและช่วยควบคุม เมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ซึ่ง 2 ระบบหลัง ถือว่ามีประโยชน์และสามารถใช้งานได้จริง ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องรักษาความเร็วอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการเข้าโค้ง ผู้ขับขี่เพียงแค่ประคองพวงมาลัยเบาๆ ตัวรถจะรักษาเส้นทางตามเส้นแบ่งเลน ช่วยลดความเมื่อยล้า โดยเฉพาะกับการขับขี่ทางไกลๆ และยังมีระบบ Honda Lane watch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน รวมถึงเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold ที่ปรับระดับการทำงานมาให้สมูทมากขึ้นกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนๆ (ในซีวิคยังไม่สมูทเท่าตัวนี้), หน้าจอแสดงข้อมูลบนหน้าปัดขนาด 7 นิ้ว, ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย (Paddle Shift), ระบบเปิด – ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อรีโมทออกห่างจากตัวรถ, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ผ่านรีโมท นี่คือ ความต่างหลักๆ ระหว่าง Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS

ออพชั่นครบ ค่าตัวคุ้ม 639,000 บาท…จบเลย !

Mazda 2 เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ หนึ่งในรุ่นที่พอจะแข่งขันได้ในเรื่องสมรรถนะ

ในส่วนของคู่แข่งอย่าง ที่ให้มากกว่า Mazda 2 ดีเซล มีสิ่งที่ให้มากกว่าก็คือ กล้องมองรอบทิศทาง เช่นเดียวกับรถคลาสเล็กกว่าอย่าง Nissan Almera VL ซึ่งสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ด้วย (ของ City มีแค่กล้องมองหลัง), ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Almera มีให้เช่นกัน), ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Almera ก็ยังมีอีก), เซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุด, ดิสค์เบรกล้อหลัง (มีแค่ใน City e:HEV ส่วนรุ่น HB เป็นดรัมเบรก)

ระบบความบันเทิงของ Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS มาในรูปแบบเดียวกัน คือ หน้าจอ 8 นิ้ว (เท่า Almera) Advanced Touch รองรับ Apple Car Play พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง (Mazda 3 หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับ Almera) มีช่องเชื่อมต่อ USB ให้ 2 ช่อง พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์ ที่ด้านหน้า 1 ช่อง และ 2 ช่อง ที่ด้านหลัง และ Honda City e:HEV RS มีช่องปรับอากาศด้านหลังมาให้ด้วย

วัดกันด้วยราคา หากเทียบกับรถในคลาส ดูจะยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกันอย่างเห็นน้ำเห็นเนื้อ อยู่ที่ว่าคนจ่ายพอใจกับความต้องการในแนวทางไหนมากกว่า แม้แต่รถในค่ายเดียวกันอย่าง Honda City e:HEV RS และ Hatchback RS ก็ยังรุ้สึกรักพี่ เสียดายน้อง ถ้ายังไม่ได้ลองขับ จับฟีลลิ่งว่าชอบแบบไหน คงตัดสินใจได้ยากมาก ยกเว้นแต่ว่าต้องการเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ต่างกันอย่างชัดเจน แต่ก็นั่งแหละ…ส่วนต่าง 90,000 บาท ถือว่าไม่น้อย เอามาแตกยอดเป็นค่างวด ถือว่าประหยัดไปได้อีกร่วมปี แต่ถ้าวัดกันด้วยเรื่องความคุ้มค่า สำหรับคนที่อยากได้รถสักคัน เน้นออพชั่นล้น ไม่สนพละกำลังเป็นหลัก Eco Car อย่าง Nissan Almera VL ที่ราคา 693,000 บาท นั้นถือว่าตอบโจทย์ในระดับที่น่าพอใจแล้ว (ประหยัดไป 2 แสน เลยนะ) หรือหากคิดจะลงทุนด้วยงบ 8 แสนกว่า จริงๆ ก็ยังมีรถในสไตล์ที่ใกล้เคียง แต่คลาสสูงกว่าอย่าง Honda Civic 1.8 E ที่ 874,000 บาท หรือ Toyota Corolla Altis 1.6 และ 1.8 ตัวเริ่มต้นรออยู่ ในราคาที่ไม่หนีกัน

เติม 35,000 บาท ได้รุ่นใหญ่กว่าเลยนะ

หรือหากจะเปลี่ยนแนวไปเป็นสายเดินทาง ตัวเลือกอย่าง Mazda CX-3 นั้น ดูจะเด่นมาก โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่ตัวเริ่มต้น 768,000 บาท หรือตัวรอง 848,000 บาท เช่นเดียวกับ MG ZS รุ่นเครื่องยนต์เบ็นซิน ในช่วงราคาระหว่าง 689,000 จนถึง 799,000 บาท, Mitsubishi Expander ราคาเริ่มต้น 789,000 บาท, Suzuki XL7 ราคา 779,000 บาท, Honda BR-V ได้ตั้งแต่รุ่นเริ่มยันรุ่นท็อป (765,000 และ 835,000 บาท) หรือ Mobilio RS 765,000 บาท หรือถ้าเน้นลุยและสมบุกสมบันจริงๆ งบเท่านี้…ซื้อกระบะ 4 ประตู ยกสูงขับสองได้เกือบทั้งตลาด…เลือกกันให้สบายใจไปเลยจ้า


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy