บ่อยครั้งที่ออกงาน Car Show ต่างๆ แบรนด์ Great Wall Motor มักจะโชว์ความหลากหลายด้วยการนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้งที่มีการทำตลาดหรือนำมาเปิดตัวในบ้านเรา ณ เวลานั้น รวมถึงรถเจ๋งๆ ที่อยู่ในเครือ มาอวดโฉมให้แฟนๆ ได้ชมกันก่อนที่จะถึงแพลนในการนำเข้ามาจำหน่ายจริง ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่นำมาโชว์แล้ว ได้กระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางในรูปแบบผจญภัย คงหนีไม่พ้น SUV ดีไซน์แกร่งอย่าง GWM Tank 300
สิ่งหนึ่งใน GWM Tank 300 ที่เรียกคะะแนนได้จากแฟนๆ คงหนีไม่พ้นภาพลักษณ์ทรงกล่อง ให้อารมณ์ความเป็น SUV สำหรับสายลุยแบบเต็มขั้น ผสานระหว่างดีไซน์สุดคลาสสิค กับความเป็นโมเดิร์นของรถยุคนี้เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดย GWM Tank 300 ใช้พื้นฐานตัวรถแบบ Body on Frame หรือ การวางตัวถังบนโครงแชสซีส์ มิติตัวถังอยู่ที่ 1,930 x 4,760 x 1,927 มม. และระยะฐานล้อ 2,750 มม. หากเทียบกับรถที่มีการทำตลาดในบ้านเราอยุ่ ณ ปัจจุบัน แล้ว ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่ารถในรูปแบบ SUV C-Segment อยู่เล็กน้อย รวมถึงมีระยะฐานล้อที่พอเบียดกับรถ PPV ของหลายๆ ค่ายได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งด้วยระยะฐานล้อที่ยาวนั้นเอง มีส่วนช่วยให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร มีมากขึ้นตามไปด้วย
มิติตัวถังและรายละเอียดที่น่าสนใจของ GWM Tank 300
GWM Tank 300 | รายละเอียด |
ภายนอก | – มิติตัวถัง 1,930 x 4,760 x 1,927 มม. – ระยะฐานล้อ 2,750 มม. – ความสูงต่ำสุดจากพื้น 224 มม. – มุมเข้าหา 33 องศา, มุมจาก 34 องศา – น้ำหนักรถเปล่า 2,331 กก. – ความสามารถในการลากจูง 2,500 กก. – 5 สีตัวถัง (ส้ม, แดง, ดำ, ขาว และ เทา) |
ขุมพลังของ GWM Tank 300
มาในรูปแบบที่เราอาจไม่คุ้ยเคย เมื่อเทียบกับรถที่มาในรูปแบบ Body on Frame ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์ล้วนๆ บวกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่สำหรับ GWM Tank 300 มาพในรูปแบบไฮบริด ที่เป็นการจับคู่ระหว่าง เครื่องยนต์เบ็นวิน เทอร์โบ ในพิกัด 2.0 ลิตร พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งตัวเครื่องยนต์ให้กำลังอยู่ที่ 245 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,700-4,000 รอบ/นาที ส่วนชุดมอเตอร์นั้น ให้กำลังอยู่ที่ 106 แรงม้า กับแรงบิด 268 นิวตัน-เมตร
ในสเปคของออสเตรเลีย
ที่เป็นรถพวงมาลัยขวา และมีความคล้ายคลึงกับรถที่มีความเป็นไปได้ในสเป็คบ้านเรามากที่สุด ไม่ได้ระบุกำลังรวมของระบบเอาไว้ แต่หากดูเปรียบเทียบจากเว็บไซท์ของ GWM ในภูมิภาคอื่นๆ กำลังรวมจะถูกเคลมเอาไว้ที่ 304 แรงม้า กับแรงบิด 640 นิวตัน-เมตร โดย GWM Tank 300 จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time แบบ Torque on Demand ซึ่งจะกระจายกำลังไปยังแต่ละล้อขับเคลื่อนอย่างเหมาะสมตามสภาพเส้นทาง พร้อมระบบ Differential Lock ด้วยไฟฟ้า ทั้งที่ล้อคู่หน้าและหลัง รวมถึงมีฟังค์ชั่นพิเศษที่เรียกว่า Tank Turn ที่ช่วยลดพื้นที่ในการหักเลี้ยว ช่วยให้ตัวรถมีความคล่องตัวมากขึ้น เมื่ออยู่ในพื้นที่จำกัด โดยรวมนั้น GWM Tank 300 จัดว่าเป็น SUV สมรรถนะสูง ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.9 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 10 กม./ลิตร
ขุมพลังและระบบการขับขี่ของ GWM Tank 300
GWM Tank 300 | รายละเอียด |
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง | – เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ไฮบริด – กำลังเครื่องยนต์ 245 แรงม้า 380 นิวตัน-เมตร, มอเตอร์ 106 แรงม้า 268 นิวตัน-เมตร) – กำลังรวมทั้งระบบ 304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตัน-เมตร – เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด – ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา แบบ Torque on Demand – อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ที่ 7.9 วินาที – อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 10 กม./ลิตร |
ฟังค์ชั่นความปลอดภัยใน GWM Tank 300 เรียกได้ว่ามีมาให้แบบจัดเต็ม ด้วยระบบ ADAS ที่ถือเป็นความถนัดและจุดเด่นของแบรนด์ในยุคปัจจุบัน (หากเทียบการทำงานกับ Haval H6 PHEV ที่ทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งทำได้ดีมาก) แม้ว่าตัวรถจะมีด้วยกัน 2 รุ่นย้อย แต่อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง ถือเป็นมาตรฐานที่ทางค่ายใส่มาให้แบบครบครัน ช่วยสร้างความน่าใจให้กับ GWM Tank 300 ได้มากยิ่งขึ้น
GWM Tank 300 | รายละเอียด |
ระบบความปลอดภัย | – ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ – ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน – ระบบช่วยประคองตัวรถให้อยู่ในเลน – ระบบช่วยอ่านป้ายจราจร – ระบบช่วยป้องการการชนจากด้านหลังพร้อมช่วยเบรก – ระบบรักษาความเร็วแบบแปรผัน – ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง – กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมการแสดงภาพในมุมใต้ท้องรถ |
GWM Tank 300 ในประเทศออสเตรเลีย ทำตลาดด้วยกัน 2 รุ่นย่อย
ซึ่งประกอบไปด้วย รุ่น Lux Hybrid และรุ่น Ultra Hybrid โดยทั้ง 2 รุ่นนั้น วางอุปกรณ์ ออพชั่น ต่างกันอยู่เล็กน้อย เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มีเฉพาะในรุ่น Ultra Hybrid รวมถึงการเซ็ตออพชั่นภายในห้องโดยสาร ที่เน้นความหรูหรา สะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย เบาะหนัง Nappa, ระบบปรับอุณหภูมิที่เบาะคู่หน้าและพวงมาลัย, ระบบนวดไฟฟ้า, ไวร์เลสชาร์จ รวมถึงชุดเครื่องเสียงจากแบรนด์ Infinity ที่ให้อรรสรสความบันเทองได้เหนือกว่าเครื่องเสียงติดรถแบบทั่วไป
ออพชั่นที่มีมาให้ใน Tank 300 Lux Hybrid และ Ultra Hybrid
รายละเอียด | Lux Hybrid | Ultra Hybrid (เพิ่มมาจาก Lux Hybrid) |
ภายนอก | – ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว – กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ พร้อมไล่ฝ้า – ไฟหน้า ไฟท้าย LED + DLR – หลังคาซันรูฟ – การ์ดใต้ท้อง 2 ชิ้น | – ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
|
ออพชั่น | – เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้าหนัง Comfort-Tek – พวงมาลัยหนังสลับไมโครไฟเบอร์ – หน้าจอแสดงผลการขับขี่ 12.3 นิ้ว – หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ 12.3 นิ้ว แบบสัมผัส – USB Port หน้า – หลัง – รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto – ลำโพง 9 ตำแหน่ง – ไฟแอมเบียนไลท์ – ช่องเชื่อมต่อไฟ 12 โวลต์ หน้า – ท้าย | – เบาะหนัง Nappa – ระบบปรับอุณหภูมิที่เบาะคู่หน้า – ระบบอุ่นมือที่พวงมาลัย – เบาะผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชั่นนวดผ่อนคลาย – ไวร์เลสชาร์จ – ชุดเครื่องเสียง Infinity ลำโพง 9 ตำแหน่ง – แอมเบียนไลท์ ที่มีสีให้เลือกมากขึ้น |
ระบบความปลอดภัย | – ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง – ระบบควบคุมการปีนไต่ – ระบบการเลี้ยวแบบ Tank Turn – เซ็นเซอร์ช่วยจอดหหน้า – หลัง |
หากมองจากสเป็คแล้ว ต้องยอมรับว่า GWM Tank 300 มีรายละเอียดในหลายๆ ส่วนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนฟีลลิ่งการขับขี่ รวมถึงความโดดเด่นที่สัมผัสได้ จะให้ความรู้สึกที่น่าพอใจขนาดไหน สามารถติดตามรีวิวได้จากในคลิปของ #ขับซ่า7HD ได้เลย !