Home » Formula 1 กับ นาฬิกา หนึ่งใน Gadget ที่แยกจากวงการความเร็วไม่ได้ !!!

Formula 1 กับ นาฬิกา หนึ่งใน Gadget ที่แยกจากวงการความเร็วไม่ได้ !!!

by Admin clubza.tv
Formula 1 กับ นาฬิกา หนึ่งใน Gadget ที่แยกจากวงการความเร็วไม่ได้ !!!

การแข่งขัน Formula 1 ฤดูกาล 2023 ระเบิดฉากความมันส์ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยลงทำการแข่งขันผ่านไปแล้ว 3 สนาม (บาห์เรน, ซาอุดิอาราเบีย และล่าสุดที่ออสเตรเลีย) ด้วยคะแนนนำของ 2 คู่หู จาก Red Bull Racing Honda RBPT โดยแชมป์โลก 2 สมัยล่าสุด Max Verstappen เป็นผู้นำคะแนนสะสมประเภทนักขับ ตามมาด้วยทีมเมทอย่าง Sergio Perez ส่วนอันดับ 3 ในตารางคะแนนปีนี้ ถือว่าเซอร์ไพรซ์มากๆ ด้วยการคว้าอันดับที่ 3 จากการแข่งขันทั้ง 3 รายการ นักขับของจอมเก๋า Fernando Alonso จากทีม Aston Martin Aramco Mercedes อย่างไรก็ตาม การแข่งขัน Formula 1 ฤดูกาล 2023 ยังคงอีกยาวไกล โดยมีเรซให้ลงชิงชัยอีกถึง 21 รายการ ซึ่งจนกว่าจะถึงวันนั้น เราคงไม่อาจคาดเดาได้ง่ายๆ ว่า ใครจะได้เป็นแชมป์โลกมอเตอร์สปอร์ตระดับสูงสุดในปีนี้

เมื่อพูดถึงการแข่งขัน Formula 1 แล้ว Gadget อย่างหนึ่ง ที่ทุกคนล้วนมองเป็นเรื่องเดียวกัน คงหนีไม่พ้น นาฬิกาข้อมือ ซึ่งเชื่อมโยงกับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตมาโดยตลอด (ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ นาฬิกา ใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อจับเวลาในการแข่งขัน และส่วนต่อมา คือ เรื่องของแฟชั่น) โดยในยุคก่อนที่ยังไม่มีนาฬิกาแบบดิจิตัล หรือ เครื่องมือจับเวลาอัตโนมัติ ในวงการความเร็วมักจะใช้นาฬิกาในรูปแบบโครโนกราฟ เป็นอุปกรณ์ในการจับเวลา ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ก็ยังมีผลายแบรนด์ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้วยนาฬิกาในรูปแบบนี้อยู่ เช่น Rolex Daytona, TAG Heuer Carrera หรือ TAG Heuer Monaco แน่นอนว่า นาฬิกาเหล่านี้ ถือเป็นรุ่นบุกเบิกที่ปูรากฐานการจับเวลาของวงการมอเตอร์สปอร์ตจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แล้วใครเคยสงสัยกันไหมว่า นักแข่ง หรือ ทีมแข่ง Formula 1 ทีมไหน…ใส่นาฬิกาแบรนด์ใดกันบ้าง ? แต่เท่าที่ดูแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมนาฬิกาแบรนด์ดังๆ จึงเลือกที่จะสนับสนุนทีมแข่ง Formula 1 ในทุกยุคสมัย

Red Bull Racing กับ TAG Heuer

Red Bull ถือเป็นราชาแห่งวงการ Formula 1 ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมี Christian Horner เป็นบอสใหญ่ในทีม และถือเป็นเบื้องหลังความสำเร็จในการคว้าแชมป์โลก 2 สมัยซ้อน (รวมถึงสมัยที่ 3 ต่อเนื่องในปีนี้) ของ Max Verstappen และแชมป์ประเภทผู้ผลิต หลังจากที่ครองตำแหน่งในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากทั้งนักขับเบอร์ 1 รวมถึงทีมเมท Sergio Perez สามารถเก็บเกี่ยวผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่ Red Bull Racing Honda RBPT จะไปถึงฝั่งฝันในการแข่งขัน Formula 1 ฤดูกาล 2023 เช่นเดียวกัน ส่วนทางฝั่ง TAG Heuer ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีสัมพันธ์อันดีกับทาง Red Bull จนกลายมาเป็นที่มาของรุ่น TAG Heuer Formula 1 X Red Bull Racing Chronograph หรือคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใน หากคุณจะเห็น Christian Horner ใส่ Autavia Flyback Chronograph หรือ 60th Anniversary Carrera ปรากฏบนหน้าจอทีวีอยู่บ่อยครั้ง

Ferrari กับ Richard Mille

Ferrari เป็นอีกหนึ่งทีมที่อยู่คู่กับวงการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับสูงสุดอย่าง Formula 1 มานาน และถือเป็นทีมที่มีกองเชียร์เหนียวแน่นที่สุด โดยเฉพาะกลุ่ม Tifosi (เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มแฟนตัวยงของ Ferrari ในวงการ Formula 1) อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงเลยจุดสูงสุดของทีม Ferrari มาค่อนข้างนาน (ทำได้ใกล้เคียงที่สุดในฤดูกาล 2022 แต่ยังคงมีข้อผิดพลาดส่วนตัวมากมายทั้งในและนอกสนาม ทำให้สุดท้าย Red Bull สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้แบบไม่มีอะไรต้องลุ้นในช่วงท้าย) ซึ่งคงต้องมาลุ้นกันว่า ด้วยการทำทีมของ Frederic Vasseur จะสามารถนำ Ferrari กลับสู่จุดสูงสุดของการแข่งขันได้หรือไม่ ? ส่วนนาฬิกาแบรนดที่เลือกจับคู่กับ Ferrari คือ Richard Mille ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในโลกแห่งนาฬิการะดับพรีเมี่ยม โดยบ่อยครั้งที่เราจะจะเห็น Charles Leclerc สวม RM 67-02 ก่อนที่จะลงสนาม ซึ่งรวมไปถึงทีมเมทของเขา Carlos Sainz รวมถึงทีมงานของ Ferrari กว่าค่อนทีม

Mercedes AMG Petronas กับ IWC

Mercedes AMG Petronas ถือเป็นทีมที่ประสบความสำเร็วใจการแข่งขัน Formula 1 มากที่สุดในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อมีการเปลี่ยนกติกาในฤดูกาล 2022 รถของพวกเขาดูจะยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร และไม่สามารถคำหาความสำเร็จได้ตามเป้า เช่นเดียวกับในฤดูกาล 2023 ที่ยังอยู่ในช่วงการพัมนาที่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ ในส่วนของนาฬิกาที่ทีม Mercedes AMG Petronas เลือกจับคู่ด้วยก็คือ IWC Schaffhausen เป็นแบรนด์นาฬิกาที่สร้างชื่อมาจากวงการอากาศยาน ซึ่งแม้จะดุไม่ติดหูในวงการมอเตอร์สปอร์ตเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ แต่ที่ผ่านมา IWC Schaffhausen ก็ออกรุ่นพิเศษ สำหรับ Mercedes AMG Petronas มาแล้วหลายรุ่น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

Aston Martin กับ Girard-Perregaux

ใครเลยจะเชื่อว่า…หากไม่นับ Red Bull แล้ว Aston Martin Aramco Mercedes จะกลายมาเป็นทีมที่ทำผลงานได้น่าสนใจที่สุดใน Formula 1 ปีนี้ ด้วยผลงานของอดีตแชมป์โลกจอมเก๋าอย่าง Fernando Alonso ซึ่งคงเป็นเรื่องน่าติดตามว่า ในท้ายที่สุดแล้ว เขาจะพา Aston Martin ไปได้ไกลแค่ไหน โดยนาฬิกาทีททีมนี้เลือกใช้ก็คือ Girard-Perregaux ซึ่งเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ระดับสูงสุดคล้ายกับ IWC โดยแบรนด์นี้ทำรุ่นพิเศษในชื่อ Laureato Absolute Chronograph Aston Martin F1 Edition ซึ่งโดดเด่นด้วยสีเขียว พร้อมล้อมกรอบด้วยเนื้อเซรามิคสุดประณีต

McLaren กับ Richard Mille

McLaren มีประวัติศาสตร์ในการแข่งขัน Formula 1 มาอย่างยาวนาน และถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและสร้างสีสันให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับสูงได้อย่างน่าสนใจ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในยุคปัจจุบัน ผลงานของทีมยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม…เราคงมีโอกาสที่จะได้เห็นอนาคตอันสวยงามของ McLaren ในอนาคต สำหรับทีมนี้เป็นอีกหนึ่งทีมที่เลือกจับคู่กับแบรนด์เนมอย่าง Richard Mille แต่แน่นอนว่าระหว่าง McLaren และ Ferrari ย่อมมีความแตกต่างและเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งแต่ละค่ายมีความพิเศษเพื่อที่จะนำเสนอรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ รุ่นในตำนาน RM67-02 แบบเดียวกับที่ Lando ถูกปล้นไปเมื่อปีก่อน

Williams กับ Bremont

Williams Racing กลายเป็นทีมที่ได้รับความสนใจจากแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย หลังจากที่ Alex Albon AA23 ทำผลงานได้อย่างยน่าประทับใจในฤดูกาล 2022 ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา ทีมจะมีการอัพเกรดด้วยโครงสร้างและขุมพลังที่น่าเกรงขามมากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าติดตามว่าผลงานใน Formula 1 2023 จะทำออกมาได้ดีขนาดไหน โดยนาฬิกาคู่ใจของพวกเขา คือ Bremont Chronometres แบรนด์สัญชาติอังกฤษ ที่ถือกำเนิดโดยความร่วมมือระหว่าง 2 พี่น้อง Giles และ Nick English โดยทางค่ายได้ผลิตนาฬิการุ่นแรกภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Williams กับ Bremont ในชื่อ Bremont RW-22

Alfa Romeo กับ Rebellion

จากสังกัด Sauber F1 Team อันโด่งดัง ใน 5 ปีต่อมา Alfa Romeo ผันตัวเองจนกลายมาเป็นตัวของตัวเอง พร้อมสร้างผลงานในระดับที่น่าสนใจจากคู่หูต่างสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นพระรองจอมเก๋า Valtteri Bottas รวมถึงดาวรุ่นแดนมังกรอย่าง Zhou Guanyu ที่ทำผลงานได้ดีตามระดับของทีมที่เป็นอยู่ นาฬิกาแแบรนด์ที่เลือกจับคู่กับ Alfa Romeo ก็คือ Rebellion ซึ่งเป็นแบรนด์เล็กๆ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้สร้างนาฬิกาด้วยแรงยันดาลใจจากยานยนต์และเครื่องจักร รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งที่ผลิตชิ้นส่วนให้กับแบรนด์ดังอย่าง Richard Mille, MB&F รวมถึง Hublot อีกด้วย แม้ว่า Rebellion จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เปิดตัวมาเพียง 14 ปี แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่าสร้างผลงานได้อย่างน่าสใจ โดยเฉพาะกับรุ่น Re-Volt C43 ที่ 2 นักแข่งสวมใส่ ซึ่งมีชิ้นส่วนของตัวแข่ง Alfa Romeo F1 รวมอยู่ด้วย

Alpine กับ Bell & Ross

Alpine หรือที่หลายคนอาจคุ้นหูในชื่อ Renault (เดิม) จบอันดับที่ 4 ในตารางการแข่งขัน Formula 1 2022 ประเภททีมผู้ผลิต ก่อนจะเสียนักแข่งมือดีอย่าง Fernando Alonso ให้กับ Aston Martin และดึง Pierre Gasly เข้ามาเป็นทีมเมทคนใหม่ให้กับ Esteban Ocon ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทีมเชฟ Otmar Szafnauer จะได้สร้างทีมที่มีอันดับที่ดี (พอที่จะลุ้นโพเดี้ยม) ใน Formula 1 ฤดูกาลนี้ โดย Bell & Ross แบรนด์นาฬิกาที่ Alpine เลือกใช้ เป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยในค็อกพิทของเครื่องบิน นั่นจึงดูเป็นดีไซน์ที่เหมาะอย่างยิ่งกับวงการมอเตอร์สปอร์ต ที่โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ความเร็วเกินกว่า 320 กม./ชม.  สำหรับรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อ Alpine F1 โดยเฉพาะก็คือ Bell & Ross BR 03-94 A521 ที่โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินอัลไพน์ จับคู่กับวัสดุที่มีความแข็งแรง ควรค่ากับการเป็นเครื่องประดับแห่งวงการ Formula 1 อย่างแท้จริง


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy