Home » 10 ไฮไลท์ต้องรู้ !!! กับ Formula 1 2022 จะได้ดูสนุก และคุยกับเขารู้เรื่อง…

10 ไฮไลท์ต้องรู้ !!! กับ Formula 1 2022 จะได้ดูสนุก และคุยกับเขารู้เรื่อง…

by Admin clubza.tv

รถแข่ง Formula 1 2022 เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย โดยมีรายละเอียดที่เปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตา แน่นอนว่าตัวรถ Formula 1 2022 มีการปรับรายละเอียดตั้งแต่หัวจรดท้าย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ เรื่องการใช้ชิ้นส่วนแอโร่ไดนามิคส์ เพื่อลดช่องว่างระหว่างต้นทุนในการทำทีม ให้การแข่งขันเป็นไปอย่างสูสี แน่นอนว่าการแข่งขัน Formula 1 2022 แม้จะยังไม่เริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่ก็เชื่อว่าแนวคิดที่วางไว้ จะช่วยยกระดับความสนุกในการแข่งขัน รวมถึงการรับชมให้สูงขึ้น โดยก่อนที่จะเริ่มสัมผัสความมันส์ในฤดูกาลถัดไป เราไปดู 10 ไฮไลท์ ที่ต้องรู้เกี่ยวกับการแข่งขัน Formula 1 2022 กันก่อนดีกว่า

นักแข่งพร้อมหรือยัง…เราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คนดู…พร้อมมาก !!!

1.ชัดเจนว่า…เปลี่ยนเพื่อการแข่งขันที่สูสี

อันที่จริงแล้ว รถที่จะใช้แข่งขัน Formula 1 2022 ถูกกำหนดให้เริ่มใช้ในฤดูกาลปัจจุบัน แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของ Corona Virus ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการออกไปเป็นปีหน้า เพื่อไม่ให้ทีมผู้เข้าร่วมแข่งขัน แบกรับต้นทุนในการพัฒนารถรูปแบบใหม่มากจนเกินไป ประเด็นหลักๆ ในการปรับรูปแบบตัวรถแข่ง Formula 1 2022  ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คือ ต้องการให้สามารถแซงกันได้ง่ายขึ้น นั่นเป็นเหตุผลหลัก ส่วนผลพลอยได้ที่จะตามมา คงหนีไม่พ้นการลุ้นผลการแข่งขันกันแบบสุดมันส์ โดยหัวใจหลักที่ทำให้การแข่งขัน Formula 1 ในฤดูกาลที่ผ่านๆ มา แซงกันได้ยาก เป็นเพราะทิศทางการไหลเวียนของกระแสลมจากรถด้านหน้าที่ส่งผลต่อรถที่ขับตามมามากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมรถได้อย่างที่ต้องการ (ฝรั่งเรียกว่า Dirty Aerodynamic) แต่สำหรับการแข่งขัน Formula 1 2022 ทุกอย่าง…จะเปลี่ยนไป ! จากการวิจัยพบว่า ณ ปัจจุบัน รถที่ขับตาม จะสูญเสีย Downforce จากการรบกวนโดยกระแสลมที่มาจากรถคันหน้าถึง 35% หากวิ่งตามหลังในระยะ 20 ม. และจะยิ่งเสียแรงกดเพิ่มขึ้นเป็น 47% ในระยะห่าง 10 ม. แต่สำหรับรถแข่ง Formula 1 2022 ที่พัฒนาโดยทีมงานของ F1 ร่วมกับ FIA จะช่วยลดผลกระทบจากรถคันหน้าให้เหลือเพียง 4% ในระยะ 10 ม. และ 18% ในระยะ 20 ม. !!!

ว่าที่ตัวแข่ง Formula 1 2022

2.ครั้งแรกกับ Winglet ที่ล้อ และการกลับมาของฝาครอบล้อ

อีกหนึ่งในภาพลักษณ์ที่สังเกตได้ด้วยตาของรถแข่ง Formula 1 2022 ก็คือ การเพิ่ม Winglet บริเวณล้อหน้า ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ กับอีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนคุ้นเคย หากมองย้อนไปถึงกาารแข่งขัน Formula 1 ยุค 2009 นั่นก็คือ ฝาครอบล้อ แน่นอนว่าการเปลี่ยนล้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เวลาที่ล้อหมุนด้วยความเร็วสูง ก็ยิ่งจะส่งผลต่อกระแสลมที่ปั่นป่วนอยู่ภายในล้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อแอโร่ไดนามิคส์ทั้งบริเวณนั้น รวมถึงจุดอื่นๆ การใช้ฝาครอบล้อ จะช่วยเรื่องการลดลมหมุนวนภายในล้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนปีกเหนือล้อ ทำหน้าที่รีดลมจากล้อหน้าเพื่อลดภาระของปีกด้านหลัง เช่นเดียวกับชุดจมูกหน้าที่มีการเสริมปีกที่มุมด้านนอก ที่ไว้ต่อการรับและปรับทิศทางของลม สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าการสร้างแอโร่ไดนามิคส์ที่ดีให้กับตัวเอง คือ การลดลมปะทะที่คอยเล่นงานรถที่ตามมาด้านหลัง

ล้อ 18 ยางแก้มเตี้ย เพิ่มฝาครอบล้อ + Winglet

3.ครั้งแรกกับล้อ 18 นิ้ว และยางแก้มเตี้ย…ซิ่งแล้วเชื่อดิ !

ก่อนหน้าที่รถแข่ง Formula 1 2022 จะเปิดตัว หลายๆ คนที่ติดตามวงการรถสูตร 1 อย่างต่อเนื่อง ก็คงจะเห็นคลิปทดสอบยางไซส์ 18 นิ้ว ของทาง Pirelli ออกมาเรื่อยๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน Formula 1 ฤดูกาล 2022 โดยโครงสร้างและเนื้อยางสำหรับล้อขนาด 18 นิ้ว ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อลดความร้อนสะสมของยางเมื่อวิ่งตามรถคันหน้าในระยะใกล้ (แน่นอนว่าการวิ่งตามรถคันหน้าในระยะใกล้ และส่งให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของยางด้อยลง ด้วยการบดบังกระแสลมจากรถด้าหน้า รวมถึงความเครียดของยางในขณะทำความเร็วเพื่อไล่ตาม) ข้อดีของการใช้ยางที่แก้มเตี้ยลง คือ ช่วยลดการผิดรูปของแก้มยาง เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รวมถึงลดการหมุนวนของลมที่เกิดจากยางอีกด้วย ที่สำคัญสุดๆ คงหนีไม่พ้น การสามารถนำพื้นฐานในการออกแบบยาง ไปถ่ายทอดสู่การพัฒนายางที่ใช้สำหรับรถทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาได้อย่างมหาศาล

ปีกและจมูกหน้า เน้นรีดลมออกข้าง…แบบไม่ต้องเผื่อแผ่

4.จมูกและปีกหน้าดีไซน์ใหม่ทั้งหมด

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข้อกำหนดในการออกแบบปีกหน้าที่จำกัดวงให้แคบลงเรื่อยๆ แต่สำหรับรถแข่ง Formula 1 2022 จะมาพร้อมดีไซน์จมูกและปีกหน้าต่างจากที่เราเคยเห็นไปอย่างสิ้นเชิง แนวคิดการออกแบบปีกหน้าใหม่ คือ ต้องสร้างแรงกดอย่างสม่ำเสมอ แม้ในยามที่วิ่งตามรถคันหน้าในระยะใกล้ พร้อมทั้งควบคุมทิศทางลมจากล้อหน้าและรบกวนรถคันหลังน้อยที่สุด โดยไม่เน้นการรีดลมออกด้านข้างในระยะที่กว้างเกินไป (รีดออกข้าง…แต่ลู่ไปกับตัวรถ ไม่กระจาย) และไม่รีดลงใต้ท้อง เพื่อให้ดิฟิวเซอร์จัดการจนสร้างภาระให้กับรถที่ตามหลัง เหมือนกับที่เป็นอยู่ในรถ Formula 1 ยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นการรบกวนรถคันอื่นมากไป

***ในตอนแรก…ทาง F1  Motorsports Team ผู้ออกแบบจะไม่ให้ใช้ปีกหน้า แต่กลับถูกต่อต้านเสียก่อน จนต้องมีอย่างที่เห็น ซึ่งถ้าไม่มีจริงๆ มันคงจะเป็นตัวแข่ง Formula 1 ในเวอร์ชั่นที่เราไม่ค่อยคุ้นตาเลยจริงๆ

Basic is Back !

5.แนวคิด Aero Feature ในยุค 70 กลับมาแล้ว !

แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงตัวแข่ง Formula 1 ในยุค 2022 ซึ่งอันที่จริงแล้ว ความพยายามของผู้จัด ในเรื่องการควบคุมระบบแอโร่ไดนามิคส์เพื่อการแข่งขันที่สูสีมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่เรื่อง Ground Effect ที่มีการใช้มาตั้งแต่ในช่วงยุค 70 ด้วยการติดตั้ง Aero Package ในลักษณะปีกเครื่องบินคว่ำ (ปีกเครื่องบินโดยปกติ ออกแบบให้สร้างแรงยกตัว เมื่อวิ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง แต่ชิ้นส่วนที่ติดตั้งในรถ Formula 1 ทำงานในทิศทางตรงข้ามกัน คือ ยิ่งวิ่งได้เร็ว ยิ่งต้องสร้างแรงกดได้มาก) ก่อนที่จะเลิกใช้การออกแบบในรูปแบบนี้ในปี 1982 การนำเงื่อนไขในการแข่งขันช่วงยุค 70 กลับมาใช้ อาจไม่ใช่ในรูปแบบเดียวกันโดยตรง แต่เป็นการปรับรูปแบบของพื้นรถ จากปัจจุบันที่เป็นรูปแบบแผ่นเต็มปิดใต้ท้อง แต่สำหรับรถแข่ง Formula 1 2022 จะใช้พื้นที่มีลักษณะเป็นช่อง เพื่อสร้างประสิทธิภาพการจัดการแอโร่ไดนามิคส์จาก Ground Effect ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (รถยุคปัจจุบันก็ทำได้…แต่ยังไม่ดีเท่า) ซึ่งเอื้อประโยชน์อย่างยิ่งในขณะที่วิ่งตามรถด้านหน้า (แรงลมที่มาปะทะ เพื่อสร้างแรงกดมีน้อยลงเมื่อใช้พื้นในรูปแบบเดิม แต่สำหรับรูปแบบใหม่ แม้จะวิ่งตามรถคันข้างหน้า มีลมปะทะน้อย แต่ก็สามารถจัดการกับลมที่มี เพื่อสร้างแรงกดได้สูงขึ้น) ลองนึกถึงเครื่องบิน เวลาบินผ่านช่วงที่อากาศเป็นสุญญากาศ จะเกิดอาการที่เรียกว่า ตกหลุมอากาศ หรือ ปีกไม่กินลม  สำหรับรถ Formula 1 ก็เช่นกัน การขับผ่านช่วงที่รถไม่มีลมให้ใช้ จะส่งผลต่อการควบคุมอย่างยิ่ง

ดีไซน์ใหม่ เน้นยกลมขึ้นลง ลดการรบกวนรถที่ตามมาข้างหลัง

6.หางหลังดีไซน์ใหม่…รีดลมให้พ้นรถที่วิ่งตาม

หางหลังของรถแข่ง Formula 1 2022 ถูกออกแบบใหม่ให้มีความโค้งมนแบบที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยนัก หากพูดถึงภาพลักษณ์โดยไม่เน้นคุณสมบัติด้านอื่นๆ ต้องยอมรับว่า…มันดูมีสไตล์มาก จุดที่เป็นปัญหาอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขัน Formula 1 คือ ลมที่ไหลออกมาจากรถคันหน้า ที่เรียกว่า Dirty Aerodynamic สร้างผลกระทบให้กับรถคันหลังมากเกินไป การออกแบบสปอยเลอร์ยุคใหม่ จะช่วยลดผลกระทบนั้น โดยเมื่อทำงานร่วมกับชุดดิฟฟิิวเซอร์แล้ว ลมที่ถูกรีดออกมาจากด้านท้ายของรถคันด้านหน้า จะไม่สร้างภาระให้กับรถที่ขับตามมามากเกินไป นอกจากนี้ในส่วนของ DRS ที่ใช้เพื่อการเร่งแซงโดยปรับแอโร่ไดนามิคส์ในจุดที่กำหนด จะยังคงมีให้ใช้เหมือนเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้น…ณ เวลานี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ รวมถึงศึกษาผลที่จะตามมาการใช้ เมื่อต้องเจอกับแอโร่ไดนามิคส์แพคเกจที่เปลี่ยนไป

7.ขุมพลังยังคงเดิม #อะไรที่ไม่ได้เสีย…อย่าไปซ่อมมัน

แม้ว่าหลายสิ่งอย่างจะเปลี่ยนไปในการแข่งขัน Formula 1 2022 แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ใช้ โดยเครื่องยนต์นั้น ยังคงเป็นบล้อค 1.6 ลิตร เทอรโบ ไฮบริด ซึ่งคงไม่ใช่สิ่งเลวร้าย เพราะจะว่าไป นี่คือ สุดขอดเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ที่สามารถทำได้แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น…มีการปรับเล็กน้อยในระบบเชื้อเพลิง รวมถึงการเพิ่มเซ็นเซอร์ในบางจุด เพื่อให้การตรวจสอบของทาง FIA ทำได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น

ของที่ไม่ได้เสีย…อย่าไปซ่อมมัน

8.เน้นการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

จากเรื่องคุณสมบัติของเชื้อเพลิงที่เกริ่นไว้ก่อนนี้ สำหรับการแข่งขัน Formula 1 ในยุคปัจจุบัน กำหนดให้ใช้เชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมทางชีวภาพ 5.75% แต่ทางผู้จัดกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อคิดสูตรเชื้อเพลิงที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยในการแข่งขัน Formula 1 2022 เราจะได้เห็นเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของส่วนประกอบจากธรรมชาติถึง 10% (หรือ E10 คล้ายพวกน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ที่เราคุ้นเคย) เพื่อลดการปล่อยก๊าซไอเสียรวมถึงคาร์บอนได้มากขึ้น ซึ่งการพัฒนาดังกล่าว สามารถต่อยอดมาสู่การพัฒนาเชื้อเพลิงที่ใช้ทั่วไปในปัจจุบันด้วย

ในวงการมอเตอร์สปอร์ต เหนือกว่าสิ่งอื่นใด คือ เรื่องความปลอดภัย

9.มาตรฐานใหม่ของความปลอดภัย

ถ้าจะบอกว่าตัวแข่ง Formula 1 2022 เป็นรถแข่ง F1 ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็คงจะไม่ผิด ด้วยการปรับโครงสร้างใหม่ ที่ต้องสามารถดูดซับแรงกระแทกได้มากขึ้นอีก 48% หากมีการแรกแทกจากด้านหน้า และ 15% สำหรับการโดนกระแทกจากทางด้านท้าย นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างตัวรถให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย จากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับ Romain Grosjean ที่ Bahrain Grand Prix 2020 ครั้งนั้นเกิดไฟลุกท่วมจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่สำหรับรถแข่ง Formula 1 2022 เมื่อเครื่องยนต์และตัวถังถูกกระแทกจนแยกจากการ ถังน้ำำมันจะได้รับการกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องมีการปรับรายละเอียดในเรื่องความปลอดภัยก็คือ ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้นอีกราว 5% จาก 752 เป็น 790 กก. เมื่อมีการกระแทก อาจมีโมเมนตัมที่มากกว่ารถแข่ง Formula 1 ยุคปัจจุบัน จึงต้องออกแบบตัวถังใหม่ ให้สามารถรองรับเหตุไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

การจะเป็นรถในระดับที่สามารถแข่ง Formula 1 ได้ ทุกอย่าง…ล้วน “คิดมาแล้ว” ทั้งสิ้น

10. Formula 1 2022 กว่าจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่แค่การใช้จินตนาการ

แม้ว่าหลายคนจะยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Formula 1 2022 อยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กว่าจะมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างทที่เราได้เห็น มีการจำลองในรูปแบบ Simulator มากกว่า 7,500 ครั้ง จนได้มาซึ่งข้อมูลระดับ “ครึ่ง Penta Bite” (ประมาณ 5 แสน Giga Bite หรือ 3.3 พันล้านรูปบน Facebook) ไม่ใช่แค่การวาดภาพในอากาศ ต้องยอมรับว่า Formula 1 เป็นกีฬาระดับแนวหน้าของโลก ที่ต้องการความแม่นยำในทุกจุด ซึ่งใน 7,500 ครั้ง ของการทดสอบ กินเวลาถึง 16.5 ล้านชั่วโมงคอร์ (คอมพิวเตอร์ Quad Core Intel i9 ต้องใช้เวลาถึง 471 ปี เพื่อการแก้ปัญหา)

เจอกันใน Formula 1 ฤดูกาล 2022

นอกจากนี้รถแข่ง Formula 1 2022 ยังถูกทดสอบในอุโมงลมของ Sauber ที่สวิตเซอร์แลนด์ ใน 138 คอนดิชั่นพื้นฐาน ด้วยการเปิดลมถึง 100 ชม. ใน 2 ปีที่ผ่านมา โดยยังมีช่องให้ทีมแข่งสามารถปรับรูปแบบการทำงานภายใต้กติกาที่กำหนด ซึ่งเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวใน Formula 1 2022 จะยกระดับการแข่งขันให้สนุก เร้าใจมากขึ้น

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Formula 1

……………………………………

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy