Home » Ford Next Level Experience ยกพลพันธ์แกร่งบุกซาปา พิชิตดินแดนหลังคาอินโดจีน

Ford Next Level Experience ยกพลพันธ์แกร่งบุกซาปา พิชิตดินแดนหลังคาอินโดจีน

by Admin clubza.tv
Ford Next Level Experience

Ford ประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ “พันธุ์แกร่ง” เชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสเส้นทางหฤโหด ณ เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม ในกิจกรรม Ford Next Level Experience ซึ่งงานนี้ ทางค่ายจัดรถในกลุ่ม Next Gen ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกันอย่างหลากหลาย นำทีมโดย Ford Ranger Raptor ปิคอัพออฟโร๊ดสมรรถนะสูง ที่มีมาให้ลองกันทั้งในรูปแบบเบ็นซิน เทอร์โบ พิกัด 3.0 ลิตร รวมถึงดีเซล ไบเทอร์โบ 2.0 ลิตร นอกจากนี้ยังมีอีก 2 รุ่นไฮไลท์ ที่เปิดตัวในช่วงเดือนมีนามคม ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย Ford Ranger Stormtrak และ Ford Everest Wildtrak

ฝูง Ford Next Gen ในกิจกรรม Ford Next Level Experience เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม

มิติใหม่…การนั่นรถบัสโดยสารระยะไกลในเวียดนาม

เช่นเคย…งานนี้ Mr.Pajingo ได้รับความไว้วางใจจาก บอสมิส ให้เข้าร่วมกิจกรรมกับทาง Ford ประเทศไทย โดยครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางไปเยือนเมืองซาปา จังหวัดหล่าวกาย ประเทศเวียดนาม (เมืองที่มีพรมแดนติดกับมลฑลยูนนาน ประเทศจีน) เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่เรียกได้ว่า เป็นการเปิดมิติใหม่แห่งการมาเยือนซาปา เริ่มตั้งแต่การนั่งรถบัสโดยสารที่ทาง Ford จัดเตรียมไว้ให้ จากสนามบิน Noi Bai ชานเมืองฮานอย (ครั้งแรกขับรถไปจากไทย, ครั้งที่ 2 ขี่มอเตอร์ไซค์ไปจากไทย) ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา 2 ครั้ง ก่อนหน้า ทำให้อดคิดไม่ได้ การการเดินทางด้วยรถบัสโดยสารนั้น มันจะตื่นเต้น หวาดเสียวได้มากขนาดไหน (ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน วิธีการใช้รถใช้ถนนของชาวเวียดนาม คือ สุดแห่งความท้าทาย แบบเห็นแล้วอดเสียวทุกโค้งไม่ได้จริงๆ) แต่พอได้ลองนั่นจริงๆ กับระยะทางราว 300 กม. กลับไม่ได้รู้สึกว่าตื่นเต้น หวาดเสียวอะไรมากขนาดนั้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเส้นทางที่ใช้ ในครั้งนี้ คณะ Ford เดินทางโดยใช้ทางด่วน (ยุคที่เดินทางครั้งแรก เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ดูจะยังไม่มีเส้นทางนี้ให้ใช้ เลยต้องใช้เส้นทางชนบท ที่ต้องลัดเลาะเขาตลอดช่วง และไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก 300 กม. นี่คือ ต้องใช้เวลาร่วมๆ 1 วัน แน่นอน) ดิ่งตรงจากสนามบิน สู่จังหวัดหล่าวกาย แบบชิลล์ๆ ภายใต้มาดอันสุขุมประดุจ Donnie Yen ของพี่โชว์เฟอร์ พาคณะเดินทางมาถึงซาปา ได้อย่างปลอดภัย

ซาปาวันนี้ ต่างจากเมื่อ 10 กว่าปีที่เคยไป จนแทบจำไม่ได้ !

ซาปาหนาวทั้งปี ! คราวหลังใครพูดแบบนี้ คิดไว้ก่อน…เขาโกหก หรือ ไม่รู้จริง !

สิ่งหนึ่งที่หลายคนฝันหา ในการไปเยือนเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า ซาปา ดินแดนแห่งหลังคาอินโดจีน คือ สภาพอากาศที่หนาวเย็น ด้วยระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 ม. ซึ่งก่อนหน้านี้ เรามักโดนคำพูดกรอกหูมาตลอดว่า “ซาปา…หนาวทั้งปี” แต่การเดินทางในครั้งนี้ หาเป็นเช่นนั้นไม่ ! งานนี้ Mr.Pajingo ที่เป็นคน “กลัวหนาว” ถึงกับเพลย์เซฟด้วยการเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย 1 ตัว (ทีมงาน Ford เตรียมไว้ให้อีก 1 ตัว) บทสรุปสุดท้าย คือ ไม่ได้ใช้ แม่x สักตัว ด้วยระดับอุณหภูมิแตะๆ 35 องศาเซลเซียส ขอเป็นเสื้อแขนยาวกันแดด ดูทรงจะเหมาะกว่า ซึ่งงานนี้…ผู้ร่วมเดินทางหลายๆ คน มีโอกาสได้ใช้บริการ “ร้านหญิงลี” (ร้านขายเสื้อผ้างานป้ายชื่อดังในย่านนั้น) หนึ่งในหมุดหมายของหลายคนในการมาเยือนดินแดนหลังคาอินโดจีน พร้อมได้บทสรุปกันถ้วนหน้า ซาปาหน้าร้อน…แทบไม่ต่างจาก กทม. บ้านฉัน เลยจริงๆ

ลัดเลาะหุบเขาผ่านหมู่บ้าน ในสภาพภูมิประเทศที่สูงชัน

วันแห่งโชค…ลุ้นกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว !

ในความเป็นจริง เซ็กชั่นการทดลองขับขี่ในกิจกรรม Ford Next Level Experience กับทั้ง Ford Ranger Raptor, Ford Ranger Stormtrak และ Ford Everest Wildtrak จะต้องเริ่มในวันถัดมา หลังจากที่เดินทางมาถึง โดย #ทีมขับซ่า แรนดอมได้รถคู่ใจเป็น Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เบ็นซิน V6 ตัวโหดความหวังหมูบ้าน เส้นทางที่ใช้เพื่อเข้าสู่สเตชั่นการทดสอบที่อ่างเก็บน้ำเสี่ยวมี่ที เป็นเส้นทางคอนกรีตผ่านหมู่บ้านในลักษณะหุบเขาขึ้นๆ ลงๆ ผ่านหมูบ้าน ระยะทางกว่า 50 กม. เดือนทางไปอีกไม่กี่อึดใจจะถึงจุดหมาย เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพื้นที่ที่เราใช้ทดสอบ (ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะ) มีเหตุจำเป็นในการใช้พื้นที่บางประการ สุดท้ายด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จึงต้องมีการขยับโปรแกรมกันเล็กน้อย โดยใช้โอกาสนี้ในการไปเยือนเขาฟานสิปัน ซึ่งเดิมทีแล้วเป็นโปรแกรมในวันถัดไปมาก่อน ซึ่งถือว่าทางทีมงาน Ford แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเลยทีเดียว

ติดอยู่ร่วม 30 นาที ในกระเช้า ก่อนได้ภาพสวยๆ ด้านล่างเป็นการตอบแทน

ยังไม่วายมีเรื่องให้ลุ้นอีกยาวๆ ที่ “ฟานสิปัน” 

เขาฟานสิปัน เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคอินโดจีน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึง 3,143 ม. วิธีการเดินทางของผู้คนส่วนใหญ่ จะเลือกการขึ้นด้วยกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 737,000 เวียดนามดอง (ประมาณ 1,100 บาท) สำหรับผู้ใหญ่ และ 540,000 เวียดนามดอง (ประมาณ 800 บาท) สำหรับเด็ก หรือถ้าใครที่ชื่นชอบความท้าทาย ได้ยินไกด์ท้องถิ่นกระซิบมาว่า สามารถเดินเทรลขึ้นได้ โดยใช้เวลาประมาณ 2 วัน ตามสูตร…ด้อยข้ออ้าง “บ้านไกล เวลาน้อย” เราเลือก “แก้ปัญหาด้วยเงิน” ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าดูจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด โดยกระเช้าของที่นี่ เป็นกระเช้าที่มีความยาวกว่า 6 กม. และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที ซึ่งเมื่อ Mr.Pajingo ก้าวขึ้นกระเช้าและปิดประตูออกตัวไปเพียงไม่กี่อึดใจ ระบบไฟเจ้ากรรมดันมีปัญหา ทำให้กระเช้าไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ผู้ร่วมชะตากรรมเลยต้องลอยเคว้งอยู่กลางอากาศนานร่วม 30 นาที ก่อนที่ระบบไฟจะได้รับการแก้ไขและพาเราไปยังจุดหมายที่ยอดเขาฟานสิปันอย่างปลอดภัย สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ คือ สภาพอากาศบนยอดเขา แม้ว่าจะเป็นภูเขาที่มีความสูงในระดับกว่า 3,100 ม. แต่เรายังสามารถเดินใส่เสื้อยืดถ่ายรูปชิลล์ๆ ได้แบบไม่สะทกสะท้าน ซึ่งต่างจากการมาในครั้งก่อนที่อยากจะรีบลงให้พ้นๆ ไปจากตรงนี้ แม้ใส่เสื้อกันหนาวมา 3 ชั้น เลยทีเดียว

ในที่สุด…เราก็ไปถึง พร้อมได้สัมผัสอรรถประโยชน์ใน Ford Ranger Stormtrak ณ อ่างเก็บน้ำเสี่ยวมี่ที

ลุ้นกันจนหยดสุดท้าย ก่อนได้ขับแล้ว…จริงๆ นะ

หลายชั่วโมง…หลังจากที่ได้ข้อสรุปว่า หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ก็ต้องเปลี่ยนวันเดินทางเข้าสเตชั่นของกิจกรรม (หลาย คือ หมายถึงร่วมๆ 20 ชั่วโมง ทราบอีกทีว่าสามารถเข้าพื้นที่ได้ เป็นเวลาประมาณ 7.00 น.) (หลาย คือ หมายถึงร่วมๆ 20 ชั่วโมง ทราบอีกทีว่าสามารถเข้าพื้นที่ได้ เป็นเวลาประมาณ 7.00 น.) ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันมาแล้วว่า ยังไงวันนี้…ได้ขับแน่นอน เส้นทางที่ใช้ยังคงเป็นเส้นทางเดิมจากวันก่อน (ที่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้) ด้วยความสูงชันของพื้นที่ในอาณาเขตหมู่บ้านที่อยู่ภายในหุบเขา ทำให้รถทดสอบในขบวน รวมถึงรถทีมงานทั้ง 22 คัน ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 10-20 กม./ชม. ด้วยสภาพเส้นทางที่ไม่โหดนัก ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับเคลื่อนสองล้อ หรือ 4A (ใน Raptor) ผ่านอุปสรรคไปแบบสบายๆ ในวันนี้ รถที่ Mr.Pajingo ได้ขับ คือ Ford Ranger Stormtrak เทียบความแตกต่างกับ Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์เบ็นซิน V6 นอกจากเรื่องฟีลลิ่งการตอบสนองแล้ว ข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือ เรื่องอัตราสิ้นเปลือง (โดยเฉพาะคนที่หวังอยากจะซื้อ Raptor ดีเซล เพราะคาดหวังในเรื่องความประหยัด) ตัวเลขของ Stormtrak ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกับ Raptor ดีเซล อยู่ที่ 4.2 กม./ลิตร (ขึ้นเขา ความเร็วมากกว่า Walking เล็กน้อย และมีช่วงที่ต้องเติมความเร็ว และเบรกบ่อยครั้ง) เทียบกับ Raptor เบ็นซิน V6 ที่ 3.3 กม./ลิตร เป็นการตอกย้ำว่า…อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของทั้ง 2 รุ่น ต่างกันน้อยมากในระดับที่ไม่ควรเอามาเป็นปัจจัยในการพิจารณา ซึ่งเมื่อเทียบกับออพชั่นที่หายไปในส่วนต่าง 1.5 แสนบาท ตัวเบ็นซิน คือ ไปได้สุดทางกว่ามากจริงๆ โดยเฉพาะการขับขี่ในโหมด Baja ที่เราจะได้ลองกันในวันนี้

ใสเส้นทางที่เข้ามา ตอกย้ำอีกครั้งว่า…หากมองดีเซล เพราะแค่เรื่องอัตราสิ้นเปลือง คุณอาจคิดผิด

สเตชั่น 3 รูปแบบ ลองกันแบบเน้นๆ แม้เวลาจำกัด แต่…จัดเต็มทุกดอก

เมื่อเข้าถึงพื้นที่อ่างเก็บน้ำเสี่ยวมี่ที สเตชั่นการทดสอบในกิจกรรม ถูกแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถในแต่ละรุ่นอย่างแท้จริง ด้วยความที่ Mr.Pajingo แห่ง #ทีมขับซ่า เป็นผู้ขับ Ford Ranger Stormtrak มาก่อน การทดสอบในเซ็กชั่นแรก จึงเน้นไปที่เรื่องประโยชน์ใช้สอย มากกว่าเรื่องสมรรถนะ โดยทาง Ford จัดกิจกรรมเรียกเหงื่อ กระชับมิตร ด้วยการนำซัพบอร์ดที่อยู่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ไปยึดเข้ากับ Flexible Rack ของ Ford Ranger Stormtrak ที่สามารถปรับได้ด้วยมือเดียว แน่นอนว่า…งานนี้เราได้เห็นจุดเด่นและความอเนกประสงค์ของตัวรถอย่างชัดเจน โดยชุด Flexible Rack สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้อย่างหลากหลาย รองรับทุกกิจกรรมของผู้ใช้ได้อย่างตอบโจท์ ภายใต้การปรับที่รูปแบบการใช้งานง่าย ด้วยชุดล็อคที่ออกแบบมาให้ลามารถล็คและปลดล็อคได้ด้วยมือเดียว ซึ่งตัวสปอร์ตบาร์ที่กระบะท้าย สามารถปรับตำแหน่งได้ถึง 5 ระดับ และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุดถึง 250 กก. (ขณะรถจอดนิ่ง) และ 80 กก. ในขณะที่รถวิ่ง

Ford Everest Wildtrak รถในสไตล์อเนกประสงค์ ที่ออกแบบมาให้พร้อมลุยมากยิ่งขึ้น

การทดสอบสมรรถนะสั้นๆ แบบกระชับ เน้นรับรู้ว่าทำได้จริง

เดินทางจากตัวเมืองซาปามาถึงที่อ่างเก็บน้ำเสี่ยวมี่ทีเกือบๆ 2 ชั่วโมง เราอาจขาดหวังการได้ขับทดสอบอย่างเข้มข้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สเตชั่นการทดสอบสมรรถนะทั้งหมด (รวม 2 สเตชั่น สำหรับสื่อแต่ละคน) ดูจะสั้นกว่าเวลาที่ Mr.Pajingo ไปติดแหง่กอยู่ในกระเช้าที่ฟานสิปันเสียอีก แต่เอาเถอะ…อย่างน้อย คือ เรารับรู้ได้ว่าฟังค์ชั่นการใช้งานที่ Ford ต้องการนำเสนอในรถแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Ford Everest Wildtrak และ Ford Ranger Raptor ทั้ง 2 เครื่องยนต์นั้น สามารถทำได้จริง และมีเทคโนโลยีที่โดดเด่นกว่าปิคอัพที่ทำตลาดในบ้านเราอยู่หลายช่วงตัว โดยสเตชั่นแรกของการทดลองสมรรถนะการขับขี่ในหล่มโคลน รวมถึงพื้นที่ธารน้ำที่เต็มไปด้วยหินลอย ในช่วงแรกที่ได้ขับ ตัวรถเป็น Ford Everest Wildtrak ที่เน้นความหลากหลายของโหมดการขับขี่ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ได้ง่าย ให้เหมาะกับสภาพเส้นทางนั้นๆ เพื่อให้การเดินทางผ่านอุปสรรคทำได้โดยง่าย เนื่องจากในแต่ละโหมด จะส่งการส่งถ่ายกำลังในลักษณะที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับสภาพเส้นทางที่ต้องเจอ งานนี้เลือกไม่ยาก เจอโคลนเลือกโคลน เจอหินเลือกหิน เจอถนนเปียกลื่น ก็เลือกไปตามนั้น…ไม่จำเป็นต้องคิดเยอะหรือแหวกแนว (ถ้าไม่ใช่ระดับมือเก๋าที่อยากลองอะไรแปลกใหม่)

จะโคลนหรือหิน แค่เลือกโหมดให้เหมาะ แล้วสนุกให้เต็มที่

เปิดฟังค์ชั่น Trail Control ที่เหลือแค่มองทางและหาช่องที่ผ่านได้ก็พอ

นอกจากนี้…ในสเตชั่นเดียวกัน Mr.Pajingo ยังได้ลองอีกหนึ่งรุ่น นั่นคือ Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ จุดเด่นในความเป็นปิคอัพสมรรถนะสูง คือ การมีโหมดรวมถึงฟังค์ชั่นการขับขี่ให้เลือกใช้ได้มากกว่า โดยเฉพาะในพื้นที่นี้ เราได้ลองใช้ฟังค์ชั่นที่เรียกว่า Trail Control ซึ่งจะทำงานในลักษณะที่คล้ายกับระบบ Adaptive Cruise Control สำหรับการขับขี่ในเส้นทางออพโรด ซึ่งความเร็วจะถูกล็อคไว้ในระดับที่เราตั้ง (สามารถเลือกเพิ่มหรือรถความเร็วได้ที่ปุ่มบนพวงมาลัยด้านซ้าย) หากเจออุปสรรคที่ต้องปีนป่าย ตัวรถจะทำการเร่งความเร็วให้โดยอัตโนมัติ ตามความเร็วที่ตั้งไว้ ในทางกลับกัน ขณะลงทางชัน ตัวรถจะรักษาความเร็วไว้ตามที่ผู้ขับขี่กำหนด ในลักษณะเดียวกับฟังค์ชั่น Hill Descent Control (ซึ่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ในกลุ่มที่ไม่ใช่ Raptor จะมีให้เลือกเพียง HDC เท่านั้น) ด้วยการทำงานของระบบ Trail Control ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการควบคุมพวงมาลัย โดยไม่ต้องพะวงกับการใช้คันเร่งและเบรก เพื่อเติมหรือรักษาความเร็วมากนัก

ความเร้าใจแบบนี้แหละ ที่มีให้ใน Raptor โดยเฉพาะ

ลองโหมด Baja ใครไม่มา…ถือว่าพลาด !

ก่อนที่การทดลองจะเสร็จสิ้น มาถึงอีก 1 โหมดพิเศษ ใน Ford Ranger Raptor ที่ไม่ลองคงไม่ได้ นั่นก็คือ นั่นก็คือ โหมด Baja บ้าพลัง เป็นโหมดที่เน้นสำหรับการขับขี่ออพโร๊ดความเร็วสูงโดยเฉพาะ พละกำลังมีแค่ไหนปล่อยเต็ม และพร้อมเติมให้ในขณะที่ทำได้ แน่นอนว่า แรงม้าในระดับ 397 ตัวของ Ford Ranger Raptor ขุมพลัง V6 3.0 ลิตร Twin Turbo ออกมาให้ใช้แบบหมดเปลือก สมกับความเป็นรถในสไตล์ออฟโร๊ดสมรรถนะสูงอย่างแน่นอน ในโหมดนี้…เราได้ลองกันเพียง 2 รอบสั้นๆ พอให้ได้ลิ้มรสความสนุก โดยปราศจากขีดจำกัดจาก Ford Ranger Raptor

Ford Next Level Experience

เป็นกิจกรรมการทดลองขับ Ford Next Gen ในช่วงสั้นๆ เน้นให้ได้รู้ถึงคุณสมบัติอันโดดเด่น และฟังค์ชั่นที่มีเฉพาะในรถแต่ละคัน ซึ่งหากเสพแล้ว ยังเกิดข้อสงสัยในเรื่องสมรรถนะในเชิงลึก สามารถติดตามเวอร์ชั่นเข้มข้้นได้ใน #ขับซ่า ตามลิ้งค์ที่แปะไว้ในล้านล่าง แน่นอนว่า “ครบรส” ละเอียดในทุกแง่มุมอย่างที่คุณอาจไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนๆ มาก่อน !


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy