Home » Ford GT40 เวอร์ชั่น EV จากตำนานแชมป์ Le Mans ในยุค 60 สู่อนาคตสปอร์ตอีวีที่เหนือชั้นไปอีกเลเวล

Ford GT40 เวอร์ชั่น EV จากตำนานแชมป์ Le Mans ในยุค 60 สู่อนาคตสปอร์ตอีวีที่เหนือชั้นไปอีกเลเวล

by Admin clubza.tv

เมื่อกลางปีก่อน Everrati บริษัท Restore รถในรูปแบบคสาสสิคให้กลายมาเป็น รถยนต์ในสไตล์สปอร์ตคลาสสิคพลังงานไฟฟ้า ได้ประกาศความร่วมมือกับ Superformance ผู้เชี่ยวชาญด้าน Restore รถสปอร์ตคลาสสิคที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาป (จับมือเพื่อการผลิตชิ้นส่วนตัวถังที่ใช้ร่วมกันเพื่อยังคงรักษามาตรฐานในระดับ OEM) ผุดโปรเจ็คท์คืนชีพตัวแข่งในตำนาน Ford GT40 ด้วยขุมพลังในรูปแบบ EV ซึ่งเป็นการผลสานกำลังระหว่างมอเตอร์ 2 ตัว ที่ล้อคู่หลัง เพื่อให้สปอร์ตในฝันคันดังกล่าว ตอบโจทย์ความชื่นชอบในอดีต รวมถึงความสามารถในการใช้งานสำหรับปัจจุบัน

GT40 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง EV จาก Everrati

11 เดือนให้หลัง จากการประกาศความร่วมมือ ทาง Everrati ก็ได้เปิดตัวรถ GT40 ในรูปแบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งด้วยคุณภาพที่ใกล้เคียงมาตรฐานจากโรงงาน ทำให้รถ GT40 คันนี้ เป็นรถ EV รุ่นเดียว ที่ได้รับการบรรจุอยู่ในสารบบของ Shelby Registry อย่างเป็นทางการ ซึ่ง Mike Kerr หัวหน้าทีมวิศวกรของทาง Everrati ออกมาให้ข้อมูลว่า “การได้รับเกียรติให้สร้างรถในตำนานอย่าง GT40 ในรูปแบบไฟฟ้า ถือเป็นความท้าทายและความภูมิใจอย่างแรงกล้า โดยความถูกต้อง และรายละเอียดในทุกขั้นตอนการสร้าง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปลุกตำนานตัวแข่งระดับแชมป์ Le Mans คันนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Everrati ทำข้อมูลเสนอแนวทางการออกแบบและควบคุมเป็นเอกสารทางการโดยใช้มาตรฐานเดียวกับ OEM

ขุมพลังของสปอร์ต GT40 ในรูปแบบ EV คันนี้ มาพร้อมชุดมอเตอร์แบบ  Radial Flux Permanent Pagnet 2 ตัว ขับเคลื่อนที่ล้อคู่หลัง ให้กำลังรวม 800 แรงม้า พร้อมแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ซึ่งส่งให้ GT40 จาก Everrati คันนี้ ทะยานจากจุดหยุดนิ่ง ถึงที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ใน 4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 201 กม./ชม. ใส่ส่วนของชุดแพคแบตเตอรี่ขนาด 60 kWh ของ GT40 ถูกวางไว้หลังเบาะนั่งคนขับ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับเครื่องยนต์ (เดิม) รวมถึงในชุดเฟรมที่ขอบประตูด้านล่าง ช่วยให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ซึ่งส่งผลให้ GT40 เวอร์ชั่น EV คันนี้ กระจายน้ำหนักได้ หน้า : หลัง อยู่ที่ 40 : 60 ซึ่งใกล้เคียงกับตัวแข่ง Le Mans ในยุค 60 ที่ทำเอาไว้ 38 : 62 ส่วนประสิทธิภาพในการชาร์จแบตเตอรี่ จาก 20-80% สามารถทำได้ในเวลา 45 นาที ซึ่งต่อการชาร์จเต็ม 1 ครนั้ง สามารถวิ่งได้ไกล 201 กม.

แม้ประสิทธิภาพการขับเคลื่อนหรือระยะในการเดินทาง อาจไม่ใช่รายละเอียดที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจของ GT40 คันนี้ ก็คือ น้ำหนักของตัวรถ ที่โดยรวมอยู่ในระดับเพียง 1,320 กก. (เบากว่าเวอร์ชั่นที่ใช้เครื่องยนต์ + น้ำมันเต็มถัง อยู่ 47 กก.) นอกจากนี้…อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมผู้ผลิต คือ เรื่องของอารมณ์ในการขับขี่ ซึ่งใน Race Mode ของ GT40 จาก Everrati มาพร้อมเสียงสังเคราะห์ของเครื่องยนต์ V8 ที่มีีความดังราว 110 เดซิเบล เพื่อกระตุ้นอารมณ์ในการขับขี่ โดยจะมีช่วงจำลองเสียงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสและความเร้าใจได้มากยิ่งขึ้น

GT40 จาก Everrati มาพร้อมชุดหน้าจอแสดงผลการขับขี่ที่ถ่ายทอดอารมณ์มาจากตัวแข่งในยุค 60 พร้อมฟังค์ชั่นการเชื่อมต่อยุคใหม่ ที่สามารถส่งถ่ายข้อมูลแบบ On Board ผ่านโครงข่าย 4G เพื่อวิเคราะห์อาการ รวมถึงปรับจูนได้แบบ Real Time โดย ณ เวลานี้ แม้จะยังไม่มีการเปิดราคาแพคเกจของ GT40 จาก Everrati แต่มีการประกาศรับจองเพื่อการผลิตเป็นที่เรียบร้อย


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy