หลังจากที่วางมือไปจากวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับสูงสุดไปตั้งปี 2004 ค่าย Ford ก็พร้อมคืนวงการอีกครั้ง โดยล่าสุดประกาศจับมือกับ Red Bull Racing ทีมแข่งแชมป์โลก Formula 1 สองปีซ้อน เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง “Hybrid Next Gen” เตรียมใช้ในการแข่งขัน Formula 1 ฤดูกาล 2026
การกลับมาพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง หรือที่เรียกกับสั้นๆ ว่า Powertrain ของ Ford และ Red Bull ในครั้งนี้ นอกจากหน่วยขุมพลังกังกล่าวจะถูกนำมาใช้กับทีมแข่ง Oracle Red Bull Racing แล้ว ทีมแข่งรุ่นน้องในเครืออย่าง Scuderia AlphaTauri ก็จะใช้ Powertrain ที่พัฒนาโดย Ford Red Bull ด้วยเช่นกัน โดยทั้งคู่จะใช้ขุมพลังชุดนี้ทั้งสิ้น 5 ฤดูกาล คือ ตั้งแต่ปี 2026 จนถึงปี 2030 ซึ่งด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการแสดงให้คนทั้งโลก โดยเฉพาะแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต เห็นว่า Ford พร้อมแล้วที่จะกลับมานำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในระดับสูงสุด อันเป็นพลังงานที่มีความยั่งยืน ซึ่งทางค่ายเน้นย้ำมาโดยตลอด
ชุด Powertrain ที่ Ford และ Red Bull ร่วมกันผลิตในครั้งนี้ จะต้องเป็นไปตามกฎการแข่งขันในฤดูกาล 2026 ที่มีการปรับเปลี่ยนไปจากฤดูกาลปัจจุบันมาก โดยเฉพาะการนำระบบไฟฟ้าที่เข้มข้นมากขึ้นมาใช้ เริ่มตั้งแต่การกำหนดให้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในระดับ 350 kW หรือประมาณ 469 แรงม้า (จากปัจจุบันอยู่ที่ 120 kW หรือประมาณ 160 แรงม้า) ซึ่งมีกำลังสูงขึ้น รวมถึงต้องใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ที่ออกแบบให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า Ford และ Red Bull จะต้องพัฒนาทั้งเครื่องยนต์ที่จะต้องมีความยืดหยุ่นในการรองรับเชื้อเพลิง รวมถึงชุดแพคแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการปล่อยกระแสไฟได้มากขึ้น เช่นเดียวกับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ต้องให้กำลังสูง ซึ่งต้องกินไฟต่ำ ด้วยการพัฒนาระบบควบคุมและสั่งการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Christian Horner ผู้จัดการทีมและ CEO ของ Oracle Red Bull Racing กล่าวว่า “เราในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์อิสระ (ปัจจุบัน ทำเครื่องยนต์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง หลังจาก Honda ประกาศเลิกทำเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน Formila 1) ที่มีความยืดหยุ่น เรายินดีที่จะร่วมมือกับ Ford ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาชิ้นส่วน OEM ในวงการยานยนต์ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและความได้เปรียบสูงสุดในการแข่งขัน”
ที่ผ่านมานั้น Ford จัดว่าเป็นอีกหนึ่งค่าย ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงการ Formula 1 โดยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งทีม อันเป็นความร่วมมือระหว่าง Graham Hill และ Lotus ผ่านยุคทอง โดยผลงานการขับขี่ของ Michael Schumacher ในทีม Benetton ตั้งแต่ปี 1994 จนถึงทีมสุดท้าย Jaguar และ Cosworth (ก่อนที่จะเลิกไปในปี 2004) ทางค่าย Ford สามารถคว้าแชมป์ประเภทผู้ผลิตได้ถึง 10 สมัย และได้แชมป์โลกประเภทนักขับถึง 13 ครั้ง