Ferrari แบรนด์ซูเปอร์คาร์ชั้นนำจากประเทสอิตาลี หวนคืนสู่วงการมอเตอร์สปอร์อีกครั้ง ด้วยการนำเสนอม้าพันธ์แรงรุ่นใหม่ในชื่อ Ferrari 296 GT3 ซึ่งถือกำเนิดมาเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของ Ferrari 488 GT3 ที่ถึงกาลปลดระวาง หลังจากที่รับใช้ชาติมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2016 โดย Ferrari 296 GT3 ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะ รวมถึงแอโร่ไดนามิคส์เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในฤดูกาล 2023 ซึ่งหลายๆ ค่าย ทั้ง Porsche, BMW, Lamborghini รวมถึง McLaren ทยอยเปิดตัวรถแข่งสำหรับฤดูกาลถัดไปเป็นที่เรียบร้อย
Ferrari 296 GT3
ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Ferrari 296 GTB ที่มาพร้อมขุมกำลัง V6 Twin Turbo พิกัด 3.0 ลิตร โดยการอัพเกรดในครั้งนี้ ถูกยกระดับพละกำลังขึ้นเป็น 600 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดให้ใช้มากถึง 710 นิวตัน-เมตร โดยการพัฒนาเครื่องยนต์บล็อคนี้ Ferrari ให้ข้อมูลว่า องประกอบหลายๆ อย่าง มีความคลฃ้ายคลึงกับเวอร์ชั่นที่ออกแบบเพื่อการใช้งานบนถนนซึ่งมีสมรรถนะในระดับสูงอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่เปลี่ยนไปก็คือ การวางตำแหน่งของเครื่องยนต์ให้ร่นไปทางด้านหน้าและวางให้อยุ่ในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าสแตนดาร์ด เพื่อประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนัก และสร้างบาลานซ์ที่ดี ในขณะเดียวกันยังคงออกแบบโครงสร้างตัวถังให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยช่วยลดการบิดตัวได้ถึง 10% เมื่อเทียบกับ Ferrari 488 GT3 ที่เป็นตัวแข่งรุ่นก่อน
นอกจากนั้นแล้ว แอโร่ไดนามิคส์เป็นสิ่งสำคัญที่ได้รับการอัพเกรดใน Ferrari 296 GT3 ซึ่งไม่เพียงแต่การอัพเกรดเพื่อสร้างแรงกดเพียงเท่านั้น แต่ยังออกแบบทิศทางการไหลเวียนของอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ รวมถึงระบบเบรกอีกด้วย โดยจุดเด่นของเครื่องยนต์บล็อคนี้ก็คือ การที่ใช้เชื้อเพลิงในระดับที่ต่ำกว่ารถแข่งทั่วไป รวมถึงความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งช่วยลดเวลาและขั้นตอนในการเซอร์วิส อีกทั้งยังมีการลดขนาดของตัวเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง โดยยัดชุด Alternator ไว้ในเสื้อเกียร์แบบ Sequential 6 สปีด (เกียร์วางตามขวางเพื่อบาลานซ์น้ำหนักและจัดการแอโร่ไดนามิคส์ให้ดีมากขึ้น) เพื่อประหยัดพื้นที่ รวมถึงลดน้ำหนักด้วยการออกแบบเสื้อเกียร์ที่ทำจากแม็กนีเซียม ส่วนหน้าที่การตัดต่อกำลังเป็นของชุดคลัทช์แผ่นเดียวซึ่งควบคุมการทำงานด้วยอิเล็คทรอนิคส์ผ่านแป้น Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัย
โครงสร้างของ Ferrari 296 GT3 ขึ้นรูปโดยใช้อลูมิเนียมสเปซเฟรม ผสานการทำงานกับเซ็ตช่วงล่างในรูปแบบ Double Wishbones ทั้งหน้าและหลัง โดยมาพร้อมชุดโช้กอัพที่สามารถปรับได้แบบ 5 Ways เพื่อให้สามารถปรับเซ็ตค่าการทำงานได้แบบยืดหยุ่นมากที่สุด ส่วนระบบเบรกนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยมาพร้อมจานขนาด 400 มม. ในด้านหน้า จับคู่กับชุดคาลิเปอร์แบบ 6 POT ส่วนในด้านหลังมาพร้อมจานขนาด 332 มม. จับคู่คาลิเปอร์ 4 POT ประกบด้วยชุดล้อจาก Rotiform ขนาด 18 นิ้ว ซึ่งเป็นสเป็คพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อ Ferrari 296 GT3 โดยเฉพาะ
ในส่วนของห้องโดยสาร Ferrari 296 GT3
ถูกออกแบบใหม่หมด โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้า รวมถึงทีมแข่งต่างๆ เพื่อให้การจัดการในขณะแข่งขันเป็นไปโดยง่าย นั่นจึงเป็นที่มาของการจัดวางอุปกรณ์ รวมถึงชุดควบคุมหลายๆ อย่าง ให้มีรูปแบบที่คล้ายกับที่ใช้ในรถแข่ง Formula 1 ในขณะเดียวกัน การจัดวางตำแหน่งของผู้ขับขี่ ยังต้องแน่ใจว่า จุดที่นั่งขับนั้น จะต้องเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยรอบข้างได้ดีมากที่สุดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ Ferrari 296 GT3 ยังออกแบบให้สามารถรองรับสรีระผู้ขับขี่ที่หลากหลาย เหมาะกับทุกระดับความสูงของผู้ขับขี่ เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศที่ได้รับการอัพเกรดมาเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ในทุกสภาวะ เพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการแข่งขันอย่างเต็มที่
นอกจากนี้แล้ว ทีมวิศวกรผู้ออกแบบ Ferrari 296 GT3 ยังแสดงถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการแข่งขัน เช่น การขับขี่ในขณะเข้าพิท ซึ่งเป็นเวลาที่ช้ากว่าการวิ่งในรอบแข่งขันทั่วไปมาก ดังนั้นตัวรถจึงต้องออกแบบให้ง่ายต่อการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ที่เกิดการชำรุดเสียหายจากการแข่งขัน โดยเฉพาะชิ้นส่วนในด้านหน้าและหลัง ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เพื่อให้สามารถกลับสู่การแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เสียความสามารถด้านแอโร่ไดนามิคส์ ซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้ รวมไปถึงความง่ายในการเซอร์วิสเครื่องยนต์ เพื่อให้กลับเข้าสู่การแข่งขันได้โดยไม่เสียเวลาเกินควรอีกด้วย
แม้จะไม่ได้พูดถึงรายละเอียดในส่วนของแอโร่ไดนามิคส์มากนัก แต่ Ferrari 296 GT3 ก็สามารถสร้างแรงกดได้ดีขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับ Ferrari 488 GT3 ซึ่งส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับการอัพเกรดด้วยการติดตั้งชุดสปลิตเตอร์ในด้านหน้า, ดิฟฟิวเซอร์ท้ายขนาดใหญ่ รวมถึงดีไซน์ฝากระโปรงท้ายคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น โดย Ferrari 296 GT3 มีแฟลนจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในการแข่งขันรายการ 24 Hours of Daytona 2023 ในวันที่ 26-26 มกราคม ปีหน้า