Home » รถ EV vs. ยาง EV ใส่แล้วดีจริง…หรือแค่การตลาด ?

รถ EV vs. ยาง EV ใส่แล้วดีจริง…หรือแค่การตลาด ?

by Admin clubza.tv
รถ EV จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถ EV จริงหรือ

เป็นธรรมดาว่า…ในช่วงเวลาที่กระแสอะไรสักอย่างบูมขึ้นมา ก็ย่อมจะมีสิ่งที่มีโอกาสที่จะ “ข้องเกี่ยว” เกิดตามมาเพื่อใช้งานร่วมกันด้วย ทั้งที่เกี่ยวข้องจริงๆ หรือ พยามยามจะโยงให้เกี่ยวข้อง เช่น ในยุคหนึ่งที่มีการคิดค้นสูตรน้ำมันเครื่องสำหรับรถที่ติดตั้งก๊าซ LPG หรือ NGV ซึ่งกว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์จากผู้ใช้จริงอยู่นานพอสมควร ในยุคนี้ก็เช่นเดียวกัน ด้วยระดับความต้องการที่แพร่หลายของรถ EV ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อ้างว่า “ออกแบบมาสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ” ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ยางสำหรับรถ EV จำเป็นจริงๆ หรือเป็นแค่ผลิตภัณฑ์ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาด ?

รถ EV จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถ EV จริงหรือ ?

ยางสำหรับรถ EV เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนหลัก ที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงว่า อันที่จริงแล้ว…ผู้ใช้ควรจะเลือกใช้ ยางสำหรับรถ EV โดยเฉพาะหรือไม่ หรือว่าใส่ยางอะไรที่มาตรฐาน ก็ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีไม่แตกต่างกัน ในครั้งนี้เราจะมาร่ายเรียงกันเป็นข้อๆ แล้วดูกันว่า เหตุผลสนับสนุนในการเลือกใช้ ยางสำหรับรถ EV โดยเฉพาะนั้น มีน้ำหนักมากพอหรือไม่ สำหรับการตัดสินใจยอมเติมงบอีกเล็กน้อย (แน่นอนว่าในอนาคต ยางสำหรับรถ EV จะมีราคาถูกลง ตามระดับความต้องการและปริมาณการผลิต) เพื่อให้ได้มาซึ่งการใช้งานที่เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพในระดับสูงสุด

ช่วง Power Band ของรถ EV แรงบิดสูงสุด จะมีให้ใช้งานทันที ก่อนจะค่อยๆ ลดลงในย่านรอบกลาง

ช่วง Power Band ของเครื่องยนต์สันดาป แรงบิดสูงสุดจะต่ำกว่า และกระจายตัวอยู่ในย่านรอบกลางขึ้นไป

ช่วง Power Band ในย่านที่ต่างกัน ส่งผลให้ลักษณะการตอบสนอง มีความแตกต่างกันตามไปด้วย

ไม่แปลก…หากผู้บริโภคจะรู้สึกว่า หากเลือกใช้ยางที่ได้มาตรฐาน ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนย่อมดีไม่แตกต่างจากการเลือกใช้ยางทั่วๆ ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถ EV เป็นรถที่มีช่วง Power Band หรือย่านการปลดปล่อยกำลังที่แตกต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป ซึ่งระดับของพละกำลังสูงสุด จะอยุ่ที่รอบกลางหรือรอบปลาย คือ ต้องเติมคันเร่ง หรือเคลื่อนตัวจนถึงความเร็วในระดับหนึ่ง เครื่องยนต์ถึงจะแสดงประสิทธิภาพออกมาอย่างเต็มที่ แต่สำหรับรถ EV หาเป็นเช่นนั้นไม่ ! คาแร็กเตอร์เฉพาะตัวของชุดมอเตอร์ แทบจะทั้งหมดจะออกแบบให่้สามารถปลดปล่อยกำลังสูงสุดได้ในทันที่ที่จ่ายไฟเข้าไปแบบเต็มๆ นั่นทำให้ช่วง Power Band ของรถ EV นั้น มีกำลังสูงสุดตั้งแต่ในช่วงออกตัว นอกจากนี้…ด้วยพื้นฐานการทำงานของมอเตอร์ที่มีแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป หากเลือกใช้ยางที่ไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้มากพอ อาจจะส่งผลต่อการความสามารถในการควบคุมทิศทาง ดังนั้นการเลือกใช้ยางสำหรับ รถ EV ที่ออกแบบให้สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้ดีตั้งแต่ที่ความเร็วต่ำ ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และส่งให้ตัวรถมีการตอบสนอง รวมถึงสมรรถนะที่ดีตั้งแต่ช่วงออกตัว สามารถควบคุมความเร็วและทิศทางได้อย่างที่ต้องการ

ยางสำหรับรถ EV โดยส่วนใหญ่ จะมีการใส่ฟองน้ำเพื่อช่วยดูดซับเสียง

Harmonic ของเสียง…ยิ่งเสริมยิ่งดัง ยิ่งหักล้างก็ยิ่งเงียบ ดังนั้น Matching จึงเป็นสิ่งสำคัญ

กรณีศึกษาสำหรับคนใช้ รถ EV มาสักพัก เมื่อถึงกำหนดต้องเปลี่ยนยาง แต่ละคนก็มีแนวทางในการเลือกชนิดยางที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่ก็จะศึกษาจากสเป็ค คุณสมบัติต่างๆ ของยางจากฉลาก EU Label ที่ระบุไว้ โดยจุดประสงค์หนึ่งของการเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ คือ ยางเส้นนั้นๆ จะต้องให้เสียงรบกวนต่ำ เลือกมาอย่างดิบดี ปรากฎว่า…พอเอามาใส่กับรถ EV แล้ว เสียงกลับดังขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ !!! ทั้งๆ ที่ในฉลาก EU Label ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ยางเส้นนั้นให้เสียงรบกวนที่ต่ำ ทั้งนี้ทั้งนั้น…สิ่งที่อธิบายในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด หากยังพอจำวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องการเดินทางของเสียงกันได้ เสียงจะเดินทางในลักษณะเป็นคลื่นเสียง ซึ่งเมื่อมีคลื่นเสียงจาก 2 แหล่ง มาซ้อนทับกัน เราจะเรียกว่า การซ้อนทับของคลื่นเสียง หรือ Harmonic ซึ่งโดยปกติแล้ว รถ EV ก็จะมีเสียงที่เกิดขึ้นแบบหนี่ง (โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วงคลื่นเสียงที่เราไม่ค่อยได้ยิน) ส่วนยางที่เลือกใช้เวลาที่สัมผัสกับพื้นถนน ก็จะสร้างคลื่นเสียงในอีกแบบหนึ่ง จนกลายมาเป็น Harmonic ของเสียง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า การเลือกจับคู่ยางของรถคันนั้น กับยางชุดนี้ การรวมตัวกันของคลื่นเสียง 2 รูปแบบ จะมาใน Harmonic ที่ส่งเสริม หรือหักล้างกัน ซึ่งหากเป็น Harmonic ส่งเสริม ก็อาจจะทำให้เกิดเสียงรบกวนเข้ามาภายในห้องโดยสารที่มากขึ้น แต่หากเป็น Harmonic หักล้าง เสียงที่เกิดขึ้นก็จะน้อยลงตามไปด้วย นี่คือ สิ่งที่ผู้ผลิต ยางสำหรับรถ EV ให้ความสำคัญ โดยการออกแบบสูตรดอกยาง เนื้อยาง เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการสร้างคลื่นเสียงของยาง (บางรุ่นมีการใส่แผ่นโฟมเพื่อดูดซับเสียงไว้ภายในยาง) กับคลื่นเสียงของรถ EV จับคู่กันในทิศทางที่ลงตัว หรือไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่มากจนเกินไปในขณะใช้งาน ต่างกับการเลือกจับคู่กับยางทั่วไป ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ยางแบบไหนที่จะเหมาะสม นอกจากจะต้องลองผิดลองถูก (หรือเสียเงิน) ด้วยตัวเองเสียก่อน…มันควรแล้วหรือ ?

แบตเตอรี่แพคขนาดใหญ่ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถ EV มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการสึกหรอของยาง

น้ำหนักยิ่งมาก ยางยิ่งต้องมีความทนทานสูง

สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับรถ EV ก็คือ น้ำหนักที่มากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไปราว 20-30% เมื่อเทียบกับรถในเซ็กเม้นท์เดียวกัน โดยเฉพาะกับรถ EV ที่มาพร้อมแบตเตอรี่แพคขนาดใหญ่ ภาระในการแบกน้ำหนัก ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลก หากเราจะรู้สึกได้ว่า ยางทั่วไปที่ถูกนำมาใช้กับรถ EV นั้น มีการสึกหรอที่เร็วกว่า ด้วยมวลที่กดทับลงไปมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้ว…ด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นของรถ EV ย่อมส่งผลต่อการออกแบบค่าประสิทธิภาพในการรับน้ำหนัก หรือ Load Index ที่ ยางสำหรับรถ EV จะต้องออกแบบให้เนื้อยางมีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักและการกดทับที่เหนือกว่าเพื่อชดเชยประสิทธิภาพด้านความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว (ซึ่งไม่ควรจะต่างจากรถยนต์ทั่วไป) เช่นเดียวกับในส่วนของโครงสร้างที่ต้องออกแบบให้แข็งแรงพอจะที่จะรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น โดยยังคงต้องรักษาเสถียรภาพการขับขี่ รวมถึงความนุ่มนวลในการใช้งานเอาไว้ ไม่ให้แตกต่างจากยางทั่วๆ ไป

EU Label หรือฉลากบ่งบอกประสิทธิภาพของยาง ทั้งการประหยัดน้ำมัน, ความสามารถการเบรกบนถนนเปียก และระดับความดังของยาง

จะมีประโยชน์อะไร ถ้ายางยึดเกาะได้ดี แต่…ใช้แล้วไม่ประหยัด !

สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้คาดหวังต่อการเลือกรถ EV มาใช้งาน คงหนีไม่พ้น การที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว รถ EV จะมีค่าใช้จ่ายต่อการเดินทาง 1 กม. ต่ำกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปอยู่ประมาณ 3-5 เท่า (ขึ้นอยู่กับวิธีและช่วงเวลาในการเลือกจุดชาร์จ) ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองก็คือ ความต้านทานในการหมุนของยาง หรือ Rolling Resistance ซึ่งโดยปกติแล้ว ยางสำหรับรถ EV จะออกแบบเนื้อยางให้มีค่าความต้านทานการหมุนที่ต่ำ เพื่อให่ตัวรถสามรถเคลื่อนที่ได้ไกลขึ้น (จากการออกแรงเท่าเดิม) ด้วยแรงต้านทานที่ต่ำนี้เอง ก็ย่อมจะช่วยลดการใช้พลังงานของรถ EV ส่งให้ค่าใช้จ่ายต่อการเดินทางต่ำลง อีกทั้งยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์อื่นๆ เช่น มอเตอร์และชุดแพคแบตเตอรี่ทางอ้อมอีกด้วย

ยางสำหรับรถ EV บางรุ่น อาจไม่ใช่ยางแบรนด์ที่เราคุ้นหู แต่กลับให้ประสิทธิภาพทั้งบนถนนแห่งและเปียกได้อย่างน่าประทับใจ

ยางทั่วไป กับรถ EV ยังคงจับคู่กันได้อย่างไร้ปัญหา แต่…

ในปัจจุบัน…ตัวเลือก ยางสำหรับรถ EV อาจจะยังไม่แพร่หลายมากนักในท้องตลาด แต่ก็มีรถ EV จำนวนไม่น้อย ที่มีการติดตั้ง ยางสำหรับรถ EV มาให้จากโรงงาน ซึ่งในบางรุ่น บางยี่ห้อ อาจจะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยเท่าใดนัก (แต่ทำตลาดในต่างประเทศมานาน และเป็นโรงงานผลิตยางให้กับแบรนด์ชั้นนำหลายๆ แบรนด์) ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาหรือหาข้อมูล รวมถึงทดลองใช้ (ในกรณีที่เป็นยางติดรถมาจากโรงงาน ซึ่งสำหรับรถ EV บางรุ่น คือ ทำได้ดีมาก) เพื่อที่จะเลือกยางให้เหมาะสมกับรถ EV รุ่นนั้นๆ แต่หากตัวเลือกยังไม่แพร่หลาย หรืออยู่ในคอนดิชั่นที่เหมาะสม การเลือกใช้ยางทั่วไปกับรถ EV ก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เพียงแต่ว่า ประสิทธิภาพการใช้งาน อาจจะไม่สามารถดึงเอาขีดสุดของคุณสมบัติของยาง ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับ ยางที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับรถ EV โดยเฉพาะ เท่านั้น


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy