การใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ในยุคแรกๆ ผู่ใช้ที่ยังขาดความเข้าใจ อาจจะมีแนวคิดที่ว่า จำเป็นจะต้องเลือกรถที่รองรับการเดินทางได้ระยะไกลที่สุด เพื่อให้สามารถวิ่งไปยังจุดหมายได้โดยไม่ต้องแวะชาร์จ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยการพัฒนาระบบการชาร์จของรถ EV ในแต่ละรุ่น รวมถึงจุดชาร์จที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้แนวทางในการเลือกใช้รถ EV นั้นเปลี่ยนไป แบตเตอรี่อาจไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้รถมีราคาสูงเกินจำเป็น แถมยังต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระดับสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ
แต่สิ่งสำคัญในการเลือกรถ EV ในยุคปัจจุบัน คือ การเลือกรถที่สามารถรองรับการชาร์จได้เร็ว จอดชาร์จไม่นานก็สามารถไปต่อได้จนถึงจุดหมายได้อย่างไร้กังวล รถ EV แต่ละรุ่น ล้วนได้รับการพัฒนาขีดจำกัดในการชาร์จ รวมถึงระบบ Battery Management System ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถรองรับการชาร์จไฟได้เร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการชาร์จในรูปแบบ Quick Charge ด้วยไฟกระแสตรง ในอดีต…รถ EV โดยทั้วไป อาจถูกจำกัดความเร็วในการชาร์จไว้ที่ไม่เกิน 50-60 kW แต่ในปัจจุบันความเร็วในการชาร์จที่ 80 kW ดูจะเป็นความเร็วในระดับมาตรฐานที่รถ EV ในยุคนี้ต้องรองรับ เพื่อที่จะให้การชาร์จสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว นั่นจึงเป็นที่มาของการรวบรวมข้อมูลของ #ทีมขับซ่า ที่ในครั้งนี้ จะมาพูดถึงความเร็วในการชาร์จไฟสำหรับรถ EV ในแต่ละรุ่น ว่าการชาร์จในระยะเวลา 30 นาที รถแต่ละรุ่นจะสามารถเดินทางได้ไกลขนาดไหน หากเทียบอัตราสิ้นเปลืองที่ระบุใน Eco Sticker หรือจากตัวเลขที่เชื่อถือได้ ?
ระยะการเดินทาง ต่อการชาร์จ 80% ของรถ EV รุ่นยอดนิยมในประเทศไทย
ก่อนที่จะมองลึกไปถึงว่า ในการชาร์จ 30 นาที ของรถ EV แต่ละคันนั้น สามารถวิ่งได้ไกลแค่ไหน เราอาจจะต้องมองพื้นฐานของรถ EV รุ่นนั้นๆ ว่ามีอัตราสิ้นเปลือง, ความเร็วในการรองรับการชาร์จ (ซึ่งมีผลต่อเวลาในการชาร์จ) รวมถึงระยะทางที่วิ่งได้เมื่อชาร์จไฟจนถึง 80% เสียก่อน จากตัวเลขในตาราง Porsche Taycan เป็นรถ EV ที่ชาร์จได้เร็วที่สุด โดยในการชาร์จจาก 10-80% ใช้เวลาไปเพียง 21 นาที เท่านั้น ส่วนรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่อย่าง Mercedes-EQS 450+ เป็นรถที่สามารถเดินทางได้ไกลที่สุด เมื่อชาร์จไฟถึง 80% โดยคิดเป็นระยะทาง 513 กม. ซึ่งระยะทางเฉลี่ยของรถ EV ที่สามารถเดินทางด้วยปริมาณไฟในระดับ 80% จะอยู่ที่ประมาณ 300 กม. รวมถึงระดับความเร็วในการชาร์จของรถ EV โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1.xx kWh/นาที
ระยะการเดินทาง ต่อการชาร์จ 30 นาที ของรถ EV
* Porsche Taycan ใช้เวลาชาร์จต่ำกว่า 30 นาที สำหรับการเดินทางต่อ 414+ กม.
หากนำตัวเลขจากตารางที่ 1 มาเทียบย้อนกลับเป็นระยะทางที่สามารถวิ่งได้ เมื่อจอดชาร์จไฟในระยะเวลา 30 นาที ยังคงเป็น Porsche Taycan ซึ่งใช้เวลาต่ำกว่าที่กำหนด (หากต้องการไฟสูงสุดแค่ 80%) และหากชาร์จไฟจนครบเวลา มีความเป็นไปได้ว่า Porsche Taycan จะวิ่งได้ทะลุ 433 กม. (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้ สำหรับการชาร์จในระดับที่เกิน 80% ไปแล้ว) แน่นอนว่ารถที่วิ่งได้ไกลที่สุดในหัวข้อนี้ ย่อมต้องเป็นรถที่สามารถรองรับการชาร์จได้เร็ว ซึ่ง Mercedes-EQS 450+ ยังคงเป็นรถที่ชาร์จเร็วและวิ่งได้ไกล ด้วยตัวเลขระดับ 446 กมง สำหรับการชาร์จ 30 นาที โดยแม้ว่า BMW iX จะเป็นรถที่รองรับกำลังไฟในการชาร์จได้เร็วไม่แพ้กัน แต่ด้วยอัตราการกินไฟที่สูงกว่า ทำให้ตัวรถวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าเพียง 330 กม. ในระยะเวลาการชาร์จ 30 นาที เท่านั้น ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับรถ EV ในกลุ่มที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ก็คือ MG 4 EV ประสิทธิภาพการชาร์จของ รถ EV รุ่นล่าสุดที่มีแพลนจะเปิดตัวในประเทศไทยภายในปีนี้ เป็นรถที่รองรับกำลังการชาร์จไฟได้ในระดับที่สูงถึง 135 kW ซึ่งทำให้ตัวรถสามารถอัดไฟได้ถึง 40.8 kWh ในระยะเวลา 30 นาที แถวยังเป็นรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในระดับมาตรฐานที่ 16 kWh/100 กม. นั่นจึงทำให้ตัวรถสามารถเดินทางได้ไกลถึง 255 กม. สำหรับการชาร์จเพียง 30 นาที ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ทิ้งห่างรถในระดับราคาเดียวกัน ที่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 140-170 กม. ต่อการชาร์จ 30 นาที
ข้อมูลจากการคำนวนของ #ทีมขับซ่า เป็นเพียวตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพเท่านั้น ในการใช้งานจริงของรถ EV ล้วนแล้วขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการใช้งาน พฤติกรรมการขับขี่ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ความสามารถในการปล่อยไฟของสถานีชาร์จ ซึ่งทุกองประกอบล้วนแล้วแต่มีผลให้ตัวเลขในการใช้งานจริง มีความแตกต่างกันออกไป