ก้าวหน้า พัฒนาเร็วกว่าที่คาดคิด กับยานยนต์ไฟฟ้าที่มากับปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ไร้คนขับเป็น Autonomous Vehicle แบบต่างๆ ทั้งวิ่งบนพื้น บินบนอากาศ มีการนำระบบต่อเชื่อม ‘Connectivity App’ มาใช้ เราสามารถติดต่อสื่อสารกับมันได้ พวก WAYMO, TESLA, UBER Pool , UBER Taxi, UBER Air, GRAB Share และที่ทาง APPLE, DYSON ก็กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ มีรถบัส รถตู้ รถบินไร้คนขับออกบริการแล้วที่เมืองนอก เพียงแต่ยังมีเฟอะฟะ ออกอาการโง่อยู่บ้างจนคนกลัว แต่อีกไม่นานน่าจะดีขึ้น เมื่อมันพ้ฒนาสู่ AI ขั้น4 ขั้น 5
ค่ายจีนก็ไม่น้อยหน้าฝรั่ง ทั้ง PONY.ai, BAIDU, DIDI, AUTO X เรื่องเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ สามารถพัฒนา App ใหม่ออกมาจำนวนมาก เพราะพร้อมแล้วกับเทคโนโลยี 5G วัตกรรมการผลิตซูปเปอร์ชิป ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) จีนจะก้าวสู่อันดับต้นๆของโลก AI/EV อย่างแน่นอน อาจจะล้ำหน้าสหรัฐเมื่อถึงปี 2030 ด้วยซ้ำ !!
การออกแบบ การผลิตรถยุคหน้า
ยุคหน้ามีลักษณะ กระบวนการผลิตที่เปลี่ยนไป การออกแบบจะเปลี่ยนทั้งขนาด มิติ โครงสร้าง ฟังค์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกของรถ ที่ครอบอยู่เหนือแพลทฟอร์ม/แชสซีส์ของมัน จะมีการแชร์แพลทฟอร์ม/แชสซีส์แบบทันควัน ออนดีมานด์ จะมีศูนย์กลางเป็นฮับร่วมให้พวกมันวิ่งมาเฉพาะแพลทฟอร์ม/แชสซีย์ เข้ามาครอบฟังค์ชั่น ห้องโดยสาร จำนวนผู้โดยสาร เพื่อบริการผู้คน แพลทฟอร์มเดียวกันก็จะถูกครอบด้วยกระดองแบบต่างๆแบบ “ทันควัน” เพื่อปรับรูปแบบในการใช้บรรทุก ขนของ ขนคน และใช้เป็นรถส่วนบุคคล โดยมีระบบคอมพิวเตอร์กลางเป็นตัวควบคุม จัดการให้ตามออร์เดอร์ที่ผู้ใช้บริการต้องการ เป็นได้ทั้ง People-Mover Mode หรือ Cargo Mode … แล้วแต่ความต้องการ !!
เอนกคุณลักษณ์ รูปลักษณ์ ของรถในอนาคต
ความยืดหยุ่นทั้งในการออกแบบ ผลิตแบบออนดีมานด์นี้หลากหลายขึ้น จะครอบคลุมไปถึงผู้ใช้ด้วย สามารถปรับแต่งตามความต้องการ มี Interior Configurations แบบต่างๆให้เลือก เน้นเดินทางระยะสั้นในเมือง เดินทางไกล เป็นห้องนอน เป็นที่ทำงาน เลือกระบบเอนเทอร์เทนเมนท์ เลือกสี แสง ชนิดวัสดุ ตามต้องการ
กระจกจะถูกนำมาใช้เป็นลูกเล่นมากขึ้น เพราะในการขับเคลื่อนแบบ Autonomous นั้นไม่จำเป็นต้องเพ่งระวังมองอะไรมากนัก จะถูกนำมาใช้เป็นพื้นที่ ‘ดิสเพลย์’ แสดงผล ควบคุม อินโฟเทนท์เมนท์ ติดต่อสื่อสาร ทำงาน เล่นเกมส์ ตรงนี้พวก VR, AR จะถูกนำมาใช้มากมาย การสั่งโดยคำพูด ท่าทางกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน จะเข้าสู่การติดต่อสื่อสารสั่งการโดยไม่ต้องสัมผัส (Touchless-User Interface) ใช้ 3D Holograms แม้ระบบที่ว่านี้ได้ถูกนำมาใช้หลายปีแล้วในรถ แต่ก็ได้พัฒนาต่อโดยใช้คลื่นสมอง BCI(Brain-Computer Interface) เป็นตัวควบคุมการทำงาน
การใช้รถ ในอนาคต
เราจะได้พบชนิด รูปแบบ คุณลักษณ์ เครื่องยนต์ ชนิดของเชื้อเพลิง ให้เลือกมากขึ้น ภาครัฐของแต่ละประเทศจะมีมาตรการ ข้อกำหนด การรณรงค์ ภาษี ค่าที่จอดรถ “คนเมือง” จะมีความเป็น “Mobilists” มากขึ้น ยานพาหนะ/การเลือกในการเดินทางจะเน้นไปที่การเดินทางสู่จุดหมายเป็นหลัก ปัจจัยทางอารมณ์ ภาพลักษณ์ การแสดงฐานะจะลดความสำคัญลง
เราจะมองยานพาหนะที่ใช้ว่าเป็น “Solution” ไม่ใช่ “Emotion” อีกต่อไป “ปล้อน” รับประกัน !!
………………………………………………………
ติดตามข่าวสารขับซ่าได้ ที่นี่
ชมรายการขับซ่า34 ย้อนหลังได้ ที่นี่
