Home » E-Turbo ของเล่นชิ้นล่าสุดจาก Mercedesdes-AMG ปั่นไว ไม่ง้อรอบ ตอบโจทย์สายแรงแบบไร้ข้อจำกัด

E-Turbo ของเล่นชิ้นล่าสุดจาก Mercedesdes-AMG ปั่นไว ไม่ง้อรอบ ตอบโจทย์สายแรงแบบไร้ข้อจำกัด

by Admin clubza.tv
Mercedesdes-AMG

Turbo (เทอร์โบ) นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเรียกสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแรงม้า หรือแรงบิดที่เพิ่มสูงขึ้นแบบผิดหูผิดตา ซึ่งเชื่อว่าอุปกรณ์ที่เรียกว่า Turbo นี้…เป็นที่รู้จักของนักเล่นรถยนต์มาอย่างยาวนาน แต่ก็อย่างที่หลายคนทราบ แม้ว่าเทอร์โบจะมีข้อดีที่ช่วยเพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ได้มากขึ้นก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่ทำให้ช่วงในการทำงานของเทอร์โบนั้น ยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ซึ่งแม้ว่าในยุคนี้ จะมีการปรับรายละเอียดเพื่อลดจุดด้อยเหล่านั้น แต่อาการที่เรียกว่า “รอรอบ” หรือต้องเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ถึงช่วงการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเทอรโบ…ยังคงเกิดขึ้นได้เสมอ เป็นเหมือนคาแร็กเตอร์เฉพาะตัวที่เกิดมาคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้ว่าหลายๆ ค่ายจะเข้าใจถึง “จุดอ่อน” ของเทอร์โบและพยายามพัฒนาเพื่อลดข้อจำกัดด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใช้เทอร์โบแบบแปรผัน, การใช้เทอร์โบคู่ที่ออกแบบไซส์ของเทอร์โบให้มีขนาดที่ต่างกัน เพื่อการตอบสนองอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงรอบ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางในการแก้ไขที่ดูดี แต่จนทุกวันนี้ ยังไม่เห็นค่ายไหนจริงจังกับการพัฒนาเทอร์โบในรูปแบบไฟฟ้า หรือ E-Turbo แบบเดียวกับที่ทางค่าย Mercedes-AMG ออกมาเผยรายละเอียดเมื่อช่วงกลางปีก่อน ซึ่ง เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วบลดข้อจำกัดในการทำงานของเทอร์โบ แบบที่เราเคยพบเจอมาในทุกยุคสมัย เพื่อให้การเรียกพละกำลังจากเครื่องยนต์ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดอาการรอรอบ สามารถตอบสนองได้ในทันทีที่กดคันเร่ง และสร้างแรงลมได้มากในรอบการทำงานแบบ Hi Rev

รอรอบ คือ อะไร…E-Turbo ไม่รู้จัก !!!

แม้ว่าจะมีการพัฒนาและเผยรายละเอียดมานานแรมปี แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่มีตัวแรงจาก Mercedes-AMG รุ่นไหนที่ใช้ระบบอัดอากาศด้วย เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo แต่ก็คงอีกไม่นานแล้ว เพราะรุ่นแรกที่คาดว่าระบบอัดกากาศ E-Turbo จะถูกนำมาติดตั้ง ก็คือ Mercedes-AMG C63 ซีดานเวอร์ชั่นแรงเจนเนอเรชั่นต่อไป ที่กลับมาในครั้งนี้ด้วยองค์ประกอบที่ต่างไปจากเดิมจากสิ้นเชิง จากที่ก่อนหน้า…เคยใช้ขุมพลังในรูปแบบ V8 มาโดยตลอด แต่สำหรับเจนเนอเรชั่นล่าสุดที่อยู่ในระหว่างการทดสอบ จะมาพร้อมขุมพลัง M139 ในรูปแบบ 4 สูบ เทอรโบ ที่หยิบยืมมาจากตัวแรง Mercedes-AMG A45s นำมากลับฝั่งทำเป็นขับหลัง พร้อมพ่วงด้วยมอเตอร์ไฮบริดแบบ 2 สปีด โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกกำลังในระดับกว่า 640 แรงม้า !!! ซึ่งนอกจากการเพิ่มมอเตอร์เข้าไปแล้ว ในส่วนของเครื่องยนต์ ยังเป็นมาพร้อมการอัพเกรดเพื่อความเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ระดับโปรดักชั่นที่แรงที่สุดในโลก ด้วยการติดตั้งเทอร์โบที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า หรือ E-Turbo ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 443 แรงม้า

Mercedes-AMG C63 เจนเนอเรชั่นต่อไป จาก V8 สู่ 4 สูบ ไฮบริด โดยใช้เทอร์โบไฟฟ้าเรียกกำลังได้กว่า 640 แรงม้า

เลย์เอ้าท์ที่ชวนค้นหา…ตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG ยุค 2021

สำหรับ เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Mercedes-AMG และผู้ผลิตเทอร์โบระดับชั้นนำอย่าง Garrett โดยดึงเอาเทคโนโลยีจากการแข่งขัน Formula 1 มาถ่ายทอดสู่รถในระดับโปรดักชั่น เพื่อลดจุดบกพร่องของเทอร์โบที่มีขนาดเล็ก แต่ตอบสนองได้เร็ว และให้กำลังได้ดีในช่วงรอบต่ำ แต่ขาดประสิทธิภาพในการทำลมช่วงรอบสูง กับเทอร์โบขนาดใหญ่ ที่ให้กำลังสูงสุดได้ดี แต่ด้อยเรื่องการตอบสนองหรือมีอาการรอรอบในช่วง Low Engine Rev โดยชุด เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo จะมีการวางมอเตอร์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความหนาเพียง 4 ซม. บริเวณเสื้อแกนเทอร์โบ ซึ่งควบคุมการทำงานผ่านกล่องอิเล็คทรอนิคส์ (ข้อดีคือ สามารถกำหนดรอบการหมุน และช่วงรอบในการตอบสนองได้ตามที่ต้องการด้วยโปรแกรมภายในกล่องควบคุม) โดยมอเตอร์ตัวนี้…จะรับหน้าที่ช่วยปั่นเทอร์โบด้วยแรงเคลื่อนไฟฟ้าระดับ 48 โวลต์ ก่อนที่ไอเสียจากเครื่องยนต์จะเพียงพอที่จะปั่นเทอร์โบได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo สามารถปั่นได้สูงสุดถึง 170,000 รอบ/นาที

มอเตอร์แบบบาง วางในเสื้อเทอร์โบ คุมรอบการหมุนและความเร็วในการตอบสนองได้ตามต้องการด้วย Control Unit

นั่นหมายความว่า…เพียงแตะคันเร่งเบาๆ แรงบูสต์จาก เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo ลูกนี้ ก็จะมีมารอให้ใช้งานได้ในทันที มีแรงบิดสูงสุดออกมาให้ใช้ในรอบที่ต่ำลง หรือในกรณีที่ต้องเหยียบหรือยกคันเร่งบ่อยครั้ง เทอรโบที่ควบคุมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จะยังสามารถรักษาระดับแรงดันบูสต์ให้คงที่ และพร้อมสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเทียบหลักการทำงาน คือ จะคล้ายๆ กับรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฮบริด ช่วยเรียกกำลังในการขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ หรือในขณะเร่งแซงนั่นเอง เมื่อหมดห่วงเรื่องความเร็วในการตอบสนองแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ การเพิ่มศักยภาพในการทำลมของชุดเทอร์โบ ที่สามารถเล่นกับโข่งหลัง หรือใบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการทำลม รวมถึงการระบายไอเสีย และลดความร้อนสะสมภายในเครื่องยนต์ที่ดีกว่าในช่วงรอบสูง

เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo จัดว่าเป็นอีกหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจของสายแรง ที่ยังคงต้องการประสิทธิภาพการตอบสนองในระดับสูงสุด ซึ่งต้องของคุณวงการมอเตอร์สปอร์ตและแบรนด์ผู้ผลิตอย่าง Mercedes-AMG ที่นำเทคโนโลยีเบอร์ต้นๆ ของโลกมาใส่ในรถโปรดักชั่น เชื่อว่าไม่นาน…คนทั้งโลกจะรู้จัก และหลงรัก เทอร์โบไฟฟ้า หรือ E-Turbo กันมากขึ้น ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง เราอาจจะได้สัมผัสเทคโนโลยีชั้นสูงแบบนี้ ในรถที่เราใช้งานในชีวิตประจำวันก็เป็นได้

ขอขอบคุณข้อมูลคลิปจาก Mercedes-Benz, Garrett, BorgWarner

 

 

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy